ตอนที่ 383 คันฉ่องแห่งซาง
ซางซูชิงกวาดตามองเขาแวบหนึ่ง ไม่ทราบว่าเขากำลังพูดเรื่องใด แล้วก็ไม่สะดวกจะถามเช่นกัน
หนิวโหย่วเต้ากลับเข้าใจดี ช่วงนี้เพียงให้หยวนฟางส่งข่าวไปหาเฉินกุยซั่วคราหนึ่งเท่านั้น
เมื่อได้รับจดหมายตอบกลับเขาก็วางใจแล้ว ตัวหมากอย่างเฉินกุยซั่วสำคัญกับเขาอย่างมาก นี่คือหนึ่งในสาเหตุที่ชักจูงกุ่ยหมู่ได้
เรื่องปล้นม้าศึกจากแคว้นฉี เขาลับแลแปรพักตร์มาช่วยเหลือพวกเขา ไม่ว่าผู้ใดก็คงคิดว่าปัญหาเกิดจากทางเขาลับแลแน่นอน ล้วนจะนึกไปว่าเขาลับแลเป็นคนเผยข่าวให้รั่วไหล ไม่มีทางนึกเชื่อมโยงไปได้ว่าต้นกำเนิดปัญหามาจากเส้นทางน้ำแถบแคว้นหานสายนั้น และไม่มีทางนึกสงสัยในตัวเฉินกุยซั่ว ทางเขาทำการปกป้องเฉินกุยซั่วไว้เป็นอย่างดี แม้ว่าทางเขาจะพยายามวางแผนอย่างรัดกุมมากแล้ว แต่เพื่อความปลอดภัยเขายังต้องให้เฉินกุยซั่วหยุดการติดต่อกับทางนี้ไว้ชั่วคราว เลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุเหนือความคาดหมายขึ้น
การที่จัดการเรื่องทางเฉินกุยซั่วให้เรียบร้อย ทั้งทำไปเพื่อตัวเขาเอง แล้วก็เป็นการทำเพื่อเฉินกุยซั่วด้วยเช่นกัน
“เข้าใจแล้ว” หนิวโหย่วเต้าตอบเสียงเรียบ ท่าทางเฉยชา
เมื่อเขาไม่มีคำสั่งอื่นใดอีก หยวนฟางจึงจากไปเช่นกัน
ผ่านไปสักพักต้วนหู่ก็เข้ามาหา รายงานว่า “เต้าเหยี่ย มีคนมาขอเข้าพบท่านอยู่นอกหุบเขาขอรับ”
หนิวโหย่วเต้าถาม “ผู้ใด?”
ต้วนหู่ตอบว่า “ผู้มาไม่ได้เปิดเผยตัวตนขอรับ บอกเพียงว่าได้รับคำเชิญจากท่าน”
หนิวโหย่วเต้าลืมตาขึ้นทันที จ้องมองเงาตนในบานคันฉ่อง “แขกผู้มีเกียรติมาเยือนแล้ว มากันกี่คน?”
ต้วนหู่ตอบว่า “คนเดียวขอรับ!”
หนิวโหย่วเต้าสั่งการ “เชิญแขก! อีกอย่างไปสั่งให้พวกหงเหนียงเตรียมตัวให้พร้อมด้วย! แจ้งสามสำนักให้จัดกำลังคนเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ หากพบเห็นสิ่งผิดปกติใดๆ ให้แจ้งข้าทันที!”
