ตอนที่ 343 เข้าใจผิดกันทั้งนั้น
“ก็เพราะเขาเก็บตัวยังไงล่ะ!” หนิวโหย่วเต้ายืนขึ้นมา จากนั้นเดินเข้าไปใต้ชายคา มุ่งหน้าไปทางห้องหนังสือ
ก่วนฟางอี๋ค่อนข้างสงสัย ลุกตามขึ้นมา “คนเก็บตัวก็มีข้อดีในแบบของคนเก็บตัว แต่เขาไม่มีทางเข้าไปยุ่งกับปัญหาวุ่นวายใดๆ ที่อยู่นอกเหนือจากภาระงานของทางราชสำนัก เจ้าไปหาเขาก็เปล่าประโยชน์”
“คนเก็บตัวมีสาเหตุที่เป็นไปได้อยู่ไม่กี่อย่างเท่านั้น อย่างแรกเป็นเพราะความสามารถมีจำกัด ไร้ศักยภาพไม่มีทางเลือก จึงทำได้เพียงต้องเก็บตัว อย่างที่สองเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลา กำลังรอดูลาดเลาอยู่ อยากปกป้องตัวเองไว้ก่อนจึงเลือกเก็บตัว อย่างที่สามเป็นเพราะรังเกียจความขัดแย้ง ไม่ชอบชิงดีชิงเด่น ต้องการเก็บตัวอย่างแท้จริง” หนิวโหย่วเต้าเดินไปพลางอธิบายเสียงเบา จากนั้นถามต่อมา “เจ้าคิดว่าอิงอ๋องคนนี้ไร้ความสามารถถึงขนาดที่ต้องเก็บตัวเช่นนี้เหรอ? หากเขาไร้ความสามรถจริงๆ แล้วเหตุใดราชสำนักถึงยังมอบหมายภาระงานให้เขาไปจัดการอยู่เล่า ไม่กลัวเขาทำเสียเรื่องหรือ? จากที่เจ้าว่ามา ข้ายังไม่เคยได้ยินว่าเขาทำเรื่องเสื่อมเสียงามหน้าอันใดเลยมิใช่หรือ แล้วก็ไม่เคยได้ยินว่าเขาปฏิบัติงานใดล้มเหลวมาก่อน เจ้าคิดว่าคนที่วางตัวให้อยู่ในระดับกลางๆ ไม่มากไปไม่น้อยไปเช่นนี้ตลอดมันง่ายนักหรือ?”
ก่วนฟางอี๋เข้าใจความหมายของเขาแล้ว “เจ้าจะบอกว่าอิงอ๋องกำลังแสร้งทำเป็นเก็บตัวอยู่เงียบๆ อย่างนั้นหรือ แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ใช่คนที่ชอบเก็บตัวอยู่เงียบๆ จริงๆ?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยออกมาตรงๆ ว่า “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าองค์ชายที่ถือกำเนิดในราชวงศ์จะเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่มีใจหมายปองราชบัลลังก์ และข้าก็เชื่อว่าเขากำลังรอดูลาดเลาอยู่ รอคอยให้โอกาสมาถึง บางครั้งการไม่แก่งแย่งก็คือการแก่งแย่งอย่างหนึ่งเช่นกัน!”
