ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 391

ตอนที่ 391 ซุ่มโจมตี

ซูจ้าวมองเขา ไม่รู้ว่าควรจะว่าอะไรเขาดี

หากพูดถึงเรื่องสังหารพวกอนุหร่วนแม่ลูก นางก็เข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายทำไปเพราะต้องการรักษาชีวิต แต่ตอนนี้นางไม่ค่อยอยากจะคิดตามอีกต่อไปแล้ว

นางเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นเพราะตนเลือกอยู่กับอันไท่ผิงแล้วหรือเปล่า ถึงได้ทำให้มุมมองที่มีต่อเขาเปลี่ยนไป มีบางคำที่อยากพูดออกไปแต่ก็ต้องระงับไว้

แต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไปว่า “เจ้าเคยคิดถึงความรู้สึกของหลิ่วเอ๋อร์บ้างหรือไม่? หรือว่าต้องการบังคับให้นางออกเรือน?”

เซ่าผิงปอเอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องเช่นนี้หากนางไม่ยินยอม ข้าก็ไม่มีทางบังคับนาง”

“จริงหรือ?” สีหน้าของซูจ้าวแสดงออกชัดเจนว่าไม่เชื่อ

เซ่าผิงปอพยักหน้ารับ ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก จึงเปลี่ยนประเด็นไปว่า “เรื่องที่กล่าวไปวันนี้ท่านแค่รับรู้ไว้ก็พอ อย่าให้เบื้องบนของท่านรู้เรื่องนี้”

ซูจ้าวเอ่ยถาม “เจ้ากังวลเรื่องใด?”

เซ่าผิงปอเอ่ยว่า “หอจันทร์กระจ่างสามารถสมคบกับซีย่วนต้าอ๋องได้ ก็แปลว่าหอจันทร์กระจ่างได้แทรกแซงเรื่องราวต่างๆ ภายในราชวงศ์แคว้นฉีแล้ว ข้าไม่อยากให้ฝั่งเฮ่าเจินเกิดขัดแย้งอันใดกับแผนการของทางหอจันทร์กระจ่าง”

ซูจ้าวกล่าวว่า “เจ้าสั่งให้ทางเราไปสังหารชายาอิงอ๋อง แล้วยังให้น้องสาวออกเรือนกับเฮ่าเจิน จะไม่ให้ทางนี้คิดมากเลยก็คงเป็นไปได้ยากแล้ว ต่อไปเบื้องบนต้องซักถามจากข้าแน่นอน”

เซ่าผิงปอเอ่ยว่า “มีเหตุผลมากมายที่จะใช้ปกปิดไว้ได้ ข้าต้องการใช้การสมรสเชื่อมสัมพันธ์ครั้งนี้กดดันทางฝั่งแคว้นเยี่ยนกับแคว้นหาน หากท่านว่าไปเช่นนี้พวกเขาย่อมเข้าใจแน่นอน พี่จ้าว ข้าไม่ไว้ใจหอจันทร์กระจ่าง แต่ไว้ใจท่าน ข้าไม่มีทางปกปิดเรื่องใดไปจากท่าน” พูดแล้วก็ลุกขึ้นมากะทันหัน ค่อยๆ เดินเข้าไปหา ทั้งสองสบตากันโดยที่หนึ่งยืนหนึ่งนั่ง

เมื่อก่อนซูจ้าวเคยชินกับพฤติกรรมเช่นนี้ แต่ยามนี้ค่อนข้างอึดอัดขึ้นมา คิดจะถอยหลบไปตามสัญชาตญาณ ผู้ใดจะทราบว่าเซ่าผิงปอกลับยื่นมือมาจับมือนางไว้

ซูจ้าวลนลานขึ้นมาเล็กน้อย คิดจะชักมือกลับ แต่พอนึกถึงคำสั่งของเบื้องบนขึ้นมา เรื่องอันไท่ผิงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทว่านางไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเรื่องทางมณฑลเป่ยโจวผิดพลาด อย่างน้อยในฉากหน้าก็ยังต้องคงความสัมพันธ์กับเซ่าผิงปอไว้

