ตอนที่ 392 มนุษย์ธรรมดาที่ดุเดือดทรงพลัง – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า
ตอนนี้ของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 392 มนุษย์ธรรมดาที่ดุเดือดทรงพลัง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 392 มนุษย์ธรรมดาที่ดุเดือดทรงพลัง
คลื่นกระแทกรุนแรง เสียงร้องโหยหวนแว่วระงมไปทั่วถนนที่ตัดผ่านช่องเขา มีหลายคนที่โดนระเบิดจนเลือดเนื้อกระจัดกระจาย ถึงขั้นที่มีชิ้นส่วนแขนขากระเด็ดปลิดปลิว คนส่วนใหญ่เสียชีวิตคาที่
ดินปืนจำนวนมากที่หยวนกังเตรียมไว้ตามคำขอของหนิวโหย่วเต้าก่อนหน้านี้ที่ต้องการให้เขาก่อเหตุจลาจลขึ้นในเมืองหลวงแคว้นฉี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้นำไปใช้กับเมืองหลวงแคว้นฉี เขาจึงนำทั้งหมดมาใช้ในครั้งนี้แทนเพื่อโจมตีเป้าหมายให้ตายในการโจมตีเดียว
แรงระเบิดทรงพลัง เศษหินเศษดิน ชิ้นส่วนแขนขา เศษซากรถม้าหล่น รวมถึงเศษเลือดเนื้อร่วงหล่นลงพื้นดังตุบตับๆ
“อ๊าก!” มีคนล้มอยู่บนพื้น บางคนกุมแขนขาที่ขาดด้านพลางร้องโหยหวน
บางคนกลิ้งเกลือกไปมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน พยายามถอนตะปูเหล็กออกจากร่าง
หยวนกังผสมวัตถุโลหะจำพวกตะปูเหล็กที่สามารถสร้างความเสียหายได้เข้าไปในดินปืนเป็นจำนวนมาก เพื่อยกระดับการโจมตีให้พรากชีวิตเป้าหมายได้ภายในการโจมตีเดียว
บุคคลอันตรายที่แม้แต่เต้าเหยี่ยก็ยังเอ่ยถึงอยู่หลายครั้ง เมื่อหยวนกังมีใจหมายสังหารขึ้นมาก็ต้องลงมืออย่างไร้ความปรานี!
เป็นการโจมตีอย่างกะทันหัน ซ้ำยังเป็นการโจมตีกะทันหันที่ทำให้คนตอบสนองไม่ทันและไม่มีเวลาได้เตรียมตัวตอบโต้ใดๆ คนส่วนใหญ่แทบจะกระเด็นกระดอนไปพร้อมกับการระเบิดที่รุนแรง
ท่ามกลางคลื่นอากาศที่ขยายตัวออกมาอย่างรุนแรง คนที่ถูกระเบิดตายคำไม่จำเป็นต้องกล่าวถึง ทว่าคนที่ถูกแรงระเบิดกระแทกจนกระเด็นลอยไปบนพื้นเหล่านั้นยังไม่ทันได้คลานลุกขึ้นมา ไม่ว่าจะได้รับบาดเจ็บอย่างไร ขอเพียงยังขยับเขยื้อนอยู่ ลูกศรก็ล้วนแต่พุ่งเข้าใส่คนเหล่านั้นทันที
สำหรับหน้าไม้ประกอบเก้าส่วนที่ถูกสร้างขึ้นมาในจังหวัดชิงซานทั้งหมดห้าสิบกว่าชุด หยวนกังได้นำออกมาใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้ทั้งหมด อานุภาพการเจาะทะลวงจากหน้าไม้ที่สร้างขึ้นแบบพิเศษเหล่านี้เหนือชั้นจนธนูธรรมดาเทียบไม่ติด
บางคนเพิ่งจะลุกยืนขึ้นมาด้วยร่างกายที่สั่นระริกก็ถูกลูกศรหลายดอกยิงปักตรึงไว้บนพื้นแล้ว
บางคนเพิ่งจะพลิกตัวก็ถูกตะปูเหล็กที่ดูคล้ายเข็มยาวเล่มหนึ่งปักทะลุศีรษะดัง ‘โผละ’ แล้ว ดวงตาเบิกถลนล้มทรุดลงไป
มีคนสองคนดีดตัวออกจากม้าศึกที่พลิกหงาย ทะยานกายพุ่งทะลวงคลื่นอากาศที่ขยายตัวออกอย่างรุนแรงขึ้นไปอากาศ ลูกศรที่ถูกยิงออกไปอย่างรวดเร็วก็พุ่งเป้าไปที่สองคนนี้เป็นหลัก ส่วนคนอื่นๆ ส่วนใหญ่แทบจะล้มลงไปเพราะการโจมตีกะทันหันในครั้งนี้จนหมด
