ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 393

ตอนที่ 393 ไป พวกเราไปจับชู้กัน!

ผู้บำเพ็ญเพียรถูกกระแทกจนร่วงหล่นลงไปก่อน ทว่ากลับร่วงลงสู่พื้นช้ากว่าเล็กน้อย

หยวนกังที่เป็นคนโจมตีอีกฝ่ายจนร่วงตกลงมากลับแตะถึงพื้นก่อน ทันทีที่สองเท้าแตะพื้นก็ม้วนตัวไปด้านหน้าทันที จากนั้นสองเท้าถีบตัวขึ้นจากพื้น พุ่งตัวออกไปอีกครั้งในทิศทางที่อีกฝ่ายกำลังจะร่วงหล่นลงมา

ผู้บำเพ็ญเพียรที่กำลังร่วงลงมามีโลหิตไหลออกจากโพรงจมูกเป็นทาง ตัวคนยังไม่ทันแตะพื้นก็เห็นหยวนกังพุ่งโจมตีเข้ามาอีกครั้ง เขาพลันกางสองแขนออก รวบรวมสภาวะทั้งหมดในร่างซัดพลังปราณอันไร้รูปลักษณ์สองดวงออกมาจากสองมือ พุ่งโจมตีกระหนาบซ้ายขวาเข้าใส่หยวนกังอย่างคุ้มคลั่ง

ร่างของหยวนกังดีดพุ่งขึ้นมาจากพื้น สองแขนยกไขว้กัน ป้องกันส่วนหัวเอาไว้ ร่างกายพุ่งออกไปเสมือนกระสุนปืนใหญ่ ใช้ร่างกายเข้าปะทะกับกลุ่มปราณไร้รูปลักษณ์สองดวงนั้น

ตูม! ตูม!

กลุ่มปราณสองดวงแตกสลายไปทันที เสื้อผ้าท่อนบนของหยวนกังขาดวิ่นกระจายปลิดปลิว เผยให้เห็นร่างกายอุดมมัดกล้ามแกร่งกำยำที่แดงปลั่ง แถบแพรที่มัดรวบผมไว้ก็คลายตัวออกเช่นกัน

พงหญ้าในรัศมีหลายจั้งถูกกระแสลมปราณถอนรากถอนโคนออกมา หน้าดินหลุดล่อนออกมาเป็นแผ่นๆ ปลิวกระจายไปทั่วสารทิศดังระลอกคลื่น

เมื่อสถานการณ์คลายตัวลงเล็กน้อย หยวนกังที่ร่วงลงสู่พื้นก็ดีดตัวขึ้นมาอีกครั้ง

แต่เหตุการณ์ที่ปรากฏตรงหน้านี้กลับทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรตกใจขวัญผวา นี่มันตัวประหลาดอันใดกัน? ใช้ร่างกายเข้าปะทะกับพลังโจมตีที่ตนระดมสภาวะทั้งหมดในร่างโดยไม่หลบไม่เลี่ยงเลยอย่างนั้นหรือ?

เขารู้ว่าตอนนี้สภาวะของตนได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แต่การที่ใช้กายเนื้อเปล่าๆ มาต้านรับการโจมตีของเขามันก็ออกจะน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อย กายเนื้อของไอ้ตัวประหลาดผู้นี้มันแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกัน?

เขาไม่มีเวลาให้คิดมากนัก เพราะหยวนกังพุ่งเข้ามาถึงเบื้องหน้าเขาแล้ว อาศัยจังหวะที่เท้าเขายังไม่แตะถึงพื้นเงื้อดาบง้าวที่หักไปครึ่งเล่มฟันเข้าใส่หัวของเขา

ผู้บำเพ็ญเพียรยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว ให้สองมือประกบหนีบใบดาบของเขาที่ฟันลงมา สองเท้ากระแทกลงบนพื้นดังตูม พละกำลังที่กดทับลงมาหนักอึ้งราวกับท่อนซุง ตูม! สองเท้าเขาจมลงไปในพื้นดิน หน้าดินแตกร้าวยุบตัวลึกลงไป

ผัวะ! หยวนกังฉวยจังหวะเบี่ยงกายแล้วฟันศอกออกไปกระแทกเข้าที่หน้าอกของผู้บำเพ็ญเพียร

