ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 373

ตอนที่ 373 อัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยาก!

หลานรั่วถิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เต้าเหยี่ยคนนี้จัดการเรื่องราวได้ดี ในเมื่อแจ้งว่าม้าศึกมาถึงแล้ว จำนวนน่าจะไม่น้อยกว่าหมื่นตัวตามที่ท่านอ๋องต้องการ”

ซางเฉาจงพยักหน้าหงึกๆ “ถูกต้อง!”

เหมิงซานหมิงผงกหัวเล็กน้อย “มันก็ใช่ ท่านอ๋อง เตรียมเรียกระดมกำลังทหารเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

“ได้! ถ่ายทอดคำสั่งลงไป เรียกระดมทัพใหญ่!”

ณ คฤหาสน์หลังหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางด้านหลังของจวนผู้ว่าการจังหวัด เหล่าสมาชิกระดับสูงของสำนักหยกสวรรค์พากันมองไปที่เผิงโย่วไจ้ ไป๋เหยาออกมาจากจวนผู้ว่าการจังหวัดเพื่อนำจดหมายจากซางเฉาจงมาส่งให้

ไป๋เหยากล่าวว่า หนิวโหย่วเต้ากลับมาแล้ว ทั้งยังนำม้าศึกกลับมาด้วย!

ด้วยเหตุนี้สายตาของทุกคนจึงไปรวมกันอยู่ที่เผิงโย่วไจ้

บนสีหน้าของเผิงโย่วไจ้ไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ หลังจากอ่านจดหมายจบก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นยื่นจดหมายส่งให้คนที่อยู่ถัดไป ถอนหายใจเอ่ยไปว่า “ทุกคนลองอ่านดู”

เนื้อหาในจดหมายมีไม่มาก กวาดตามองไม่กี่ครั้งก็อ่านจบแล้ว

หลังอ่านจดหมาย ทุกคนทยอยเงียบไป บางคนก็มีท่าทางตกใจ

เฟิงเอินไท่คือคนหนึ่งที่รู้สึกงุนงงเป็นที่สุด นี่คือน้องชายร่วมสาบานของเขา น้องสามของเขาทำงานสำเร็จแล้ว

เผิงโย่วไจ้กวาดตามองทุกคน คาดว่าคงไม่มีผู้ใดเคยนึกไว้เลย ตอนกลางวันเพิ่งจะจับตัวคนของหนิวโหย่วเต้ามา ตกกลางคืนก็ได้รับข่าวจากหนิวโหย่วเต้าว่ากำลังจะมาถึง นี่มันจะบังเอิญเกินไปหน่อยหรือเปล่า

เฉินถิงซิ่วพลันเอ่ยถามขึ้นมา “ศิษย์น้องเฟิง ดีร้ายอย่างไรเจ้าก็ได้ชื่อว่าเป็นพี่ใหญ่ร่วมสาบานของเขา เจ้าอยู่ข้างกายเขานานถึงเพียงนั้น เจ้าไม่เคยสอบถามข่าวคราวเรื่องม้าศึกที่เขาจัดการบ้างเลยหรือ?!

เฟิงเอินไท่ตอบด้วยความงุนงง “ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยสอบถามข่าวคราว แต่เขาไม่เคยบอกเผยข้อมูลใดๆ ต่อข้าเลย”

เฉินถิงซิ่วถามต่อว่า “สำนักหยกสวรรค์ของเรายินดีจะเป็นกำลังเสริมช่วยสนับสนุนให้เขาจัดการเรื่องนี้ เขาก็ไม่ต้องการ ทั้งยังไล่คนของพวกเรากลับมาอีก หนิวโหย่วเต้าคนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่? หรือว่าไม่ไว้วางใจสำนักหยกสวรรค์ของเรา? คิดว่าสำนักหยกสวรรค์เราจะทำให้เขาเสียเรื่องอย่างนั้นหรือ?”

เฟิงเอินไท่ยิ้มเจื่อนพลางเอ่ยว่า “เป็นเพราะทางเราพูดจากลับไปกลับมาอยู่หลายครั้ง เขาจึงไม่กล้าไว้ใจแล้วกระมัง”

เฉินถิงซิ่วขมวดคิ้ว “ศิษย์น้องเฟิง เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าวาจานี้ของเจ้าเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของท่านเจ้าสำนักเลยเล่า?”