ทั้งสองคนที่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องนภาก็ตกใจกับการโจมตีกะทันหันที่ผิดแผกไปจากปกติครั้งนี้เช่นกัน ในพริบตาที่ตั้งตัวได้และพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาก็รีบโคจรพลังสร้างเกราะคุ้มกายอย่างรวดเร็ว ต้านทานห่าลูกศรที่พุ่งเข้ามาเอาไว้
ศรเหล็กที่มีความหนาเท่าตะเกียบแต่ละดอกแตกต่างไปจากลูกธนูธรรมดา แรงโจมตีในระยะประชิดและอานุภาพทำลายล้างทรงพลังอย่างยิ่ง แต่กลับถูกเกราะคุ้มกายที่ห่อหุ้มอยู่รอบกายคนทั้งสองหนีบเอาไว้ ทะลวงเข้าไปไม่ได้ แล้วก็ไม่หล่นลงมา
ผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งมีโลหิตอาบร่างไปครึ่งซีก ตัวคนลอยอยู่ในอากาศ มีโลหิตสดๆ ทะลักออกมาจากโพรงจมูก ลูกศรที่กระหน่ำยิงออกมาในช่วงหลังทะลวงเกราะคุ้มกายได้สำเร็จ เขาจึงยกกระบี่ขึ้นปัดป้องเป็นพัลวัน เกิดเป็นเสียงโลหะกระทบกันดังเคร้งๆ แว่วระงม สะเก็ดไฟกระเด็นกระดอนออกมา สามารถปัดป้องด้านหน้าได้ แต่ปัดป้องด้านหลังไม่ทัน จึงถูกลูกศรยิงร่างจนพรุน ร่วงตกลงไปด้านล่าง
ผู้บำเพ็ญเพียรอีกคนหนึ่งตีลังกากลางอากาศแล้วกระโจนเข้าสู่ป่าทึบ
“ตาม!” หยวนเฟิงตะโกน พาเหล่า ‘นักฆ่า’ ยี่สิบคนที่หน้าเปื้อนโคลนมีหญ้าห่อหุ้มอยู่บนร่างหันหลังวิ่งเข้าสู่ป่าไปด้วยกัน
นักฆ่าแต่ละคนปราดเปี่ยวดั่งหมาป่า ไม่สนใจภูมิประเทศและอุปสรรคขวากหนามภายในป่าเขา ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่น้อย ถือหน้าไม้ไว้หน้ามือแล้ววิ่งตะลุยเข้าไปในอย่างบ้าคลั่งเสมือนหมาป่าทันที
ผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นทะยานอยู่เหนือยอดไม้ กลุ่มคนที่อยู่ด้านล่างวิ่งไล่ตามพลางยิงหน้าไม้ใส่อย่างดุเดือด ส่วนหนึ่งวิ่งไปด้วยยิงไปด้วย อีกส่วนหนึ่งวิ่งไปด้วยพลางบรรจุลูกศรใส่หน้าไม้อย่างรวดเร็ว หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป ไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้พักหายใจ
ทั้งกลุ่มตามไล่ล่าไม่ยอมปล่อย ยิงหน้าไม้โจมตีไปตลอดทาง การฝึกฝนอย่างหนักหน่วงที่ปฏิบัติกันอยู่เป็นประจำแสดงประสิทธิภาพอย่างที่ควรจะมีออกมาในป่าแห่งนี้
และในขณะเดียวกับที่หยวนเฟิงพาคนตามไล่ล่าอยู่นี้ หยวนกังก็ชักดาบง้าวออกมาแล้วพุ่งออกไปอย่างคุ้มคลั่ง พุ่งเข้าไปยังผู้บำเพ็ญเพียรที่ร่วงลงสู่พื้นคนนั้น
บนร่างผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นถูกลูกศรปักอยู่จนดูราวกับเม่น โลหิตทะลักออกมาจากปาก ทว่ายังคงกวัดแกว่งกระบี่ส่งปราณกระบี่สายหนึ่งฟาดฟันใส่หยวนกังด้วยความโกรธเกรี้ยว
ปราณกระบี่เป็นเหมือนดั่งคมมีดล่องหน ฟันแหวกอากาศพลางเสียงดังหวีวหวิว