พรูด! ผู้บำเพ็ญเพียรหน้าหงายสำรอกโลหิตออกมา ได้ยินเสียงกระดูกซี่โครงหักดังกร็อบ สภาวะทั้งร่างไม่อาจต้านทานการโจมตีอันหนักหน่วงนี้ได้ ตัวคนกระเด็นออกไปไกลหลายจั้ง ก่อนจะกลิ้งไถลไปตามพื้น

หยวนกังอยู่ในภาพเปลือยท่อนบน ผมยาวสยายปลิวไสวไปตามสายลม ร่างแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามดูประหนึ่งประติมากรรมหิน ในมือถือดาบง้าวหักครึ่งท่อนไว้ ย่างเท้าเข้าไปช้าๆ ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

ผู้บำเพ็ญเพียรตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา แต่ขากลับอ่อนแรงล้มคว่ำลงไปอีกครั้ง สุดท้ายก็กระเสือกกระสนจนยันตัวขึ้นมาได้อีกครั้ง โลหิตทะลักออกมาจากปากและจมูกไหล เขาหันหลังเดินโซเซออกไป มือหนึ่งกุมอยู่ตรงทรวงอก แม้แต่ก้าวเดินก็ยังไม่มั่นคง แต่ยังคงคิดจะหนีเอาชีวิตรอดอยู่

ทันใดนั้นเอง เขาพลันถูกคนถีบที่ด้านหลังขา สองขาอ่อนยวบคุกเข่าลงไปกับพื้น เขาคิดจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าดาบง้าวที่หักไปครึ่งท่อนกลับจ่อพาดอยู่บนลำคอของเขาแล้ว

หยวนกังที่พาดดาบจ่อคอเขาค่อยๆ เดินวนมาอยู่ตรงหน้าเขา ก้มลงมองเขาอย่างเย็นชา

ผู้บำเพ็ญเพียรค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา คนที่เปลือยกายท่อนบนอันแข็งแกร่งกำยำ เรือนผมยาวปลิวไสวตามลมที่ยืนอยู่เบื้องหน้าดูคล้ายนักรบจากยุคโบราณ เขายิ้มอย่างน่าสังเวช เอ่ยถามออกไปว่า “เจ้า…เจ้าเป็นใคร?”

หยวนกังเอ่ยอย่างเย็นชา “เซ่าผิงปออยู่ที่ไหน? บอกมาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”

ตอบที่ลอบโจมตีก่อนหน้านี้เขาก็สังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว ในหมู่ผู้คุ้มกันรถม้าดูเหมือนจะมีผู้บำเพ็ญเพียรอยู่เพียงสองคนเท่านั้น คนที่เหลือล้วนเป็นชาวยุทธ์ธรรมดาทั้งสิ้น ทันทีที่ถูกทางนี้เข้าจู่โจมก็ไม่สามารถตอบโต้กลับได้เลย เรื่องนี้ผิดปกติอย่างยิ่ง เซ่าผิงปอถือได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญอันดับหนึ่งแห่งมณฑลเป่ยโจว มาเยือนสถานที่เช่นนี้ ข้างกายจะมีผู้บำเพ็ญติดตามคุ้มกันเพียงสองคนได้อย่างไร?

เขาตระหนักได้ทันทีว่าตนอาจจะคว้าน้ำเหลวแล้ว ติดกับกลยุทธ์จักจั่นลอกคราบ[1]ของอีกฝ่ายเข้า

ผู้บำเพ็ญหัวเราะอย่างน่าเวทนา “เซ่าผิงปอจากไปตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว”

หยวนกังถาม “ข้าถามเจ้าว่าเขาไปไหน?”