หลังจากประสบกับเรื่องอันไท่ผิงมา นางก็พอจะมองออกแล้ว เบื้องบนน่าจะมองออกแต่แรกแล้วว่าต่อให้สุดท้ายเซ่าผิงปอทำสำเร็จ เขาก็ไม่แน่ว่าจะยอมแต่งกับนาง แต่เบื้องบนก็ทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งมาโดยตลอด

ส่วนเซ่าผิงปอก็น่าจะรู้แต่แรกแล้วว่าหอจันทร์กระจ่างต้องการใช้ประโยชน์เขา

ทั้งสองฝ่ายต่างมีแผนอยู่ในใจ ส่วนนางเป็นเพียงตัวเบี้ยที่อยู่ตรงกลาง

เรื่องราวหลายอย่างที่แต่ก่อนมองไม่ออกเพราะหลงใหลได้ปลื้มในตัวเซ่าผิงปอ พูดอีกอย่างคือไม่ยอมตื่นจากความฝัน ตอนนี้หลายเรื่องราวนั้นล้วนกระจ่างแจ้งแจ่มชัดขึ้นมาแล้ว

หลังจากได้อยู่ร่วมกับอันไท่ผิง อันที่จริงนางอยากจะถอนตัวแล้ว แต่เรื่องราวไม่ได้ขึ้นอยู่กับนาง หากนางกล้าก่อความวุ่นวายขึ้นมาล่ะก็ เบื้องบนไม่มีทางปล่อยอันไท่ผิงไปแน่ ลำพังโอสถเทพระทมนั้น อันไท่ผิงก็ไปไหนไม่รอดแล้ว

ขณะที่นางกำลังลังเลอยู่ เซ่าผิงปอกลับเข้ามาใกล้ชิดนาง กางสองแขนออกโอบตัวนางเข้าสู่วงแขน

ซูจ้าวประหนึ่งโดนงูฉกก็มิปาน ผลักเขาออกไปทันที รีบถอยหลังออกไปหลายก้าวอย่างรวดเร็ว

“…..” เซ่าผิงปอผงะไป แต่ก่อนนางเป็นฝ่ายเข้ามากอดเขาก่อนด้วยซ้ำ เป็นเขาที่ปฏิเสธอย่างละมุนละม่อมมาโดยตลอด วันนี้เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม

ซูจ้าวก็เหมือนจะตระหนักอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนว่า “ผิงปอ ที่นี่ไม่เหมาะ”

“ท่านคิดมากไปแล้ว ไม่เป็นไรหรอก” เซ่าผิงปอก้าวเข้ามาอีกครั้งต้องการจะโอบกอดนางต่อ

ซูจ้าวเบี่ยงตัวออกไปด้านข้าง หลบเลี่ยงเขา อ้อมไปหลบด้านหลังโต๊ะตัวหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้มเก้อกระดาก “ผิงปอ ที่นี่คือหอนางโลม”

เซ่าผิงปอเพ่งมองนางอยู่สักพักแล้วยิ้มออกมา ไม่ได้ฝืนใจอีก รามือแต่เพียงเท่านี้

เขาก็ไม่สะดวกจะรั้งอยู่ที่นี่ไปตลอดเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายหารือกันอยู่สักพักก็แยกจากกัน

เมื่อออกจากเรือนเมฆาขาว พอขึ้นรถม้าไปก็ดึงหน้ากากออกจากใบหน้า สีหน้าคร่ำเคร่งลงเล็กน้อย

ในอดีตซูจ้าวต้องการ ‘อยู่กับเขา’ มาโดยตลอด เป็นเขาไม่ตอบตกลง เมื่อประสบเรื่องม้าศึกในครั้งนี้ เขาสังเกตเห็นว่าซูจ้าวผิดปกติไป มาครั้งนี้เขาคิดจะ ‘ทำเรื่องดีงาม’ กับซูจ้าวให้สำเร็จเพื่อผูกมัดซูจ้าวไว้ต่อไป ทว่าซูจ้าวกลับเปลี่ยนไปแล้ว นางกลายเป็นฝ่ายปฏิเสธเขา

หากเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว นี่มันผิดปกติอย่างมาก

เซ่าซานเสิ่งเห็นเขามีสีหน้าผิดปกติจึงลองสอบถามดู “คุณชายใหญ่ เป็นอะไรไปขอรับ?”

