ตอนที่ 382 ทุ่มเทความคิด
ณ สวนไม้เลื้อย
ภายในศาลา อวี้ชางอยู่ท่ามกลางกองหนังสือม้วนตำรามากมาย ในมือถือหนังสือเล่มหนึ่งพลางอ่านอยู่
ตู๋กูจิ้งเข้ามาหา ประคองจดหมายฉบับหนึ่งยื่นส่งให้ด้วยสองมือผ่านโต๊ะยาวที่กั้นอยู่ เอ่ยไปว่า “อาจารย์ หนิวโหย่วเต้าส่งจดหมายมาหาท่านขอรับ”
อวี้ชางตะลึงไปเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมาทันที “เขาทราบตัวตนของข้าหรือ?”
ตู๋กูจิ้งรีบส่ายหน้าเอ่ยไปว่า “ไม่ขอรับ จดหมายถูกส่งผ่านช่องทางติดต่อระดับล่างแล้วส่งต่อมายังเบื้องบน ไม่ได้ระบุนามว่ามอบให้ผู้ใด แต่จดหมายฉบับนี้น่าจะส่งถึงท่านขอรับเพราะมีเพียงท่านที่สามารถตัดสินใจได้”
อวี้ชางยื่นมือออกไปรับจดหมายมาด้วยความฉงน เปิดอ่านดูเล็กน้อย ม่านตาพลันหดตัววูบ เอ่ยขึ้นว่า “เขารู้ว่าพวกเราต้องการอะไร”
ตู๋กูจิ้งเอ่ยไปว่า “ลิ่งหูชิวถูกจับกุม แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาทราบฐานะของลิ่งหูชิวมาก่อน ดังนั้นถ้อยคำที่บอกเล่าว่าของอยู่ในมือจ้าวสยงเกออันใดนั้นคาดว่าคงโป้ปดทั้งสิ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็มีความเป็นไปได้อยู่สองประการ ประการแรกคือปีนั้นตงกัวเฮ่าหรานมอบของให้เขาจริงๆ ถึงอย่างไรเขาก็คือคนสุดท้ายที่ตงกัวเฮ่าหรานพบก่อนสิ้นใจ จะฝากฝังเอาไว้ก่อนตายก็นับว่าปกติมาก ซึ่งนี่ก็คือทิศทางเบาะแสในช่วงแรกเริ่มของพวกเราเช่นกัน ประการที่สอง ลิ่งหูชิวถูกจับไปแล้วเปิดปากสารภาพ เผยว่าเข้าไปใกล้ชิดเขาเพื่อของสิ่งนั้น จากนั้นทางราชสำนักแคว้นฉีก็แจ้งไปหาเขาต่อ แต่มีโอกาสไม่มากที่ราชสำนักแคว้นฉีจะแจ้งเรื่องให้เขาทราบหลังจากได้รับรู้เรื่องนี้มา ดังนั้นศิษย์จึงสงสัยว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ของจะอยู่ในมือหนิวโหย่วเต้าขอรับ”
อวี้ชางเอ่ยอย่างใช้ความคิด “หากว่าตงกัวเฮ่าหรานฝากของไว้กับเขาก่อนตายจริงๆ เช่นนั้นก็น่าจะสั่งให้เขามอบให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไป เขาถ่อไปถึงสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ อยู่ที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ตั้งหลายปี แต่กลับไม่ได้มอบของให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์อย่างนั้นหรือ เฮอะๆ”
ตู๋กูจิ้งกล่าวว่า “เด็กคนนี้อายุยังน้อย แต่พวกเราล้วนได้รับบทเรียนจากความเจ้าเล่ห์ของเขาแล้ว สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ปฏิบัติต่อเขาเช่นนั้น การที่เขาไม่มอบของให้ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่ยากจะเข้าใจได้อันใดขอรับ”
อวี้ชางเอ่ยว่า “นี่คงอยากจะเจรจากับทางเรากระมัง สังหารคนของพวกเราในขบวนเรือไปสามร้อยชีวิต คิดไม่ถึงว่ายังคิดจะมาเจรจาอีก”
ตู๋กูจิ้งไม่ตอบ เพียงมองเขาเท่านั้น
อวี้ชางใคร่ครวญอยู่พักหนึ่งก็เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “เจ้าคิดว่าเขาจะยอมมอบของให้จริงๆ? จะเป็นกลลวงหรือเปล่า?”
