ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 389

ตอนที่ 389 สถานการณ์น่าอึดอัดในเมืองหลวงแคว้นฉี

รุ่งเช้า ณ ริมทะเลสาบ หยดน้ำค้างเกาะตามใบหญ้า

ม่านกระโจมเปิดออก เฮ่าเจินเดินออกมาอาบน้ำใต้แสงอรุณ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ได้กลิ่นหอมสดชื่นของต้นหญ้าเขียวขจี

มู่จิ่วผู้เป็นขันทีประจำจวนอ๋องที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกกระโจมค้อมกายลงเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “เสียพระทัยด้วยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง!”

เชอปู้ฉือแห่งสำนักมหาบรรพต เซี่ยหลงเฟยแห่งสำนักศาสตราลึกล้ำและเกาเจี้ยนโฮ่วแห่งสำนักเพลิงนภาต่างยืนประสานมืออยู่ด้านข้างอย่างเงียบงัน

แสดงความเสียใจด้วยอย่างนั้นหรือ? เฮ่าเจินที่กำลังกางแขนสูดอากาศอยู่ผงะไปเล็กน้อย ค่อยๆ หันไปมองเขา รอให้อีกฝ่ายเอ่ยต่อ

“ท่านอ๋อง มีหนังสือแจ้งจากทางบ้านว่าพระชายาถูกลอบสังหารที่จวนอ๋องพ่ะย่ะค่ะ…” มู่จิ่วมีสีหน้าหนักใจ บอกเล่าข่าวร้ายนี้อย่างละเอียดครบถ้วน

พอฟังข่าวจบ เฮ่าเจินที่มักจะหลุบตาดูว่าง่ายเสมอมาคล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดวงตาเบิกกว้างทันที แววตามืดมนเย็นชาจนรับรู้ได้ถึงเจตนาสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างเขา ทรงอำนาจกดดัน!

อิงอ๋องในยามนี้แตกต่างไปจากอิงอ๋องที่ทุกคนพบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันราวกับเป็นคนละคน

เฮ่าเจินขบกรามแน่น เอ่ยถามประโยคเดียวว่า “ฝีมือใคร?”

มู่จิ่วตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงกริ้วเป็นอย่างยิ่ง ทรงสั่งให้มีการสืบสวนอย่างเข้มงวดจนเกิดเหตุนองเลือดขึ้นในเมืองหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

เฮ่าเจินแค่นหัวเราะเย็นชา พลันตวาดเสียงกร้าว “เตรียมม้า กลับเมืองหลวง!”

“ช้าก่อนพ่ะย่ะค่ะ!” เชอปู้ฉือพลันยกมือขวางไว้ “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องรับบัญชาจากฝ่าบาทออกมาทำงาน จู่ๆ จะกลับเมืองหลวง ไม่เหมาะนะพ่ะย่ะค่ะ! พระชายาประสบเคราะห์ร้ายชวนโศกเศร้า แต่ท่านอ๋องยอมอดกลั้นมานานหลายปีขนาดนี้ ไหนเลยจะปล่อยให้ล้มเหลวในวันนี้ได้? นี่คงมิใช่สิ่งที่พระชายาอยากเห็นเช่นกัน ท่านอ๋องโปรดพิจารณาถึงงานใหญ่ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

