อ่านสรุป ตอนที่ 374 มีคนต้องการประชันจำนวนคนกับพวกเรา จาก ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 374 มีคนต้องการประชันจำนวนคนกับพวกเรา คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 374 มีคนต้องการประชันจำนวนคนกับพวกเรา
ขบวนเรือใหญ่โตแห่แหนเข้ามาอย่างคับคั่ง บนหัวเรือลำที่อยู่ด้านหน้าสุดมีคนยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่ ผู้นำกลุ่มยืนอยู่ในท่าค้ำกระบี่อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว คนที่สนิทสนมคุ้นเคยกันดีเห็นเพียงแวบเดียวก็ทราบว่าเป็นใคร
ซางเฉาจงหันหลับไป ตะโกนสั่งการ “ตีกลองต้อนรับ!”
กลองใหญ่หลายลูกที่ตั้งเรียงอยู่ถูกตีทันที เสียงกลองดังตึงๆ ก้องอยู่บนท่าเรือ
ขบวนแตรเขาสัตว์ที่เรียงแถวหน้ากระดานอยู่ส่งเสียงขึ้นมาพร้อมกัน เสียงแตรเขาสัตว์ดังหวูดๆ สะท้อนไปมา
ขบวนธงโบกสะบัด บนท่าเรือจัดพิธีต้อนรับการมาถึงของขบวนเรืออย่างยิ่งใหญ่
เมื่อทุกคนเห็นสตรีในชุดงามหรูหราคนหนึ่งเบียดเข้ามายืนอยู่ข้างกายหนิวโหย่วเต้า สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไป
ซางซูชิงที่ขอบตาแดงเรื่ออยู่ก็เฝ้าสังเกตสตรีคนนั้นอยู่เงียบๆ
หนิวโหย่วเต้าที่ยืนอยู่บนหัวเรือเหลียวมองเล็กน้อย เห็นว่าก่วนฟางอี๋ที่ก่อนหน้านี้วิ่งผลุนผลันออกไปจากห้องโดยสารกำลังเบียดตัวเข้ามา เขาสังเกตเห็นว่านางประทินโฉมอย่างประณีตบรรจง เปลี่ยนไปสวมอาภรณ์งามหรูหรา กลับไปแต่งองค์ทรงเครื่องตามแบบฉบับของหงเหนียงแห่งสวนไม้เลื้อยในเมืองหลวงแคว้นฉีอีกครั้ง
“ที่หลบไปตั้งนานก็เพื่อแต่งตัว?” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยถาม
“ทำไม? ไม่ได้หรือไง! ข้าก็ต้องรักษาภาพลักษณ์เหมือนกัน จะให้ทำตัวซ่อมซ่อจนคนในถิ่นฐานกันดารของพวกเจ้าดูหมิ่นดูแคลนตั้งแต่ครั้งแรกที่มาถึงได้อย่างไร?” ก่วนฟางอี๋เบะปาก กวาดตามองบนชายหาดคราหนึ่ง พบว่ามีทหารคอยคุ้มกันอยู่เป็นบริเวณกว้าง พวกคนจรหมอนหมิ่นไม่มีทางจะเข้าใกล้ท่าเรือได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น อดไม่ได้ที่จะร้องหวาออกมา “จัดขบวนยิ่งใหญ่เหลือเกิน! มารอต้อนรับพวกเราอย่างนั้นหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าตอบอืมคำเดียว
เมื่อเข้าใกล้ชายฝั่งเรือก็ชะลอตัวลง ก่วนฟางอี๋สังเกตเห็นว่ามีสตรีบนชายหาดคนหนึ่งจ้องมองตนอยู่ ด้วยรูปโฉมของซางซูชิง ถึงไม่อยากเป็นจุดสนใจก็คงยากแล้ว นางกระซิบถามประโยคหนึ่ง “สตรีที่มีปานอยู่บนหน้าคนนั้นก็คือธิดาอัปลักษณ์ของหนิงอ๋องซางเจี้ยนปั๋วที่คนร่ำลือกันกระมัง?”