ตู๋กูจิ้งตอบว่า “คนผู้นี้เจ้าเล่ห์เป็นอย่างมาก กลยุทธ์ก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ไม่ว่าจะกรณีไหนก็เป็นไปได้ทั้งสิ้นขอรับ”
อวี้ชางเอ่ยถาม “เช่นนั้นจะส่งใครไปล่ะ?”
….
ณ จวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว
เซ่าซานเสิ่งฟุบหลับอยู่บนโต๊ะ คอยเฝ้าเจ้านายที่นอนอยู่บนเตียงด้วยตัวเอง ขณะที่หลับสนิทอยู่ก็ได้ยินเสียงไอโขลกๆ แว่วเข้าหูมารางๆ อยู่พักหนึ่ง ทำให้เขาสะดุ้งตื่นทันที
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นว่าคนป่วยบนเตียงหายไปแล้ว จากนั้นก็ได้ยินเสียงไอ “แค่กๆ” แว่วเข้ามาอีก มองเห็นเงาร่างหนึ่งที่กำลังไอจนตัวงอถือตะเกียงเอาไว้พลางยืนมองอยู่ตรงหน้าแผนที่
ในสถานที่จำพวกห้องหนังสือและห้องพักของเซ่าผิงปอล้วนแต่แขวนแผนที่เอาไว้ทั้งสิ้น เพื่อให้เขาสะดวกใช้งานได้ทุกเมื่อ
“คุณชายใหญ่ ท่านฟื้นแล้วหรือขอรับ!” เซ่าซานเสิ่งดีใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่คิดเลยว่าเซ่าผิงปอที่สลบไปหลายวันจะฟื้นขึ้นมาแล้ว เขารีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหา มองเห็นอีกฝ่ายถือผ้าเช็ดหน้าป้องปากไออยู่ ดวงตาทั้งสองยังคงจ้องมองแผนที่ จึงรีบเข้าไปรับตะเกียงน้ำมันมาจากมืออีกข้างของเขา เอ่ยด้วยความร้อนใจว่า “คุณชาย สุขภาพของท่านยังไม่ดีขึ้น ท่านอาจารย์หยางสั่งให้ท่านพักผ่อนก่อน ห้ามโหมงานหนักจนเหน็ดเหนื่อย รีบไปนอนพักผ่อนเถิดขอรับ”
เซ่าผิงปอคลายผ้าเช็ดหน้าออก โบกมือพลางเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร มีเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรคอยเยียวยาข้าอยู่ ไม่ตายหรอก”
เซ่าซานเสิ่งกลับมองเห็นว่าในผ้าเช็ดหน้าที่เขาคลายออกมาเปื้อนฝอยโลหิตที่กระเซ็นออกมาตอนไอ เขากระทืบเท้าด้วยความร้อนใจ “คุณชายใหญ่ ท่านไอเป็นเลือดแล้วนะขอรับ ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีกหรือ? รีบไปนอนพักเถิดขอรับ!”
เซ่าผิงปอไอแค่กๆ สองที หันไปมองเขาพลางกล่าวว่า “แต่ตอนนี้กำลังจะเกิดเรื่องขึ้นกับมณฑลเป่ยโจวแล้ว แคว้นหานและแคว้นเยี่ยนยังไม่ยอมรามือจากมณฑลเป่ยโวของเรา ข้าสามารถต้านไว้ได้เพียงชั่วขณะเท่านั้น แต่ยากจะต้านไว้ในระยะยาวได้ หากสูญเสียมณฑลเป่ยโจวไป ตระกูลเซ่าของข้าจะไม่มีประโยชน์ต่อโลกบำเพ็ญเพียรอีก สำนักเขามหายานจะทอดทิ้งตระกูลเซ่าของข้าเหมือนโยนรองเท้าเก่าๆ ทิ้ง เมื่อถึงยามนั้นก็เป็นเรื่องขึ้นมาจริงๆ แล้ว เวลาใกล้เข้ามาแล้ว พวกเราเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว เจ้าจะให้ข้าพักผ่อนได้อย่างไร?”