หยวนกังยกกระบี่ขึ้นต้านรับในแนวนอน เกิดเสียงปังดังสนั่น อาศัยพละกำลังอันป่าเถื่อนหักล้างปราณกระบี่สายนั้นตรงๆ
ท่ามกลางคลื่นอากาศที่ระเบิดออก ต้นหญ้าที่ปกคลุมอยู่บนร่างของหยวนกังถูกฉีกกระชากจนกระเด็นออกไป หยวนกังที่ลงมาบนพื้นพลิกตัว เหวี่ยงแขนฟันออกไป
เคร้ง! ผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นยกกระบี่ขึ้นต้านรับ! กระบี่ในมือกระเด็นออกไป โลหิตสดๆ ทะลักออกมาจากโพรงจมูก ร่างที่ส่ายโงนเงนและเต็มไปด้วยลูกศรที่ปักเต็มร่างถอยกรูดไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เท้าทั้งสองข้างของหยวนกังดีดตัวพุ่งออกไป สองมือจับดาบสะบั้นออกไปในแนวขวาง ละอองหิตพุ่งกระฉูดออกมาเป็นสาย
ผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นถูกฟันเอวขาดเป็นสองท่อน ล้มลงบนพื้น หยวนกังเองก็ไม่หันกลับไปมอง วิ่งออกไปเหมือนติดปีก ถือดาบง้าวพุ่งเข้าสู่ป่าที่อยู่ด้านหน้า วิ่งทะลวงไปในผืนป่าราวกับเสือดาว ปีนป่ายไปตามเนินเสมือนเดินบนพื้นราบ กิ่งไม้ที่ขวางกั้นปิดทางล้วนถูกเขาฟันจนขากกระเด็น
เขากลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับพวกหยวนเฟิง จึงรีบไล่ตามไป
กลุ่มคนอีกยี่สิบคนที่อยู่ในป่าอีกด้านหนึ่งพุ่งตัวลงมาจากเนิน มีคนจำนวนหนึ่งที่พุ่งเข้าไปยิงหน้าไม้ซ้ำใส่ผู้บำเพ็ญเพียรที่ถูกฟันร่างขาดเป็นสองท่อน แต่ร่างกายครึ่งท่อนบนยังมีความเคลื่อนไหว ลูกศรหลายดอกปักทะลวงศีรษะผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้น ตรึงเอาไว้กับพื้นในทันที
คนที่เหลือส่งสัญญาณมือสื่อสารกัน ออกสำรวจสถานที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ทุกคนแทบจะสื่อสารกันด้วยสัญญาณมือทั้งสิ้น พูดคุยกันน้อยมาก เมื่อพบคนที่ยังขยับเขยื้อนได้อยู่ก็จะยิงหน้าไม้ใส่ศีรษะอีกฝ่ายทันที ไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย
หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีผู้รอดชีวิตหลงเหลือ พวกเขาก็จัดการเก็บกวาดสถานที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว ถอนลูกศรที่ใช้ในที่เกิดเหตุออก ต้องพยายามเก็บเอาลูกศรทั้งหมดกลับไป พยายามไม่เหลือร่องรอยการต่อสู้อันเป็นเอกลักษณ์พิเศษของพวกเขาเอาไว้ในที่เกิดเหตุ
ส่วนเส้นทางเข้าออกทั้งสองด้านของเส้นทางภูเขาสายนี้ก็มีคนเฝ้าไว้ เพื่อดักสกัดคนสัญจรที่อาจปรากฏตัวขึ้น
ไม่นานนักหยวนกังที่พุ่งเข้าไปในป่าก็ไล่ตามพวกหยวนเฟิงทัน
อีกทั้งให้ความรู้สึกเหมือนเสือดาวที่วิ่งไล่กวดไปบนทุ่งหญ้าอย่างบ้าคลั่ง ตามล่าวิหคที่ตื่นตระหนกตัวหนึ่ง
ผู้บำเพ็ญเพียรเหลียวมองกลับไปเป็นครั้งคราว รู้สึกตระหนกลนลานขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากถามเหลือเกินว่าคนผู้นี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?