หนิวโหย่วเต้าได้แต่ยิ้มเจื่อนอยู่ในใจ ชื่อเสียงเรื่องความอัปลักษณ์ของซางซูชิงโด่งดังเสียจริง เขาตอบอืมอีกครั้งพลางโบกมือต้อบรับทุกคนที่ประสานมือคำนับมาจากบนฝั่ง
ก่วนฟางอี๋อดไม่ได้ที่จะร้องจุ๊ๆ ออกมา ต้องมีจิตใจเข้มแข็งมากแค่ไหนกัน ถึงออกมาเผยโฉมในที่สาธารณะด้วยรูปโฉมเช่นนี้ได้ นางเองก็นับถือในความกล้าหาญของซางซูชิงเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าบนฝั่งมีคนมองอยู่มากมายปานนี้ ก่วนฟางอี๋ก็ค่อยๆ เผยมาดออกมา
คนกลุ่มหนึ่งวิ่งออกมาจากชายฝั่ง ส่งสัญญาณมือให้เรือที่เข้ามาเทียบท่า ชี้จุดเทียบท่าให้
เชือกถูกโยนลงมาจากเรือ คนที่อยู่บนฝั่งรับไว้ ค่อยๆ สาวดึงเรือเข้ามาเทียบฝั่ง ผูกเชือกเอาไว้เพื่อยึดเรือให้มั่นคง
เมื่อทอดไม้กระดานเทียบท่า พวกหนิวโหย่วเต้าก็เหยียบไม้กระดานเดินลงมาจากเรือ
“เต้าเหยี่ย ลำบากท่านแล้ว!” ซางเฉาจงเดินเข้ามาเป็นคนแรก ประสานมือเอ่ยต้อนรับ แสดงสีหน้าซาบซึ้งตื้นตัน
หนิวโหย่วเต้าประสานมือคำนับกลับ “ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ทำให้ท่านอ๋องต้องผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ ขนส่งม้าศึกจากแคว้นฉีกลับมาถึงอย่างราบรื่น”
ซางเฉาจงพยักหน้ารัวๆ “ดีๆๆ!”
“เต้าเหยี่ย ลำบากท่านแล้ว” หลานรั่วถิงและเหมิงซานหมิงที่ถูกเข็นเข้ามาต่างก็พากันเอ่ยทักทายต้อนรับ
“เป็นเรื่องสมควรแล้ว” หนิวโหย่วเต้าตอบรับอย่างสุภาพ
“เต้าเหยี่ย!” เซี่ยฮวาเดินเข้ามา เรียกขานอย่างหยอกเย้าแล้วเม้มปากยิ้ม มีความสุขอย่างยิ่ง
เฟ่ยฉางหลิวและเจิ้งจิ่วเซียวก็เดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
ซางซูชิงที่อยู่ด้านข้างตั้งตารอคอยจะให้ถึงตาที่นางได้สนทนากับหนิวโหย่วเต้าบ้าง
ผู้ใดจะทราบว่าพอหนิวโหย่วเต้าสนทนาตามมารยาทกับคนทั้งหลายที่อยู่เบื้องหน้าแล้ว สายตาก็หันเหไปจ้องมองกลุ่มคนจากสำนักหยกสวรรค์ทันที จ้องมองเผิงโย่วไจ้ที่ยิ้มน้อยๆ มองมาที่ตนอยู่
หนิวโหย่วเต้าผายมือส่งสัญญาณให้พวกพวกเฟ่ยฉางหลิวหลบทาง เดินเอื่อยๆ เข้าไปหากลุ่มคนจากสำนักหยกสวรรค์ ซางซูชิงที่กำลังจะอ้าปากทักทายแต่ถูกมองข้ามไปกัดริมฝีปากเล็กน้อย
หนิวโหย่วเต้าและเผิงโย่วไจ้ยืนประจันหน้ากัน สายตาสองคู่ประสานกัน
“น้องหนิว ลำบากเจ้าแล้ว” เผิงโย่วไจ้ยิ้มน้อยๆ พลางประสานมือพลางเอ่ยว่าจา
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยอย่างนิ่งเฉยว่า “ลำบากน่ะไม่เท่าไร กลัวก็แต่จะมีคนคอยสร้างเรื่องให้กังวล!”
เผิงโย่วไจ้ร้องโอ้ แววตาวูบไหวเล็กน้อย แสร้งถามทั้งที่รู้ “ไยจึงพูดเช่นนี้เล่า?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ข้าได้ยินว่าสำนักหยกสวรรค์กำลังจะเล่นงานข้า ซ้ำยังจับตัวคนของข้าไปด้วย ขอถามว่าหน่อยว่าเป็นเพราะเหตุใด?”
