ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 371

ตอนที่ 371 จับกุมสมณะกลุ่มนี้ไว้ก่อน

ณ จวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว เซ่าซานเสิ่งเดินตามเซ่าผิงปอเข้าไปในห้องหนังสือ

กระทั่งเซ่าผิงปอนั่งลงไปแล้ว เซ่าซานเสิ่งจึงยกน้ำชามาให้พลางรายงานว่า “ได้รับข่าวจากทางคุณหนูซูแล้วขอรับ ช่วงนี้องค์หญิงใหญ่พระธิดาฮ่องเต้แคว้นฉีวิวาห์กับบุตรชายของแม่ทัพบัญชาการแคว้นฉี งานมงคลครึกครื้นยิ่งนัก ซีย่วนต้าอ๋องอาจจะเรียกตัวนางไปเข้าร่วมได้ตลอดเวลา จึงไม่สามารถเดินทางมาที่นี่ได้ขอรับ”

เซ่าผิงปอฟังแล้วเงียบไป แม้ว่าเหตุผลนี้จะสมบูรณ์แบบไร้ช่องโหว่ แต่เขาเป็นคนที่มีสัญชาตญาณเฉียบไวในเรื่องราวต่างๆ เขารู้สึกว่าท่าทีของซูจ้าวเหมือนจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

แต่ก่อนทันทีที่ซูจ้าวได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเขา อีกฝ่ายจะต้องพยายามคิดหาวิธีมาหาให้ได้ ครั้งก่อนตอนที่สังหารพวกอนุหร่วนสามแม่ลูก ซูจ้าวก็นำเอาวิหคยักษ์ของหอจันทร์กระจ่างเร่งเดินทางมาช่วยเหลือเขาเป็นการส่วนตัวอย่างไม่นึกเสียดายเลย

ครั้งนี้ เขาไม่รู้ว่าตนคิดไปเองหรือไม่

แต่ปากกลับเอ่ยเนิบๆ ไปว่า “หลังงานวิวาห์เชื่อมสัมพันธ์ครั้งนี้เสร็จสิ้นแล้ว เฮ่าอวิ๋นถูคงวางใจไร้กังวลกับสถานการณ์ในแคว้นฉีไปสักระยะเลยทีเดียว เฮ่าอวิ๋นถู ฮ่องเต้ผู้ฟื้นฟูแคว้นฉี!”

สำหรับเรื่องวิวาห์เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างเฮ่าอวิ๋นถูและฮูเหยียนอู๋เฮิ่น ทางนี้ได้รับข่าวมานานแล้ว สำนักเขามหายานไม่ถึงขั้นที่ปิดกั้นข่าวสารเช่นนี้จากเขา

เรื่องนี้ถูกปล่อยผ่านไปไม่ได้เอ่ยถึงอีก เขามองไปยังแผนที่อีกครั้ง “ช่วงนี้ความเร็วของขบวนเรือช้าลงไปมาก”

เซ่าซานเสิ่งตอบว่า “ระยะนี้เผชิญมรสุมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งสูญเสียเรือไปหลายลำด้วยขอรับ เพราะเหตุนี้ความเร็วถึงล่าช้าลง ตอนนี้สูญเสียเรือไปทั้งสิ้นสิบสองลำ เสียม้าศึกไปนับพันตัวแล้วขอรับ เฮ้อ!”

ม้าศึกสามหมื่นตัว ขนส่งทางบกก็ยังเลี่ยงความเสียหายไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการขนส่งทางทะเลเลย แต่สิ่งที่เซ่าผิงปอกังวลมิใช่เรื่องนี้ เขาลุกขึ้นมา เดินไปหยุดอยู่หน้าแผนที่ ยกมือไพล่หลังพลางเอ่ยขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ก็ยังราบรื่นดี ไฉนพอใกล้เข้ามาแล้วถึงติดขัดอย่างต่อเนื่องเล่า จะเกิดปัญหาใดขึ้นหรือไม่?”

