สรุปตอน ตอนที่ 402 ภูเขาแมงป่องทราย – จากเรื่อง ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet
ตอน ตอนที่ 402 ภูเขาแมงป่องทราย ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 402 ภูเขาแมงป่องทราย
ก้ามใหญ่ยักษ์สองข้างเจาะทะลุขึ้นมาจากพื้นทรายก่อน ต่อมาส่วนหัวขนาดมหึมาของแมงป่องทรายหน้าตาดุร้ายก็โผล่ขึ้นมาจากชั้นทราย ร่างกายขนาดใหญ่ดันตัวคืบคลานขึ้นมา ลากหางที่ใหญ่โตเท่าเสาต้นหนึ่งออกมาด้วย เข็มพิษที่ปลายหางรวมถึงก้ามสองข้างล้วนเป็นสีเหลืองทอง
ยามที่เจ้าสิ่งนี้หมอบอยู่บนพื้นทรายดูคล้ายกับเนินเขาเล็กๆ ลูกหนึ่ง ขนาดความยาวจากหัวจรดหางเองก็เกินสิบจั้ง แมงป่องทรายธรรมดาขนาดเท่าลูกวัวที่อยู่รอบข้างดูเล็กจ้อยลงไปถนัดตาเมื่อเทียบกับมัน
ฝ่ายสตรีเอ่ยด้วยความแปลกใจ “มีแมงป่องทรายใหญ่ขนาดนี้ด้วยหรือ?”
ฝ่ายชายจ้องเขม็งพลางกล่าวว่า “มีตำนานเล่าขานกันว่าในทะเลทรายแห่งนี้มีราชาและราชินีแมงป่องทรายอย่างละหนึ่งตัว เล่ากันว่าราชินีแมงป่องทรายจะซ่อนตัวอยู่ใต้ดินลึกสลัวไม่เคยปรากฏตัวขึ้นเลย รับหน้าที่ขยายเผ่าพันธุ์ ร่างกายใหญ่โตมโหฬารอย่างยิ่ง ใหญ่กว่าราชาแมงป่องทรายเสียอีก แต่ก็ไม่มีใครทราบถึงขนาดที่แน่ชัดของมัน ขนาดของเจ้าตัวนี้สอดคล้องกับราชาแมงป่องทรายในตำนานเล่าขาน น่าจะเป็นราชาแมงป่องทรายในตำนานขอรับ”
ระหว่างที่พูดคุยกัน สิ่งที่เรียกว่าราชาแมงป่องทรายก็เริ่มเคลื่อนที่จนเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น แข้งขายาวเคลื่อนไหวว่องไว ระยะทางในหนึ่งย่างก้าวมิใช่ระยะที่แมงป่องทรายธรรมดาจะเทียบชั้นได้ ดูราวกับภูเขาขนาดย่อมที่คลื่อนผ่านทะเลทรายไปด้วยความเร็ว แมงป่องทรายจำนวนมากถูกมันชนจนล้มหงายหรือไม่ก็กระเด็นออกไป ทิ้งร่องรอยที่เด่นชัดเป็นพิเศษเส้นหนึ่งไว้ในทะเลทราย
เมื่อมองไปรอบๆ อีกครั้ง ในสถานที่ที่สายตาสามารถมองไปถึงล้วนมีแมงป่องทรายไต่ยั้วเยี้ยมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกันอย่างบ้าคลั่ง
“น่าจะมิใช่การออกล่าเหยื่อแล้ว จะมีเหยื่อใดเล่าที่จะสามารถกระตุ้นให้ราชาแมงป่องทรายเกิดความกระหายอยากจนออกมาล่าเหยื่อได้?” ฝ่ายชายส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นมองไปทางฝ่ายสตรีแล้วเอ่ยถาม “ท่านมหาเสนาบดี ลองไปดูกันดีหรือไม่ขอรับ?”
ฝ่ายสตรีพยักหน้ารับ “ได้ ไปเปิดหูเปิดตากันหน่อย!”