มู่จิ่วโบกมือเอ่ยไปว่า “อาจารย์เชอ ความอดกลั้นคือสิ่งใดเล่า? ความอดกลั้นแบ่งออกเป็นความอดกลั้นแบบผิวเผินกับความอดกลั้นที่แท้จริง ความอดกลั้นแบบผิวเผินนั้นทุกคนสามารถมองออกได้ง่าย แต่ความอดกลั้นที่แท้จริงคือการทำให้คนไม่รู้ว่ากำลังอดกลั้นอยู่ หากว่าเผชิญเรื่องเช่นนี้แล้วท่านอ๋องยังนิ่งเฉยไม่หุนหันพลันแล่นอีก เกรงว่าฝ่าบาทที่อยู่เบื้องบนและเหล่าขุนนางที่อยู่เบื้องล่างคงจะมองออกแล้วว่าท่านอ๋องเป็นคนที่เชี่ยวชาญในการอดทนอดกลั้น การตัดสินใจของท่านอ๋องถูกต้องแล้ว สมควรต้องกลับไป ถึงจะทำผิดกฎไปบ้างก็ไม่เป็นไร ถึงแม้จะถูกคนยกมาโจมตีวิจารณ์ได้ง่ายๆ ก็ตาม แต่ในเวลานี้ ฝ่าบาทจะทรงเมตตาปราณีอย่างแน่นอน! เป็นท่านอ๋องที่ทำผิดพลาดได้ง่ายๆ ต่างหาก ถึงจะเป็นท่านอ๋องที่ทำให้คนบางคนไม่นึกกังวล!”

พอได้ยินวาจานี้ เชอปู้ฉือเงียบไปเล็กน้อย

เซี่ยหลงเฟยพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “ท่านผู้ดูแลพูดมีเหตุผล ข้าก็เห็นด้วยกับการกลับไป”

เกาเจี้ยนโฮ่วก็พยักหน้าด้วยเช่นกัน “เรื่องที่หนิวโหย่วเต้าไหว้วานท่านอ๋องก็จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว พื้นที่แคว้นฉีกว้างใหญ่ไพศาล เรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินราชวงศ์ไม่ใช่งานที่สามารถตรวจสอบเสร็จภายในครึ่งปีหนึ่งปีได้ อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดี ได้จังหวะกลับไปพอดี”

มู่จิ่วประสานมือคำนับเฮ่าเจิน หันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว สั่งให้คนจัดเตรียมพาหนะ

ไม่นานนัก กระโจมค่ายถูกรื้อออกทันที ขบวนม้าที่นำโดยเฮ่าเจินพากันล่วงหน้าจากไปก่อนแล้ว

….

ณ กระท่อมฟาง จังหวัดชิงซาน

เรือนของหนิวโหย่วเต้าไม่เคยตั้งชื่อมาก่อน ก่วนฟางอี๋จึงตั้งชื่อให้ว่ากระท่อมฟาง เพราะมีเจตนาดูแคลนสถานที่กันดารในป่าเขา

แม้จะดูแคลนเหยียดหยาม แต่พอได้พักอาศัยอยู่ที่นี่อย่างจริงจัง มันก็มีอิสระเสรีกว่าตอนพักอยู่ในเมืองหลวงแคว้นฉีจริงๆ ไม่จำเป็นต้องวางท่าเสแสร้งอีกต่อไป ใช้ชีวิตอิสระ เป็นตัวของตัวเอง

ทว่าหนิวโหย่วเต้ากลับรู้สึกว่าชื่อ ‘กระท่อมฟาง’ นี้ไม่เลวเลย จึงนำมาใช้จริงๆ ทำป้ายขึ้นแขวนด้วย เขาลงมือเขียนคำว่า ‘กระท่อมฟาง’ ด้วยตัวเอง

ภายในเรือนมีกรงนกบรรจุปีกทองตัวหนึ่งที่ต้วนหู่พากลับมาจากด้านนอกวางไว้ หนิวโหย่วเต้าและก่วนฟางอี๋เดินวนอยู่รอบกรง

ปีกทองตัวนี้เป็นทางหอจันทร์กระจ่างส่งคนให้นำมามอบให้ อีกฝ่ายตอบรับข้อเสนอของหนิวโหย่วเต้า ยอมสร้างช่องทางติดต่อโดยตรงกับหนิวโหย่วเต้า หากมีธุระก็ให้ใช้ปีกทองตัวนี้ติดต่อไป แน่นอนทางนี้ก็ต้องมอบปีกทองให้อีกฝ่ายไปด้วยเช่นกัน