เซ่าซานเสิ่งทราบดีว่าความผิดปกติใดๆ ล้วนแต่ทำให้คุณชายท่านนี้เกิดความสงสัยได้ทั้งสิ้น “สภาพอากาศในทะเลแปรปรวน ยากจะเลี่ยงความติดขัดล่าช้าได้ นับว่าปกติมากขอรับ”

“แต่ติดขัดอย่างต่อเนื่องเช่นนี้…หรือว่าจะเข้าเขตมรสุมแล้ว?” เซ่าผิงปอหันไปถาม

เซ่าซานเสิ่งพูดไม่ออก กระทั่งเรื่องราวที่อยู่บนบกยังไม่อาจทราบได้กระจ่างชัด เรื่องราวทางทะเลยิ่งคอยจับตาดูได้น้อยกว่า อีกทั้งเขาก็มิใช่ผู้ทรงปัญญาถึงเพียงนั้น จึงยิ้มเจื่อนพลางเอ่ยไปว่า “บ่าวก็ไม่ทราบแน่ชัดขอรับ”

เซ่าผิงปอสั่งว่า “เจ้าลองไปหาดูมีว่าคนที่เดินเรือผ่านเส้นทางนี้อยู่เป็นประจำหรือไม่ ไปลองสอบถามดูสักหน่อย”

“ขอรับ!” เซ่าซานเสิ่งรับคำสั่งไป

….

ณ จังหวัดชิงซาน ม้าหลายสิบตัวควบผ่านเข้าเมืองมา

นอกจวนผู้ว่าการจังหวัด พวกซางเฉาจงที่ได้รับข่าวออกมารอต้อนรับด้วยตัวเอง เผิงโย่วไจ้เจ้าสำนักหยกสวรรค์พาเหล่าสมาชิกระดับสูงของสำนักมาด้วยตัวเอง

เฟิงเอินไท่ที่กลับมาจากแคว้นฉีตั้งนานแล้วก็มาด้วย ทั้งคณะเข้าสู่จวนผู้ว่าการจังหวัด

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทั้งคณะออกมาอีกครั้ง หนนี้มีพวกซางเฉาจงติดตามออกจากเมืองไปพร้อมกัน มุ่งหน้าไปยังหุบเขาที่นอกตัวเมือง

เฟ่ยฉางหลิว เจิ้งจิ่วเซียวและเซี่ยฮวาที่ได้รับข่าวรีบออกมารอต้อนรับที่ปากทางเข้าหุบเขา ต้อนรับพวกเผิงโย่วไจ้ที่ลงจากม้า แล้วเดินเข้าไปด้านในด้วยกัน

พวกเฟ่ยฉางหลิงเชิญพวกเขาไปพักดื่มชาที่สำนัก แต่เผิงโย่วไจ้ยกมือปราม “จำเป็นต้องมากพิธีเช่นนั้น คุยกันที่นี่เถอะ” เขาชี้ไปยังพื้นที่ผลิตสุราด้านหน้าแล้วเดินนำลิ่วไปด้วยตัวเอง

ในที่แห่งนี้เขาใหญ่ที่สุด ทุกคนได้แต่ต้องทำตามที่เขาสั่ง

นอกถ้ำที่ใช้ผลิตสุรา ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปตามอำเภอใจ ทุกคนจึงยืนอยู่นอกถ้ำ

เมื่อได้กลิ่นสุรา เผิงโย่วไจ้จ้องมองบริเวณปากถ้ำอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันมาถาม “ผ่านไปสองสามเดือนแล้ว ไม่มีข่าวคราวใดๆ จากหนิวโหย่วเต้าเลย ท่านอ๋องก็ไม่ได้รับรายงานลับใดๆ เช่นกัน เจ้าสำนักทั้งสาม สรุปแล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่”

เจ้าสำนักทั้งสามสบตากันเล็กน้อย เฟ่ยฉางหลิวส่ายหน้า “เอ่ยไปว่าพวกเราก็ไม่ทราบเช่นกัน หากมีข่าวมา พวกเราย่อมแจ้งให้ท่านอ๋องทราบแต่แรกแล้ว”