เซ่าซานเสิ่งเอ่ยเสียงโศกหมอง “คุณชายใหญ่…”
เซ่าผิงปอโบกมือขัดจังหวะ จากนั้นก็ป้องปากไออีกครู่หนึ่ง จ้องมองแผนที่แล้วกล่าวว่า “ข้าตรวจสอบสถานการณ์ของแต่ละแคว้นดูแล้ว คิดว่ามีจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไปเยือนแคว้นฉีด้วยตัวเองสักครั้ง ข้าจะต้องไปพบเฮ่าอวิ๋นถูด้วยตัวเอง”
เซ่าซานเสิ่งถามด้วยความตกใจ “คุณชายใหญ่ สุขภาพท่านเป็นเช่นนี้จะทนลำบากเดินทางไกลได้อย่างไรขอรับ? ส่งคนที่มีความสามารถไปแทนดีกว่าไหมขอรับ?”
เซ่าผิงปอส่ายหน้า “พวกเราเหลือเวลาไม่มากแล้ว ม้าศึกที่ขนส่งทางทะเลถูกปล้นไป คาดว่าเส้นทางน้ำฝั่งแคว้นหานก็คงไม่ปลอดภัยแล้วเช่นกัน ไปครานี้ข้าจะไปโน้มน้าวเฮ่าอวิ๋นถูให้มอบม้าศึกให้ข้า และจะต้องโน้มน้าวฮ่องเต้แคว้นจ้าวให้ยอมเปิดทางอำนวยความสะดวกให้ข้าด้วย พยายามส่งม้าศึกมาถึงมณฑลเป่ยโจวของเราให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามสร้างพันธมิตรกับทั้งสองแคว้นด้วยเพื่อข่มแคว้นหานและแคว้นเยี่ยน ยื้อเวลาให้มณฑลเป่ยโจวของพวกเรา มิเช่นนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่แคว้นหานและแคว้นเยี่ยนจะลงมือกับมณฑลเป่ยโจวทันทีที่ทราบว่าเราได้ม้าศึกมา เรื่องพวกนี้ไม่อาจชักช้าได้ หากข้าไม่ไปด้วยตัวเองก็ยากจะบรรลุผลสำเร็จได้”
สุขภาพคุณชายใหญ่กลายเป็นเช่นนี้แล้ว ก็เขายังคงทุ่มเทความคิดด้วยกังวลถึงเรื่องนี้ เซ่าซานเสิ่งที่ถือตะเกียงไว้ด้วยสองมือมีสีหน้าซับซ้อน โดยเฉพาะเมื่อมองเห็นเส้นผมของเซ่ผิงปอที่อยู่ใต้แสงตะเกีย เขาอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาด้วยความเศร้าใจ
เซ่าผิงปอสลบไปหลายวัน ในช่วงที่เขาสลบไปเส้นผมแทบจะขาวหงอกไปกว่าครึ่งศีรษะ มีผมหงอกมากกว่าผมดำ
“แค่กๆ!” เซ่าผิงปอไอขึ้นมาเล็กน้อย เขาชี้ไปยังตำแหน่งแคว้นฉีอีกครั้ง “เจ้าคิดว่าองค์ชายคนใดมีโอกาสจะได้สืบบัลลังก์ต่อจากเฮ่าอวิ๋นถูมากที่สุด?”
เซ่าซานเสิ่งปล่อยมือข้างหนึ่งลงมายกชายเสื้อเช็ดน้ำตา เอ่ยไปว่า “คนทั่วหล้าต่างทราบกันว่าจินอ๋องเฮ่าฉี่คือโอรสคนโตของเฮ่าอวิ๋นถู ส่วนอวี้อ๋องเฮ่าหงเป็นโอรสที่ประสูติจากฮองเฮาองค์ปัจจุบัน ทั้งสองจะต้องปะทะกันอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่นอน ผู้ชนะจะมีสิทธิ์จะได้ขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้แคว้นฉี ส่วนกลุ่มอิทธิพลขององค์ชายคนอื่นๆ ต่างไม่แข็งแกร่งเท่าสองคนนี้ขอรับ” ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ไอรีนโนเวล ขอบคุนจ้า
“ก็ไม่แน่!” เซ่าผิงปอส่ายหน้า จ้องมองตำแหน่งเมืองหลวงแคว้นฉีพลางเอ่ยว่า “ข้าใคร่ครวญมานานแล้ว กลับมีความคิดว่าอิงอ๋องเฮ่าเจินมีโอกาสจะเป็นมังกรซุ่มหมอบรอโอกาสอยู่ คนผู้นี้เพียงแต่ไม่กระโตกกระตากเท่านั้น ทันทีที่เผยตัวขึ้นมาต้องทำให้คนตกใจได้แน่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า