ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 388

ตอนที่ 388 ใครขัดขืนต้องตาย!

หลังอ่านจบ ลิ่งหูชิวตะลึงงัน เป็นจดหมายจากหนิวโหย่วเต้าจริงๆ น่ะหรือ? หนิวโหย่วเต้าทำให้หอจันทร์กระจ่างรับปากว่าจะไม่มาหาเรื่องเขาได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ?

“นายท่าน จดหมายจากหนิวโหย่วเต้าจริงหรือเจ้าคะ?” หงซิ่วที่อยู่ในสภาพมอมแมมลองเอ่ยถาม

“พวกเจ้าอ่านดูเองเถอะ” ลิ่งหูชิวตกตะลึงใจลอย ยื่นจดหมายส่งให้พวกนาง

สตรีทั้งสองรับจดหมายไป ก้มหน้าอ่านไปพร้อมกันอย่างรวดเร็ว หลังอ่านจบก็มองหน้ากัน

หงซิ่วเอ่ยถามด้วยความสงสัยอีกครั้ง “เบื้องบนจะปล่อยพวกเราไปจริงหรือเจ้าคะ?”

“ไม่รู้ หากจะตายก็ตายอย่างมีศักดิ์ศรีกันหน่อย ไปหาสถานที่อาบน้ำอาบท่าก่อน” ลิ่งหูชิวถอนหายใจ เทตั๋วแลกทองมูลค่าหนึ่งร้อยเหรียญทองใบหนึ่งออกมาจากในซองจดหมาย

เห็นได้ชัดว่าผู้เขียนจดหมายคาดการณ์ไว้แล้วว่าของที่ถูกตรวจยึดไปจากพวกเขาคงไม่มีทางได้กลับคืนมาอีก ถึงแม้จำนวนเงินจะไม่มาก ทว่าแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจจริงๆ

สองหญิงหนึ่งชายในสภาพเสื้อผ้าขาดวิ่นเดินเท้าเปล่าออกไป

หลังจากฟ้ามืดลงทั้งสามที่อาบน้ำสะอาดสะอ้านแล้วนั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง

ไม่ว่าเรื่องที่หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่าจะจริงหรือไม่ แต่ทั้งสามก็ทราบแก่ใจดีว่าหากหอจันทร์กระจ่างต้องการมาจัดการพวกเขาจริงๆ ด้วยสถานการณ์โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งของทั้งสามในตอนนี้ไม่มีทางหนีรอดไปได้

ไม่ได้กินอาหารดีๆ มาหลายเดือนแล้ว หลังจากกินจนอิ่มหนำทั้งสามก็กลับไปที่ห้องพัก พอเปิดประตูเข้าไปก็ใจหายวาบทันที มองเห็นคนในชุดผ้าคลุมดำมีหมวกคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าต่าง หันหลังให้พวกเขาอยู่

ทั้งสามตื่นตัวขึ้นมาในทันที ตั้งท่าระแวดระวังอยู่นอกห้อง

“เข้ามาสิ!” คนชุดดำเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแหบพร่า

ทั้งสามล้วนเคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน ตระหนักได้แล้วว่าเป็นผู้ใด จิตใจแต่ละคนตึงเครียดเป็นกังวล

ทั้งสามอยากหลบหนีไป แต่เท้ากลับหนักอึ้ง สุดท้ายก็ค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องพักทีละคน

พอประตูปิดลง คนชุดดำเอ่ยเนิบๆ ว่า “นับจากนี้ พวกเจ้าทั้งสามไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเราอีกต่อไป ถ้าไม่อยากตายก็ควรลืมเลือนเรื่องที่ไม่ควรจดจำไปเสีย หนนี้นับว่าพวกเจ้าโชคดีมาก ดูแลตัวเองให้ดีแล้วกัน!”

พอกล่าวประโยคนี้จบ คนผู้นั้นก็กระโจนออกจากหน้าต่างไป หายลับไปดั่งภูตผี

ทั้งสามยืนนิ่งอยู่นานพักใหญ่ ผ่านไปสักพักถึงค่อยๆ ได้สติกลับมาราวกับตื่นจากฝันร้าย

หงซิ่วจุดตะเกียงน้ำมัน ผีเสื้อจันทราของพวกเขาไม่อยู่แล้ว ตอนที่ออกจากคุกมาเหลือเพียงเสื้อผ้าขาดวิ่นติดกายเท่านั้น

หงฝูเดินไปปิดหน้าต่างอย่างรวดเร็ว

แสงตะเกียงสาดส่องใบหน้าคนทั้งสาม ทั้งสามยังคงมีท่าทางหวาดผวาเสียขวัญอยู่

หงฝูเอ่ยทำลายความเงียบว่า “นายท่าน ดูเหมือนเรื่องที่หนิวโหย่วเต้าบอกไว้ในจดหมายจะเป็นความจริงนะเจ้าคะ”

พวกเขาทราบชัดเจนดี คนที่หลุดพ้นจากองค์กรได้แบบยังมีชีวิตอยู่นั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยจริงๆ หากไม่มีเหตุผลพิเศษก็เป็นไปไม่ได้เลย

ลิ่งหูชิวค่อยๆ เดินไปนั่งลงข้างตะเกียง หยิบจดหมายฉบับนั้นของหนิวโหย่วเต้าออกมาอีกครั้ง อ่านดูอีกรอบ

หลังจากอ่านดูอีกครั้งและทราบว่าเนื้อหาในจดหมายเป็นความจริง ในใจก็มีสารพัดอารมณ์เอ่อล้นขึ้นมา