เฟิงเอินไท่ตอบว่า “ศิษย์พี่เฉิน ท่านอย่าใส่ความกันส่งเดช ข้าเพียงกล่าวความเห็นในมุมมองของอีกฝ่ายเท่านั้น…”

“เอาล่ะ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว” เผิงโย่วไจ้เอ่ยตัดบท ลุกขึ้นยืนแล้วถอนหายใจ เอ่ยไปว่า “จัดการเรื่องราวให้สำเร็จได้อย่างเงียบเชียบ จะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ น่าเสียดายที่ไม่ใช่ศิษย์ในสำนักหยกสวรรค์ของเรา แล้วก็น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ต้องสูญเสียศิษย์เหล่านั้นไปในแคว้นฉีเพราะเรื่องนี้ หากรู้เช่นนี้แต่แรก คงจะยกหน้าที่นี้ให้คนผู้นี้ไปจัดการที่แคว้นฉีแต่เนิ่นๆ แล้ว”

ทุกคนเงียบงัน ผู้ใดจะคาดคิดล่ะว่าเรื่องราวจะเป็นเช่นนี้? หากให้หนิวโหย่วเต้าไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ผู้ใดจะกล้ารับประกันอีกล่ะว่าเรื่องราวจะสำเร็จแน่นอน ครั้งนี้หากมิใช่เพราะหมดหนทางแล้วจริงๆ ประกอบกับมีแผนการในเรื่องส่วนแบ่งกำไรจากการค้าสุรา สำนักหยกสวรรค์จะยอมส่งคนผู้นั้นไปหรือ? สำหรับเรื่องนี้ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจดี

“ได้ม้าศึกมานับเป็นเรื่องดี จะปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับทางนี้ไม่ได้ พวกเราอยู่ในจังหวัดชิงซานพอดี หากปล่อยให้เกิดปัญหาขึ้นภายใต้จมูกของพวกเราคงจะทำให้พวกเราเสียหน้าเช่นกัน หากวันหน้าคิดจะจัดการเรื่องม้าศึกอีกก็คงยากแล้ว เรียกระดมกำลังคนในพื้นที่นี้หน่อย พวกเราก็จะไปต้อนรับด้วย ไปต้อนรับผู้ที่สร้างความดีความชอบอย่างใหญ่หลวงของพวกเรากัน!” เผิงโย่วไจ้โบกมือพลางเอ่ยสั่งการ

เฟิงเอินไท่ประสานมือกล่าวว่า “ท่านเจ้าสำนัก คนของเขายังอยู่ในการควบคุมของพวกเรานะขอรับ จะให้จัดการอย่างไรขอรับ?”

พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ เผิงโย่วไจ้ก็ได้แต่ส่ายหน้าพลางยิ้มเจื่อน ทางนี้ยังไม่ได้รีดเค้นเอาสูตรลับจากพวกหยวนฟางเลย

ดีร้ายอย่างไรสำนักหยกสวรรค์ก็เรียกขานตนเองว่าเป็นสำนักฝ่ายธรรมะ แต่เพื่อผลประโยชน์แล้วก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการใช้ลูกไม้บ้าง แต่หากจะใช้ลูกไม้ต่อหน้าผู้คนมากมายโดยไม่สนใจเหตุผลล่ะก็ แบบนั้นมันดูจะไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไร ในเมื่อตกลงไว้แล้วว่าจะให้เวลาสิบวัน ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่ได้รีดเค้นเอาสูตรลับจากสมณะกลุ่มนั้น

คิดว่าพอถึงเวลาแล้วค่อยรีดเค้นออกมาก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว

“ถึงอย่างไรม้าศึกก็ยังมาไม่ถึง รอยืนยันให้แน่ใจแล้วค่อยปล่อยตัว!” เผิงโหย่วไจ้ติดสินใจในท้ายที่สุด

เฟิงเอินไท่กล่าวว่า “ท่านเจ้าสำนัก เรื่องนี้จะทำให้มีปัญหากับหนิวโหย่วเต้าหรือเปล่าขอรับ?”