เซ่าผิงปอยกมือลูบเส้นผมตนเล็กน้อย เอ่ยถามว่า “ข้าผมหงอกแล้วน่าเกลียดมากหรือ?”

“….” เซ่าซานเสิ่งพลันพูดไม่ออก คุณชายใหญ่ใส่ใจเรื่องรูปลักษณ์ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน? หลังจากได้สติกลับมาก็รีบตอบว่า “ผมหงอกจะส่งผลกระทบต่อความสง่างามของคุณชายใหญ่ได้อย่างไรขอรับ มีผมหงอกเพิ่มขึ้นมานิดหน่อยก็ยิ่งขับเน้นความงามสง่า น่าเกลียดที่ไหนกันล่ะขอรับ?”

เซ่าผิงปอเงียบไปสักพักก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “เดี๋ยวเจ้าไปขอให้คนของสำนักเขามหายานตรวจสอบคนผู้หนึ่งให้ที เป็นชายฉกรรจ์หน้าแดงรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน”

เซ่าซานเสิ่งสงสัย “ชายฉกรรจ์หน้าแดงหรือขอรับ? คุณชายใหญ่ เบาะแสน้อยไปหน่อย อีกทั้งที่นี่ก็มิใช่ถิ่นของพวกเรา ยังมีเบาะแสอย่างอื่นอีกหรือไม่ขอรับ?”

เซ่าผิงปอกล่าวว่า “เป็นชายฉกรรจ์หน้าแดงคนหนึ่งที่สามารถเข้าออกเรือนหลังของเรือนเมฆาขาวได้ ข้าก็รู้เพียงเท่านี้เหมือนกัน ข้ามั่นใจว่าเขาไม่มีทางเข้าไปเพียงครั้งเดียวแน่ ส่งคนไปเฝ้าดูได้”

“ขอรับ” เซ่าซานเสิ่งพยักหน้ารับ สื่อว่าจดจำไว้แล้ว

แต่ในใจเขายังคงฉงนอยู่ เมื่อรวมกับที่เซ่าผิงปอเอ่ยถามเรื่องผมเมื่อครู่นี้ เขาพอจะเกิดข้อสงสัยขึ้นมารางๆ แล้ว

….

ภายในวังหลวง บนเรือมังกรเหนือทะเลสาบครามกระจ่าง เฮ่าอวิ๋นถูพิงราวกั้นรับลม

ปู้สวินเหินเหยียบคลื่นเข้ามา ร่อนลงบนดาดฟ้าเรือแล้วรีบเดินขึ้นไปยังชั้นบน หลังจากเดินมาถึงข้างกายเฮ่าอวิ๋นถูก็ทำความเคารพแล้วเดินเข้าไปรายงานว่า “เซ่าผิงปอแอบไปเยือนเรือนเมฆาขาวอย่างลับๆ พ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาเฮ่าอวิ๋นถูฉายแววแปลกใจเล็กน้อย หัวเราะหยันออกมา “เห็นทีเรื่องที่สะใภ้ของข้าคนนั้นถูกลอบสังหารอาจจะเกี่ยวข้องกับหอจันทร์กระจ่างจริงๆ สินะ”

ปู้สวินเอ่ยว่า “เช่นนั้นเรื่องวิวาห์ของอิงอ๋องจะเอาอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”

เฮ่าอวิ๋นถูยกมือปรามเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “หากสะใภ้ใหม่ไม่สามารถทำให้พอใจได้ก็ยังเปลี่ยนใหม่ได้ โอรสของข้ายังต้องกลัวจะหาภรรยาไม่ได้อีกหรือ? ทว่าไม่อาจปล่อยให้เป่ยโจวโกลาหลได้ เป่ยโจวจำเป็นต้องพึ่งพาสมรสเชื่อมสัมพันธ์ครั้งนี้ ต้องช่วยค้ำจุนเซ่าผิงปอและค้ำจุนมณฑลเป่ยโจวก่อน แบ่งแยกความสำคัญให้ดี เรื่องในอนาคตค่อยว่ากันอีกที…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า