“ขอรับ!” ต่วนหู่รับคำสั่ง
ซางซูชิงเร่งมือขึ้นมาทันที พอได้ยินว่าหนิวโหย่วเต้าเรียกระดมกำลังมากขนาดนี้ นางย่อมต้องทราบแล้วว่าเป็นเรื่องสำคัญ
ตอนนี้พอลองคิดๆ ดูแล้ว นางก็รู้สึกสะท้อนใจอย่างมากเช่นกัน นางยังคงจดจำภาพในตอนที่ตนไปเชิญคนผู้นี้ลงจากเขาในครานั้นได้
คนผู้นี้ถูกกักบริเวณอยู่ในสวนดอกท้อ ทุกเรื่องล้วนแต่ต้องคอยเชื่อฟังคนอื่น เผลอแวบเดียวเวลาผ่านไปโดยทันรู้ตัว ตอนนี้เขามีลูกน้องในมืออยู่มากมายขนาดนี้แล้ว ลำพังสำนักที่คอยรับฟังคำสั่งจากเขาก็มีถึงสามสำนักแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสำนักใดก็ล้วนแข็งแกร่งกว่าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ในปีนั้นทั้งสิ้น
พวกนางสองพี่น้องที่ตอนแรกระหกระเหินดั่งสุนัขเร่ร่อนก็ได้รับการสนับสนุนค้ำจุนจากเขาเช่นกัน
เหตุการณ์ทุกอย่างในตอนนี้ทำให้นางนึกถึงคำพูดประโยคนั้นของหยวนกังที่กล่าวกับนางไว้ในตอนนั้น ‘สำหรับพวกท่านแล้ว เต้าเหยี่ยคนนั้นมีสำคัญยิ่งกว่าระดับสภาวะของเขาเสียอีก…’
หนิวโหย่วเต้าที่แต่งตัวเรียบร้อยเดินออกประตูไป พบเข้ากับก่วนฟางอี๋ที่เร่งฝีเท้าเดินเข้ามา
ก่วนฟางอี๋ผงกหัวทักทายซางซูชิงที่เดินตามหลังออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็เดินอ้อมไปอยู่ด้านหลังหนิวโหย่วเต้าพลางเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
หนิวโหย่วเต้าตอบว่า “เตรียมยันต์กระบี่สวรรค์ของเจ้าให้ดี คนจากหอจันทร์กระจ่างมาถึงแล้ว”
“ห๊า! เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?” ก่วนฟางอี๋ตกใจอยู่พอสมควร จิตใจตึงเครียดขึ้นมา
ซางซูชิงเฝ้ามองแผ่นหลังของทั้งสองคนหายลับออกไปด้านนอกเรือน
คนที่ออกมากินมื้อเช้าต่างสลายตัวไปนานแล้ว หมู่ศาลาถูกเก็บกวาดสะอาดเอี่ยม หนิวโหย่วเต้านั่งดื่มชาอยู่ในศาลา รอคอยอย่างสงบ
ก่วนฟางอี๋ยืนเฝ้าระวังอยู่ด้านข้าง
ผ่านไปพักใหญ่ ต้วนหู่เดินนำคนชุดดำผู้หนึ่งเข้ามา
ผู้มาสวมหมวกคลุมศีรษะไว้ มองเห็นชัดเจนว่าสวมหน้ากากไว้บนหน้า เขาค่อยๆ นั่งลงตรงข้ามกับหนิวโหย่วเต้า
หนิวโหย่วเต้าโบกมือสื่อให้ต้วนหู่ถอยออกไป จากนั้นยกกาน้ำชารินใส่ถ้วยด้วยตัวเอง จ้องมองคนชุดดำที่กำลังมองพินิจตนอยู่แล้วผายมือเชิญ “เชิญดื่มชา!”
“ไม่จำเป็น” คนชุดดำเปล่งเสียงแหบพร่าออกมา เห็นได้ชัดว่ามิใช่เสียงจริง สายตายังคงจ้องมองคอยพินิจหนิวโหย่วเต้าอยู่
เขาไม่มีทางดื่มน้ำชาของที่นี่ส่งเดชได้ เขาคงต้องเบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วถึงจะทำเช่นนั้น ในมุมมองของคนบางคน หนิวโหย่วเต้ามิใช่คนดีอันใดเลย
หนิวโหย่วเต้ายิ้มนิดๆ เอ่ยถามว่า “ขอเรียนถามนามของท่านได้หรือไม่?”
คนชุดดำตอบว่า “จำเป็นต้องรู้เรื่องนั้นด้วยหรือ?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยไปว่า “ท่านรู้จักข้า แต่ข้าไม่รู้จักท่าน ดูเหมือนจะค่อนข้างเสียเปรียบ”
คนชุดดำกล่าวว่า “นี่มิใช่เรื่องสำคัญในการพบหน้าของพวกเรา”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ก็ถูก พวกท่านทำตัวลึกลับไม่เปิดเผยตัวมาตลอด”
คนชุดดำกล่าวว่า “ข้าไม่ได้มาเพื่อต่อปากต่อคำกับเจ้า”
หนิวโหย่วเต้าจึงเอ่ยว่า “หากข้ายืนยันตัวตนของท่านไม่ได้แล้วจะให้เจรจากับท่านได้อย่างไร? แล้วจะมอบของให้ท่านได้อย่างไร?”
คนชุดดำล้วงหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่พับทบไว้อย่างดีออกมาจากแขนเสื้อ โยนลงบนโต๊ะแล้วดันออกไป
หนิวโหย่วเต้ารับมาเปิดดู เป็นจดหมายเชิญฉบันนั้นที่เขาเขียนขึ้น เขาย่อมจดจำลายมือของตัวเองได้
คนชุดดำเอ่ยถาม “อย่าโอ้เอ้เลย ของล่ะ?”
หนิวโหย่วเต้าพับกระดาษในมือ “มาเจรจาเงื่อนไขกันก่อน หากเงื่อนไขดีพอ ข้าย่อมต้องมอบของให้ท่าน”
คนชุดดำถาม “เงื่อนไขอะไร ว่ามา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า