ตอนอยู่ในคุก เป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมสารภาพ เพราะรู้ว่าตนไม่มีทางรอดแล้ว ถึงตายก็ต้องลากหนิวโหย่วเต้าลงหลุมไปด้วยกันให้ได้

เรื่องที่ทำให้เขานึกแค้นใจยิ่งกว่านั้นคือเดรัจฉานหนิวโหย่วเต้ากล้าแตะต้องกระทั่งสตรีของเขา โทสะนี้เขาสะกดกลั้นไม่ไหวจริงๆ เป็นเหตุผลที่ทำให้เขายืนกรานว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะไม่ยอมสารภาพ

แต่พอถึงตอนนี้ เมื่อได้มาเห็นจดหมายฉบับนี้ เขาถึงได้เข้าเจตนาที่แท้จริงขึ้นมา เพิ่งทราบว่าหนิวโหย่วเต้าต้องการช่วยปกป้องชีวิตเขาไว้จริงๆ ทั้งที่ตัวเขาไม่เหลือประโยชน์คุณค่าใดๆ อีกแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด หนิวโหย่วเต้าก็ไม่จำเป็นต้องหาความลำบากใส่ตัวเลย ตอนนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเขาออกจากคุก แต่ยังช่วยให้เขาหลุดพ้นจากหอจันทร์กระจ่างอีก ทำให้เห็นถึงความจริงใจของอีกฝ่าย

เวลานี้พอสงบลงใจลงได้อย่างแท้จริง เขาจึงอ่านประโยคนั้นในจดหมายดูอีกครั้ง ‘พี่รองประสงค์จะทำร้ายน้อง แล้วจะให้น้องทำอย่างไร?’

พอสงบใจย้อนนึกดูแล้ว เป็นทางนี้เองที่คิดจะใช้แผนยั่วยวนเพื่อทำร้ายหนิวโหย่วเต้า เพราะเหตุนี้ถึงทำให้หงซิ่วหงฝูได้รับความอัปยศ อีกฝ่ายก็แค่ผสมโรงตามน้ำไปเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น

จดหมายฉบับนี้ช่างมีผลลัพธ์น่าอัศจรรย์นัก ทำให้ความโกรธเคืองขุ่นข้องของเขาสลายหายไปจากใจเขาได้จริงๆ ไม่มีความคิดอยากจะแก้แค้นเอาคืนอีก เขายกมือเอาจดหมายฉบับนั้นจ่อกับไฟบนตะเกียง มองดูมันถูกเผาเป็นเถ้าไปทีละน้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น “ล้วนเป็นอดีตไปหมดแล้ว”

เขาปล่อยวางได้อย่างแท้จริง แต่สำหรับสตรีทั้งสองเมื่อนึกถึงฉากที่ได้รับความอัปยศในวันนั้นขึ้นมา พวกนางยังคงทนนึกถึงไม่ได้อยู่ดี ยากจะทนรับความอับอายได้

หงฝูขบริมฝีปากเล็กน้อย ถามออกไป “นายท่าน จะปล่อยหนิวโหย่วเต้าไปเช่นนี้หรือเจ้าคะ?”

ลิ่งหูชิวถามกลับ “เจ้ายังคิดจะทำอะไรอีก? แม้แต่เบื้องบนก็ยังรั้งตัวเขาไว้ในแคว้นฉีไม่ได้ ขนาดเบื้องบนยังทำอะไรเขาไม่ได้เลย เขามีคนติดตามคุ้มกันรอบกายมากมาย อาศัยเพียงกำลังของพวกเราสามคนจะทำอันใดได้? เกรงว่าคงไม่มีแม้แต่โอกาสจะเข้าประชิดตัวเขาด้วยซ้ำ หากฝืนดึงดันต่อไป จะเป็นการบีบคั้นจนเขาหมดความอดทน แม้แต่ราชทูตแคว้นเยี่ยนเขาก็ฆ่ามาแล้ว ไหนจะคุนหลินซู่อีก? เขาไม่มีทางยอมใจอ่อนไว้ไมตรีแน่”

สองสตรีเงียบไป ลองใคร่ครวญดูก็พบว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ คิดจะล้างแค้นหนิวโหย่วเต้าหาได้ง่ายดายเช่นนั้นไม่ ขนาดตอนที่มีกำลังของหอจันทร์กระจ่างเป็นที่พึ่งก็ยังทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ ยามนี้ไร้ซึ่งกำลัง การจะไปตอแยหนิวโหย่วเต้านั้นแทบจะไม่มีหวังอะไรเลย

หงซิ่วเอ่ยถาม “นายท่าน จากนี้พวกเราจะไปไหนกันดีเจ้าคะ?”

ลิ่งหูชิวเงียบงันไปนานพักใหญ่ จากนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืน จ้องมองแสงตะเกียงพลางเอ่ยเนิบๆ ว่า “ในเมื่อหลุดพ้นแล้ว มีอิสระแล้ว…พวกเรายังพอมีเงินเก็บสะสมไว้ในโรงฝากเงินพอสมควร อย่าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักกันอีกเลย พวกเราต้องสร้างหนทางของตัวเอง ตั้งสำนักกันเถอะ! ในเมื่อหนิวโหย่วเต้าสามารถทำได้ ข้าก็ไม่เชื่อว่าพวกเราจะทำไม่ได้…”

….

ณ สวนไม้เลื้อย ตู๋กูจิ้งยืนรออยู่ใต้ชายหลังอย่างสงบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า