เผิงโย่วไจ้กล่าวว่า “เจ้าล้อเล่นอยู่หรือไร? ศิษย์ในสามสำนักของพวกเจ้าน่าจะติดตามอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้ากันหมดมิใช่หรือ? ศิษย์ในสำนักมีมากมายถึงเพียงนั้น แต่ไม่ได้ติดต่อกับพวกเจ้ามาหลายเดือนแล้ว จะเป็นไปได้อย่างนั้นหรือ”

เซี่ยฮวาเอ่ยว่า “เจ้าสำนักเผิง เรื่องนี้พวกเราร้อนใจยิ่งกว่าท่านเสียอีก ศิษย์หัวกะทิหลายร้อยคนจากสำนักของพวกเราขาดการติดต่อไป พวกเราก็อยากรู้เช่นกันว่าสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ติดต่อไม่ได้จริงๆ”

พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ ซางซูชิงที่อยู่ด้านข้างก็ร้อนใจอย่างมากเช่นกัน ทุกคนล้วนกังวลว่าจะเกิดเหตุร้ายอันใดขึ้นหรือ ไม่ มิเช่นนั้นเหตุใดถึงไม่มีข่าวคราวสักนิดเลยเล่า?

เผิงโย่วไจ้กล่าวว่า “พวกเจ้าสามสำนักและหนิวโหย่วเต้าให้ศิษย์สำนักหยกสวรรค์ของข้ากลับมา รับผิดชอบเรื่องม้าศึกไว้เอง ตอนนี้กลับให้คำอธิบายไม่ได้ ทำให้งานใหญ่ล่าช้า พวกเจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือ?”

เจ้าสำนักทั้งสามลอบกัดฟันกรอด เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเป็นการตัดสินใจของหนิวโหย่วเต้า แต่คนผู้นี้กลับจะไล่เบี้ยเอากับทั้งสามสำนักให้ได้ ต้องมีเจตนาแอบแฝงแน่

เจิ้งจิ่วเซียวประสานมือคำนับไปทางเฟิงเอินไท่ “พี่เฟิง ท่านเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับหนิวโหย่วเต้า สรุปแล้วเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ ท่านน่าจะรู้ดีกว่าพวกเรากระมัง?”

เผิงโย่วไจ้ได้ยินก็เหลือบมองศิษย์น้องของตน เฟิงเอินไท่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พวกเราถูกพวกเจ้าไล่กลับมาก่อน จะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น? สมควรเป็นข้าที่ต้องถามพวกเจ้าถึงจะถูก”

เผิงโย่วไจ้เอ่ยว่า “เจ้าสำนักทั้งสาม มีข่าวมาจากทางเมืองหลวงแคว้นฉี แจ้งว่าหนิวโหย่วเต้าและลิ่งหูชิวถูกราชสำนักแคว้นฉีจับกุมไปพร้อมกัน เป็นความจริงหรือไม่?”

เฟ่ยฉางหลิวประสานมือเอ่ยกับซางเฉาจงในทันใด “ท่านอ๋อง นั่นเป็นข่าวลือแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ หลังเกิดข่าวลือขึ้น หนิวโหย่วเต้าได้ส่งข่าวมาหาครั้งหนึ่ง บอกให้พวกเราอดทนรอคอย เรื่องนี้พระองค์ก็ทราบมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? หากถูกจับกุมไป จะสามารถส่งข่าวมาหาพวกเราได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ต่อให้ทางนี้ทราบว่าเกิดเหตุขึ้นกับหนิวโหย่วเต้าก็ไม่มีทางยอมรับอยู่ดี ทันทีที่ยอมรับ เกรงว่าสำนักหยกสวรรค์ต้องนำมาเล่นงานแน่นอน

ซางเฉาจงมีสีหน้าเคร่งเครียด สำนักหยกสวรรค์มาครานี้มิได้มีเจตนาดีเลย เห็นได้ชัดว่าคิดจะฉวยโอกาสก่อเรื่อง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า