เผิงโย่วไจ้เอ่ยว่า “เจ้าคิดมากไปแล้ว เด็กคนนั้นเป็นคนฉลาด อีกทั้งต้องการให้สำนักหยกสวรรค์ช่วยปกป้องคุ้มภัย มิเช่นนั้นคงไม่ยอมยกผลประโยชน์ส่วนใหญ่ให้เรา คงไม่ถึงขั้นที่จะแตกหักกันเพราะเรื่องเล็กน้อยที่ยังไม่เกิดความสูญเสียใดๆ ขึ้นเช่นนี้ ด้วยรากฐานของเขาในปัจจุบันนี้ เจ้าก็ลองคิดดูสิว่าเขาจะกล้ามีปัญหาหรือไม่!”

ไม่นานนัก สมาชิกจากสำนักต่างๆ ก็มารวมตัวกัน รวมกลุ่มกับขบวนทหารของซางเฉาจงเร่งเดินทางกันทั้งคืนเพื่อมุ่งหน้าไปยังชายฝั่งทะเล

ขบวนเดินทางใหญ่โตอึกกระทึกครึกโครมเช่นนี้ ถึงอยากจะปิดเป็นความลับก็คงปิดไว้ไม่อยู่แล้ว สายลับจากกลุ่มต่างๆ ที่แฝงตัวอยู่ในจังหวัดชิงซานก็รับรู้ได้เช่นกัน ต่างมีการส่งข่าวออกไปตลอดทั้งคืน…

….

เรือโคลงไปตามระลอกคลื่น ปีกทองหลายตัวที่มาจากจังหวัดชิงซานบินฝ่าราตรีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดทางจังหวัดชิงซานก็สามารถติดต่อทางนี้ได้แล้ว

หนิวโหย่วเต้านั่งอยู่ข้างตะเกียงอ่านจดหมายในมือไปเรื่อยๆ จนจบ จากนั้นก็โยนไว้ด้านข้างพลางแค่นเสียงเหอะ เอ่ยว่า “จิตใจละโมบของสำนักหยกสวรรค์นี่ไม่มีที่สิ้นสุดเลยจริงๆ!”

หลังจากก่วนฟางอี๋หยิบมาอ่านดูก็บ่นออกมาทันที “นี่มันเรื่องอะไรกัน! ยังกลับจังหวัดชิงซานได้อยู่หรือเปล่า? เจ้าอย่ามาหลอกข้าเชียวนะ!”

คนผู้นี้ยังไม่ทันไปถึง จังหวัดชิงซานก็เริ่มวุ่นวายขึ้นมาแล้ว แล้วจะไม่ให้นางกังวลได้อย่างไร

หนิวโหย่วเต้าพยักเพยิดหน้าออกไปทางนอกหน้าต่าง เอ่ยหยอกว่า “หากไม่อยากไปจริงๆ ข้าก็ไม่บังคับ ลงเรือไปเสียตอนนี้ก็ยังทัน!”

ก่วนฟางอี๋ตบโต๊ะดังปัง! เลิกคิ้วถลึงตาเอ่ยไปว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร แล้วไปหาข้าแต่แรกทำไม? ข้าล่วงเกินหอจันทร์กระจ่างเข้าแล้ว ตอนนี้เจ้ากลับมาขับไล่ไสส่งข้าไป ใช้ประโยชน์เสร็จก็คิดจะถีบหัวส่งกันใช่หรือไม่?”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าจะบ่นมากไปทำไม ขอถามเจ้าแค่คำเดียว จะไปกับข้าหรือไม่?”

ก่วนฟางอี๋ตบโต๊ะดังปังพลางลุกขึ้นยืน “รอดูอารมณ์ของข้าก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” กล่าวจบก็สะบัดก้นจากไป

หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้าบ่นไปว่า “ได้ยินว่าในอดีตมีบุรุษมากมายบูชานางดั่งเทพธิดา มีบุรุษมากน้อยเพียงใดกันที่หลงผิดไป”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า