พอเขาเอ่ยออกมาเช่นนี้ บรรายากาศน่ายินดีในตอนนี้พลันดิ่งลงทันที ไม่นึกเลยว่าหนิวโหย่วเต้าจะสร้างความลำบากให้เผิงโย่วไจ้ในที่สาธารณะ ทำเช่นนี้เท่ากับไม่ไว้หน้าเผิงโย่วไจ้เลยแม้แต่น้อย
สีหน้าของเหล่าศิษย์ระดับสูงของสำนักหยกสวรรค์ที่ออกันอยู่ด้านหลังเผิงโย่วไจ้ต่างมืดมนลง
ก่วนฟางอี๋ที่ยืนอยู่ด้านข้างหนิวโหย่วเต้าโบกพัดอย่างไม่อนาทรร้อนใจ ลุงเฉิน สวี่เหล่าลิ่วรวมถึงสมาชิกสวนไม้เลื้อยหลายสิบคนที่เข้ามาต้อนรับก็เข้าไปยืนอยู่ด้านหลังก่วนฟางอี๋ทันที
มีคนของสำนักหยกสวรรค์โบกมือส่งสัญญาณ ศิษย์สำนักหยกสวรรค์นับร้อยที่อยู่รอบๆ ต่างทะยานเข้ามาทันทีเข้ามาเผชิญหน้ากัน กดดันทางด้านนี้
ซางเฉาจงต้องการเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ ทว่าเหมิงซานหมิงยื่นมือออกไปขวางไว้ ส่ายหน้าให้เล็กน้อย
“กงซุน มีคนต้องการประชันจำนวนคนกับพวกเรา!” หนิวโหย่วเต้าหันไปเอ่ยเล็กน้อย
กงซุนปู้โบกมือส่งสัญญาณคราหนึ่ง มีเสียงผิวปากยาวๆ แว่วมาจากบนเรือด้านหลัง ลู่หลีจวินปรากฏตัวขึ้น
เผิงโย่วไจ้กล่าวว่า “หนิวโหย่วเต้า ข้าให้คำอธิบายเจ้าได้ แต่เรื่องในวันนี้ เจ้าก็ต้องมอบคำอธิบายมาเหมือนกัน มิเช่นนั้นก็คงจะคุยหลักเหตุผลอันใดกันต่อไปไม่ได้ ที่นี่คืออาณาเขตของสำนักหยกสวรรค์ ไม่มีทางปล่อยให้คนนอกมาวางตัวกำเริบเสิบสานได้!”
วาจานี้ของเขามิใช่การขู่ขวัญเท่านั้น วันนี้อยู่ในอาณาเขตของตนแท้ๆ แต่สมาชิกระดับสูงของสำนักหยกสวรรค์กลับถูกคนปิดล้อมไว้ หากไม่ได้รับคำอธิบายแล้วพวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเล่า?
หากอีกฝ่ายไม่ยอมมอบคำอธิบายให้ บางทีอาจจะยอมปล่อยเรื่องที่อยู่ตรงหน้าไปได้ แต่หลังจากกลับไปต้องระดมกำลังของสำนักหยกสวรรค์มาคิดบัญชีกับคนเหล่านี้อย่างแน่นอน
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ทุกเรื่องราวบนโลกล้วนต้องมีเหตุผล มีแบ่งแยกลำดับก่อนหลัง ขอเพียงเจ้าสำนักเผิงสามารถมอบคำอธิบายให้ข้าได้ หลังจากนั้นข้าก็จะมอบคำอธิบายที่เจ้าสำนักเผิงพึงพอใจให้เช่นกัน”
เผิงโย่วไจ้เอ่ยเนิบๆ ว่า “ล้วนเป็นคนกันเองทั้งนั้น ศิษย์น้องเฟิงพูดถูกแล้ว ไม่มีเรื่องตายไม่ตายอันใดทั้งสิ้น เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ที่ควบคุมตัวคนของเจ้าเอาไว้ก่อนก็เพราะเจ้าชักช้าไม่กลับมาเสียที ทั้งยังไม่มีการส่งข่าวใดๆ มาเลย ข้ากังวลว่าจะเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงในจังหวัดชิงซาน กังวลว่าคนบางคนจะเกิดความคิดไม่ซื่อขึ้นแล้วคนของเจ้าจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย หากข้าไม่เข้าควบคุมตัวไว้ก่อนเกรงว่าคงถูกคนอื่นลักพาตัวไป พูดให้ถูกแล้วข้ากำลังปกป้องพวกเขาอยู่ด้วยซ้ำ ดูแลพวกเขาดีมาก รับรองด้วยอาหารการกินเป็นอย่างดี ไม่ได้แตะต้องพวกเขาแม้แต่ปลายนิ้ว ในเมื่อเจ้ากลับมาแล้วย่อมต้องส่งพวกเขาคืนให้ รับประกันได้ว่าพวกเขาไม่บุบสลายไปแม้แต่น้อย!”