“ตัวนี้ไม่ต้องส่งไปที่สำนักเบญจคีรีแล้ว เลี้ยงไว้ที่นี่แล้ว” หนิวโหย่วเต้าปฏิเสธความเห็นของต้วนหู่

พูดถึงสำนักเบญจคีรี กงซุนปู้ก็มาพอดี มาแจ้งข่าวชายาอิงอ๋องถูกลอบสังหารอีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นเหตุให้เกิดฉากนองเลือดขึ้นในเมืองหลวงแคว้นฉีด้วย

“ชายาอิงอ๋องถูกลอบสังหาร…” หนิวโหย่วเต้าพึมพำ รู้สึกฉงนเล็กน้อย อิงอ๋องเฮ่าเจินไม่อยู่ในเมืองหลวง การลอบสังหารครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่พระชายาอย่างเห็นได้ชัด

สังหารพระชายาแล้วจะได้ประโยชน์ใด? แล้วเป็นผู้ใดที่ต้องการสังหารพระชายา? ปัญหานี้ทำให้หนิวโหย่วเต้าต้องใช้สมองไตร่ตรองทบทวนอย่างลึกซึ้ง

….

รัชศกแคว้นอู่ปีที่ห้าร้อยยี่สิบห้า พระชายาอิงอ๋องแห่งแคว้นฉีถูกลอบสังหาร เฮ่าอวิ๋นถูฮ่องเต้แคว้นฉีกริ้วหนัก เกิดเหตุนองเลือดในเมืองหลวง ขุนนาง พ่อค้า ประชาชนและผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนมากที่ไร้ความผิดถูกดึงเข้ามาพัวพัน ถูกบุกตรวจค้นบ้านเรือนนับร้อยๆ หลัง เผชิญการกวาดล้างสังหารนับพันชีวิต คนนับหมื่นถูกลงอาญาไปเป็นแรงงานทาส ณ เขตกองทัพชายแดน

เรื่องบางอย่างแม้จะตรวจสอบไม่พบความจริง แต่ไม่ว่าผู้ใดที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยล้วนไม่ได้รับบทลงเอยที่ดี

หอจันทร์กระจ่างประสบความเสียหายอย่างหนัก ฮ่องเต้แคว้นฉีลงมือรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ โองการฮ่องเต้บัญชาไปถึงทุกแห่งหน สำนักบำเพ็ญเพียรน้อยใหญ่ในเขตแคว้นฉีต่างให้ความร่วมมือทั้งสิ้น ส่งผลให้ฐานที่มั่นหลายแห่งของหอจันทร์กระจ่างที่อยู่ในแคว้นฉีถูกกวาดล้าง แหล่งติดต่อมากมายในระดับล่างถูกล้างบางนองโลหิต หอจันทร์กระจ่างเกิดความหวาดหวั่น ยามนี้ถึงได้รู้ตัวว่ามีสมาชิกทางฝั่งของตนหลายคนที่ตกอยู่ภายใต้การสอดส่องของราชสำนัก

เคราะห์ร้ายมักจะตามมาด้วยโชค หากมีโชคให้พึงระวังเคราะห์! ภายใต้ความหวาดหวั่น หอจันทร์กระจ่างได้แต่ปลอบใจตนไปเช่นนี้ ถึงแม้จะเผชิญการโจมตีจนเสียหายหนัก แต่ภัยที่แฝงเร้นอยู่ก็ได้เปิดเผยออกมาแล้ว นี่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้าย มันอาจจะทำให้หอจันทร์กระจ่างหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

กว่ามรสุมครั้งนี้จะสงบลงก็ล่วงเลยไปหลายเดือน

ณ ประตูข้างของวังหลวง รถม้าคันหนึ่งเคลื่อนออกมา มีเสียงไอเป็นพักๆ แว่วออกมาจากในรถม้าเป็นครั้งคราว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า