เขาไม่เห็นมนุษย์ที่อาศัยเพียงสองขาก็วิ่งได้เร็วขนาดนี้มาก่อน และไม่รู้ว่าวันนี้ตนประสบเคราะห์หามยามซวยอันใดเข้า ดันมาเจอกับกลุ่มมนุษย์ธรรมดาหลายสิบคนที่หาญกล้ามาเปิดศึกกับผู้บำเพ็ญเพียรเข้า ซ้ำยังเป็นฝ่ายเข้ามาโจมตีไล่ล่าด้วย มายามนี้ก็ถูกคนบ้าที่แปลกประหลาดเช่นนี้ไล่ตามไม่ยอมปล่อยอีก
ปัญหาสำคัญคือเขาไม่เพียงแต่บาดเจ็บสาหัสเท่านั้น แต่ยังต้องใช้พลังปิดผนึกปากแผลมากมายบนร่างไว้ด้วย เขาไม่อาจสกัดจุดลมปราณมากไปจนส่งผลกระทบต่อการโคจรพลังได้ ขณะเดียวกันก็ต้องลากสังขารที่บาดเจ็บสาหัสใช้พลังเหินทะยานอีก ทำให้พลังถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว
หนึ่งหนีหนึ่งไล่ตามกันไปเช่นนี้ ระยะการเหินดีดตัวของผู้หลบหนีหดสั้นเข้ามาเรื่อยๆ ทว่าความเร็วของผู้ที่ไล่ตามาอย่างไม่ยอมละวางกลับไม่ลดลงเลย
ผู้บำเพ็ญเพียรที่เคยคิดว่าจะสลัดอีกฝ่ายพ้นได้เริ่มอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาจริงๆ แล้ว เขาไม่เคยพบมนุษย์ธรรมดาแบบนี้มาก่อน ไม่เพียงแต่จะเร็วได้ขนาดนี้โดยที่ความเร็วไม่ตกลงเลย แต่ยังดูเหมือนจะไม่มีอาการเหนื่อยล้าเลยด้วย พละกำลังเช่นนี้ยังใช่มนุษย์อยู่อีกหรือ?
ทั้งสองไล่ล่ากันไปพักใหญ่ จนกระทั่งร่างกายของผู้บำเพ็ญเพียรรับไม่ไหวแล้วจริงๆ เขาเห็นว่าตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้หยวนกังไล่ตามมาเพียงคนเดียว เมื่อมองออกไปไกลๆ ก็ไม่เห็นคนอื่นโผล่มาเลย จึงร่อนลงพื้นแล้วหันกลับมาทันที เป็นฝ่ายพุ่งเข้าใส่หยวนกังที่ไล่ตามมาแทน
คนหนึ่งโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว อีกคนก็พุ่งเข้าใส่อย่างเร็วรี่ ทั้งสองเข้าปะทะกันในทันใด
ผู้บำเพ็ญเพียรตวัดกระบี่ฟันผ่าอากาศ ปราณกระบี่ทรงพลังสายหนึ่งพุ่งออกไป
หยวนกังพลันย่อตัวกระโจนขึ้น เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กระโจนข้ามปราณกระบี่ทรงพลังสายนั้นไป พลังการกระโดดชวนให้ตกตะลึง กระโดดทีเดียวพุ่งสูงถึงสามจั้ง สองมือเงื้อดาบฟันเข้าใส่เป้าหมาย
ตูม! พื้นดินถูกปราณกระบี่ถางจนเป็นร่องลึก เศษหญ้าและฝุ่นดินปลิวว่อน
ทั้งสองเข้าปะทะกันกลางอากาศในทันใด
ผู้บำเพ็ญเพียรตกใจ นึกไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกระโดดได้สูงขนาดนี้ รีบตวัดกระบี่ต้านรับดาบที่ฟาดฟันเข้ามาพร้อมเสียงคำรามหวีดหวิวของสายลม
เคร้ง!
พลังดิบเถื่อนอันน่าหวาดกลัวสายหนึ่งไหลผ่านกระบี่เข้ามา พลังนี้แข็งแกร่งจนน่าตกใจ ตัวเขาคือผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองแล้ว ถึงแม้ตอนนี้เขาจะบาดเจ็บสาหัส แต่การที่ฟันจนกระบี่ในมือตนกระเด็นออกไปได้ในกระบวนท่าเดียว มันก็ยังคงชวนให้เขาตกใจจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ไม่รู้เลยว่าตนเผชิญหน้ากับตัวประหลาดอันใดเข้าแล้ว เป็นครั้งแรกที่ได้พบมนุษย์ธรรมดาที่ดุเดือดทรงพลังขนาดนี้ นี่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่หรือ?
กระบี่ในมือกระเด็นออกไป ท่อนแขนถูกสะเทือนจนชาหนึบ ปากแผลบนร่างพลันควบคุมไม่อยู่ เลือดทะลักออกมาทันที ตัวคนก็ถูกกระแทกจนร่วงหล่นลงพื้น
สภาพดาบในมือของหยวนกังก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร ดาบง้าวที่เข้าปะทะตรงๆ ถูกกระบี่ของอีกฝ่ายฟันหักไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าคุณภาพของดาบง้าวเล่มนี้ไม่ดีเท่ากระบี่ในมือผู้บำเพ็ญเพียร
………………………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า