ผู้บำเพ็ญเพียรหอบหายใจพลางส่ายหน้า “ตั้งแต่มาถึงแคว้นฉี แผนการเดินทางของเขามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด คนที่ทราบชัดเจนดีที่สุดมีเพียงตัวเขาเอง คนอื่นไม่มีใครรู้ทั้งสิ้น ข้าเองก็เพิ่งรู้วันนี้ว่าเขาล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเขาอยู่ไหน น้องชาย ข้าและเจ้าไร้ซึ่งความบาดหมางแค้นเคือง ตัวข้าพอจะมีเงินอยู่เล็กน้อย เจ้ารับไปแล้วเมตตาปล่อยข้าไปสักครั้งได้หรือไม่?” เขาล้วงเอาตั๋วเงินที่มีมูลค่าแตกต่างกันไปปึกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อแล้วยื่นส่งให้

หยวนกังยื่นมืออกไปคว้าตั๋วเงินในมือเขามา เพียงมองดูอย่างเฉยชาเล็กน้อย จากนั้นก็มองดูผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ตรงหน้าอย่างเย็นชาอีกครั้ง

ผู้บำเพ็ญเพียรกลืนน้ำลายพลางเอ่ยว่า “น้องชาย หากเจ้าคิดว่าไม่มากพอ ข้ายังมีเงินเก็บอยู่ในโรงฝากเงินอีกจำนวนหนึ่ง พวกเรามาหาทางเจรจาแลกเปลี่ยนความต้องการกันดีหรือไม่?”

หยวนกังยกกระบี่ออกจากลำคอของเขาแล้วเดินอ้อมเขาไป

ผู้บำเพ็ญเพียรเหลียวมองเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินจากไปแล้วจริงๆ เขาจึงใช้มือยันพื้นพยายามลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก

แต่จู่ๆ หยวนกังที่เดินทิ้งห่างจากคนที่อยู่ด้านหลังมาได้ระยะหนึ่งพลันตวัดปลายเท้าเล็กน้อย เกี่ยวใบดาบหักครึ่งที่อยู่บนพื้นให้ลอยขึ้นมา

เคร้ง! เสียงโลหะกระทบกันดังเสียดหู

หยวนกังหมุนตัวเหวี่ยงแขนตวัดดาบ ปัดใบดาบหักครึ่งให้พุ่งฉิวออกไป

ใบดาบหักครึ่งกลายเป็นลำแสงสายหนึ่ง พุ่งทะยานออกไปราวกับดาวตก ปักเข้าสู่แผ่นหลังของผู้บำเพ็ญเพียรที่ลุกขึ้นมาคนนั้น ก่อนจะทะลุออกไปทางด้านหน้าของทรวงอกของผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นพร้อมกับโลหิตที่สาดกระจาย

ผู้บำเพ็ญเพียรเบิกตากว้าง ทรุดตัวคุกเข่าลงบนพื้น จากนั้นล้มคว่ำลงบนพื้นหญ้า ชักกระตุกอยู่ตรงนั้น

หยวนกังถือดาบหักครึ่งเดินหน้าไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวมอง แสงอาทิตย์ยามอัสดงสาดลงมา ลายกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ถูกแสงสีทองอาบไล้ขับเน้นให้เด่นชัดเลื่อมพราย เรือนผมยาวดำขลับดั่งน้ำหมึกปลิวไปตามแรงลม พลิ้วไหวไปในทิศทางเดียวกับหมู่หญ้าเขียวขจีที่พลิ้วไหวอยู่ในที่แห่งนี้

เขาค่อยๆ เร่งความเร็ว ยิ่งเดินยิ่งเร็ว ก่อนจะเริ่มออกตัววิ่ง พุ่งทะยานไปดั่งเสือดาวตัวหนึ่งอีกครั้ง

สายลมพัดพายอดหญ้าพลิ้วไหวดั่งระลอกคลื่น ทว่าไม่อาจกลบร่องรอยที่เขาวิ่งลัดผ่านในตอนที่ไล่ตามมาได้ เขาอาศัยร่องรอยนี้วิ่งกลับไปภายใต้แสงอาทิตย์ยามอัสดง ไอรีนโนเวล

เขาวิ่งกลับมายังเขตภูเขาแห่งนั้น เดินลึกเข้าไปในป่า ในตอนที่มาถึงละแวกเส้นทางหลวงก็ได้พบกับพวกหยวนเฟิง

พอเห็นว่าอาภรณ์บนร่างเขาหายไป แม้แต่ดาบในมือก็เหลืออยู่เพียงครึ่งเล่ม หยวนเฟิงจึงเดินเข้าไปถาม “ลูกพี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า