ก่วนฟางอี๋ใคร่ครวญตามแล้วพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็มองพิจารณาเขาหัวจรดเท้า “อายุยังน้อยแท้ๆ ไปเอาความคิดเจ้าเล่ห์ซับซ้อนเช่นนี้มาจากไหนมากมายนัก? ต่อให้เจ้ามีเหตุผล แต่อีกฝ่ายไม่ยอมพบหน้าเจ้า พวกเราก็ทำอะไรเขาไม่ได้”
หนิวโหย่วเต้าพ่นลมหายใจออกมา เอ่ยขึ้นว่า “เป้าหมายมีความเคลื่อนไหว พวกเขาเริ่มดำเนินการแล้ว ข้าจะเสียเวลากับอิงอ๋องคนนั้นไม่ได้แล้ว ข้าจะต้องไปพบเขาแล้วเจรจาตกลงโดยเร็วที่สุด ช่วยนำจดหมายของข้าไปส่งให้เขาที!” ว่าพลางเดินเข้าไปในห้องหนังสือของก่วนฟางอี๋
พอรินน้ำจะฝนหมึก ก่วนฟางอี๋ก็เข้ามาช่วยฝนหมึกให้เขาด้วยตัวเอง ด้วยอยากเห็นว่าเขาจะเขียนอะไร
หนิวโหย่วเต้ายืนอยู่ข้างโต๊ะหนังสือหลับตาใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง หลังจากลืมตาขึ้นก็หยิบพู่กันจุ่มหมึก จรดพู่กันเขียนอักษรแถวหนึ่งรวดเดียวจนจบ แผ่นดินเลิศวิไลกว้างไพศาล ยวนเย้าชายชาญหมายช่วงชิง! ฤาจะปล่อยให้มุสิกเขลาเข้าครอบครอง? ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร จะพบหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับความคิด!
“แผ่นดินเลิศวิไลกว้างไพศาล ยวนเย้าชายชาญหมายช่วงชิง! แผ่นดินเลิศวิไลกว้างไพศาล…” ก่วนฟางอี๋ที่ยืนอยู่ด้านข้างอ่านทวนประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา ดวงตาฉายแววหลงใหลเล็กน้อย สุดท้ายสายตาก็หันมองใบหน้าหนิวโหย่วเต้าที่กำลังวางพู่กันลงช้าๆ แววตาดูซับซ้อน
หนิวโหย่วเต้าหยิบแผ่นกระดาษขึ้นมา เป่าคราบหมึกให้แห้งแล้วส่งให้นาง
ก่วนฟางอี๋ถือไว้พลางมองเล็กน้อย ลองถามหยั่งเชิง “เขียนถ้อยคำเหล่านี้แล้วเขาจะยอมพบเจ้าหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ลองดูแล้วกัน”
ก่วนฟางอี๋เอ่ยว่า “หากว่ายังไม่ยอมพบล่ะ?”
หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “ในเมืองหลวงแห่งนี้ ข้ากล้าแตะต้องเขา แต่เขาไม่กล้าแตะต้องข้า ข้าจะสร้างปัญหาให้เขาทันที!”
ทั้งสองเดินออกมาจากห้องหนังสือ พบกับสวี่เหล่าลิ่วที่มาหาพอดี
“พี่ใหญ่ เต้าเหยี่ย!” สวี่เหล่าลิ่วเอ่ยทักคนทั้งสอง เขาเรียกขานก่วนฟางอี๋ด้วยคำเรียกเฉพาะโดยไม่หลบเลี่ยงหนิวโหย่วเต้า คำที่ใช้เรียกขานหนิวโหย่วเต้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน หลังจากเหตุการณ์จับชู้คาเตียงคราวนั้น คนในสวนไม้เลื้อยล้วนเปลี่ยนคำเรียกขานหนิวโหย่วเต้ากันหมด
“มีเรื่องใดหรือ?” ก่วนฟางอี๋ถาม
สวี่เหล่าลิ่วกล่าวว่า “คนกลุ่มหนึ่งจากสำนักหยกสวรรค์มารออยู่ด้านนอก บอกว่าตนคือเฟิงเอินไท่พี่ชายร่วมสาบานของเต้าเหยี่ย ต้องการเข้าพบเต้าเหยี่ยขอรับ”
หนิวโหย่วเต้ากะพริบตาปริบๆ ยิ้มพลางเอ่ยว่า “รอดชีวิตกลับมาได้เสียด้วย”
“พี่น้องร่วมสาบานของเจ้านี่เยอะจริงๆ เลยนะ” ก่วนฟางอี๋แค่นหัวเราะพลางกล่าว
หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ “พี่น้องมากลู่ทางก็มากตาม”
ก่วนฟางอี๋เอ่ยแดกดัน “อย่างนั้นหรือ คนที่แม้แต่สตรีของพี่น้องร่วมสาบานก็ยังไปหลับนอนด้วยได้ ย่อมอยากมีพี่น้องให้มากหน่อยเป็นธรรมดา”
“พรืด…” สวี่เหล่าลิ่วหลุดหัวเราะทันที
หนิวโหย่วเต้าหน้าตึง เอ่ยไปว่า “พูดเหลวไหลอะไรของเจ้า ข้าไปหลับนอนด้วยตอนไหน?”