นี่ก็คือคำอธิบายของเขา แต่พอแว่วเข้าหูทางสำนักทั้งสามแล้ว กลับทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียนอย่างบอกไม่ถูก กล่าวเช่นนี้เท่ากับบอกว่ากลัวพวกเขาสามสำนักจะคิดไม่ซื่อชัดๆ
หนิวโหย่วเต้าพยักหน้ารับ “ในเมื่อเจ้าสำนักเผิงกล่าวเช่นนี้ออกมาต่อหน้าทุกคนได้ ข้าก็เชื่อเจ้าสำนักเผิงไม่ผิดคำพูดแน่ ข้าก็รับประกันได้เช่นกันว่าขอเพียงคนของข้ากลับมาอย่างปลอดภัย ข้าจะมอบคำอธิบายที่เจ้าสำนักเผิงพอใจให้แน่นอน”
“มามุงอยู่ที่นี่กันทำไม? แยกย้ายไปให้หมด” เผิงโย่วไจ้ตวาดขึ้นมา สองมือยกไพล่หลัง ก้าวเดินไปด้านหน้า เดินผ่านหนิวโหย่วเต้าไป เดินตรงเข้าหาคนที่ปิดล้อมอยู่
หนิวโหย่วเต้าไม่พูดอะไร จึงไม่มีใครกล้าทำอะไรเขา ล้วนหลบทางให้เขาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
หนิวโหย่วเต้าโบกมือให้สัญญาณเล็กน้อย สื่อให้คนทางฝั่งตนถอยออกไป
“หนิวโหย่วเต้า” เผิงโย่วไจ้ที่ยืนยกมือไพล่หลังอยู่ริมหาดเอ่ยเรียก
หนิวโหย่วเต้าเดินเข้าไปหา เอ่ยว่า “เจ้าสำนักเผิงมีเรื่องใดจะชี้แนะหรือ?”
เผิงโย่วไจ้พยักเพยิดหน้าไปทางเรือใหญ่ที่มารวมตัวกันอยู่แน่นขนัด “มีม้าศึกเท่าไร?”
หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “สามหมื่นตัว…”
“สามหมื่นตัว!” ซางเฉาจงอุทานแทรกขึ้นมา รีบเดินเข้ามาหา “เต้าเหยี่ย ท่านบอกว่าท่านหาม้าศึกมาได้สามหมื่นตัวหรือ?”
อย่าว่าแต่เขาเลย เผิงโย่วไจ้ก็เหลียวมองทันทีเช่นกัน เอ่ยด้วยความตกใจไม่น้อย “สามหมื่นตัว?”
เหมิงซานหมิงและหลานรั่วถิงก็ตกตะลึงเช่นกัน ก่อนหน้านี้ก็ยังแปลกใจอยู่ว่าเหตุใดถึงมีเรือมากมายขนาดนี้ ที่แท้คนผู้นี้บรรทุกม้าศึกกลับมาทีเดียวสามหมื่นตัว คนผู้นี้จะบ้าระห่ำเกินไปแล้ว!
ทุกคนที่ได้ยินต่างตกตะลึงไปถ้วนหน้า รู้สึกยากจะจินตนาการได้
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ในเมื่อต้องเดินทางไกลเป็นหมื่นลี้ หากขนมาได้เยอะหน่อยก็ย่อมต้องขนมา ต่อไปจะได้ไม่ต้องวุ่นวายไปนั่งขนมาอีก น่าเสียดายที่ระหว่างทางเผชิญพายุ ลมแรงคลื่นสูงเรือพลิกคว่ำไปกว่าสิบลำ สูญเสียม้าไปพันกว่าตัว ประกอบกับม้าบางส่วนทนรับความโคลงเคลงยามที่อยู่ในทะเลไม่ไหว ป่วยตายไปอีกหลายสิบตัว แต่ยังดีที่ม้าแม่พันธุ์จำนวนหนึ่งพันตัวล้วนอยู่ครบสมบูรณ์ ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ตอนนี้บนเรือเหลือม้าอยู่สองหมื่นแปดพันกว่าตัว”
……………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า