ก่วนฟางอี๋หันไปโบกมือสั่งสวี่เหล่าลิ่ว “ให้คนเข้ามาเถอะ!”
ไม่นานนักเฟิงเอินไท่ก็เดินนำคนกลุ่มหนึ่งเข้ามา
พอสองพี่น้องได้พบหน้ากันอีกครั้ง ไม่ว่าใจจริงจะรู้สึกดีใจหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ต้องแสดงออกว่าดีใจ โอบไหล่พูดคุยทักทาย
หนิวโหย่วเต้าเห็นสีหน้าเฟิงเอินไท่ซีดขาว ศิษย์สำนักหยกสวรรค์ที่มาด้วยกันมีส่วนหนึ่งที่เห็นได้ชัดว่ามีอาการบาดเจ็บ เขาจึงอดถามไม่ได้ “พี่ใหญ่ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
เฟิงเอินไท่ถอนหายใจเอ่ยตอบว่า “บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น! ดันพบคนไม่เต็มเต็งกลุ่มหนึ่งเข้า โยนของให้พวกเขาไปแล้ว แต่ก็ยังตามล่าสังหารพวกเราไม่ยอมเลิกรา ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าของยังอยู่ในมือพวกเรา ก็เลยตามไล่ล่ามาตลอดทางด้วย! พอแล้ว อย่าพูดถึงอีกเลย”
เขาโบกมือบอกปัด สีหน้าทุกข์ระทมอย่างแท้จริง
สายตาเขาหันเหไปที่ตัวก่วนฟางอี๋ เห็นได้ชัดว่าเคยพบกันมาแล้ว เขายิ้มแล้วเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง “หงเหนียงแห่งเมืองหลวงแคว้นฉี ข้าสมควรเรียกเจ้าว่าน้องสะใภ้แล้วกระมัง?”
เอ่ยเรียกน้องสะใภ้ออกมาได้ ดูเหมือนจะทราบข่าวของทางนี้แล้ว
ใบหน้าของหนิวโหย่วเต้ากระตุกขึ้นมาเล็กน้อย
ก่วนฟางอี๋โบกพัดกลมพลางพยักเพยิดหน้าไปทางหนิวโหย่วเต้า ยิ้มละไมกล่าวไปว่า “พี่เฟิงต้องถามเขาว่ายินดีหรือไม่”
เฟิงเอินไท่ถามหนิวโหย่วเต้าทันที “หมายความว่าอย่างไร?”
“คำคนน่ากลัวนัก ไม่อาจเชื่อทั้งหมดได้!” หนิวโหย่วเต้าบอกปัดไปประโยคเดียว ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ แต่เรื่องราวเกี่ยวพันถึงความเป็นความตาย เขายังไม่สะดวกจะบอกความจริงของเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายทราบได้ จึงให้พวกเขากลับไปพักผ่อนก่อน
แต่เฟิงเอินไท่กลับไม่มีทีท่าว่าจะจากไป เอ่ยถามว่า “ที่นี่ไม่มีที่พักสำหรับพวกเราหรือ?”
ก่วนฟางอี๋ไม่ปริปากตอบ เบือนหน้ามองไปอีกด้าน ทำเป็นไม่เข้าใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า