ฝ่ายชายโบกมือชี้ทาง วิหคขนหลากสีกระพือปีกมุ่งหน้าไปทันที ไล่ตามไปในทิศทางเดียวกับราชาแมงป่องทราย
เมื่อตามราชาแมงป่องทรายที่วิ่งอยู่บนพื้นทรายทันแล้ว วิหคยักษ์ก็บินมุ่งหน้าต่อไปในทิศทางที่เหล่าแมงป่องทรายไปรวมตัว รีบบินไปตรวจสอบว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร
ระหว่างทางยังพบเห็นแมงป่องทรายที่มีขนาดเล็กกว่าราชาแมงป่องทราย แต่ก็ยังใหญ่กว่าแมงทรายธรรมดาอีกด้วย ต่างมุ่งหน้าไปในทิศทางเดียวกัน
ราวกับแมงป่องทรายในทะเลทรายล้วนเป็นบ้ากันไปหมด เสมือนว่ากองทัพแมงป่องทรายจากทั่วสารทิศล้วนมุ่งหน้ามาที่นี่ ฉากตระการตาหาได้ยากเช่นนี้ทำให้บุรุษที่อยู่บนหลังวิหคขนหลากสีแน่ใจขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่ามิใช่การล่าเหยื่อตามปกติแน่นอน
……
พอเห็นหยวนกังพุ่งเข้ามาอย่างไม่คิดชีวิตอีกครั้ง ชายไว้เคราตวาดด้วยความโกรธ “คิดว่าข้าไม่กล้าสังหารเจ้าอย่างนั้นเรอะ? ถึงฆ่าเจ้าทิ้งที่นี่ก็ไม่มีผู้ใดรู้ เป็นเจ้ารนหาที่ตายเอง เช่นนั้นก็อย่าได้กล่าวโทษข้าแล้วกัน!”
เขาตวัดกระบี่คราหนึ่ง ฟันส่งปราณกระบี่คมกล้าทรงพลังสายหนึ่งออกไป
หยวนกังพุ่งเข้าหาอย่างไม่คำนึงถึงความตาย จับดาบด้วยสองมือ เส้นเลือดทั่วร่างปูดโปน “โฮก!” ดาบสามคำรามแผดเสียง คมดาบวาววับดังแพรขาวฟาดฟันออกไป
ตูม!
ปราณกระบี่แตกสลาย ดาบสามคำรามสั่นไหวเกิดเสียงดังหวึ่งๆ หยวนกังถูกคลื่นอากาศอันรุนแรงกระแทกจนถอยกรูดไป เส้นผมปลิวสะบัดยุ่งเหยิง
ชายไว้เคราตกใจ เป็นอีกครั้งที่ได้สัมผัสถึงพลังดิบเถื่อนที่หยวนกังระเบิดออกมา พลังนี้ชวนให้ตกใจอย่างมากจริงๆ!
หยวนกังที่ยังคงถอยกรูดไปกลับก้าวเท้าออกวิ่งอย่างคลุ้มคลั่ง พุ่งเข้าเผชิญกับลมพายุอันรุนแรงอีกครั้ง
“รนหาที่ตาย!” ชายไว้เคราหัวเราะหยัน ตวัดกระบี่ฟันออกไปในแนวนอนแล้วตามด้วยแนวตั้ง ปราณกระบี่สองสายพุ่งตามกันออกไป
ตูม!
โฮก! เสียงพยัคฆ์คำรามดังขึ้น สะบั้นปราณกระบี่สายหนึ่งอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
หยวนกังที่ถูกกระแทกจนถอยกรูดไปอีกครั้งเผชิญหน้ากับปราณกระบี่อีกสายพุ่งตามเข้า ยามนี้เขาตั้งรับไม่ทันแล้ว ไม่มีเวลาพอให้โจมตีกลับไปเป็นครั้งที่สองอีก
ระหว่างที่ถอยกรูดไปเพราะแรงกระแทก เขาตั้งดาบป้องกันร่างในแนวนอน หันคมดาบออกไป ใช้แขนดันใบดาบเอาไว้ ต้านรับปราณกระบี่สายที่สองที่โจมตีเข้ามา!
ตูม!
พรูด! ปราณกระบี่สลายตัวไป ส่วนหยวนกังก็กระอักโลหิตคำหนึ่งออกมาจากปาก ร่างกายถูกกระแทกจนกระเด็นลอยออกไป
ชายมีเคราที่กำลังตามไปสังหารพลันตวัดกระบี่ฟันออกไปทางด้านข้าง สังหารแมงป่องทรายที่ดีดตัวโผเข้ามา
แมงป่องทรายที่กรูกันมาจากทั่วทุกด้านเริ่มเข้าโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง ถึงจะเห็นเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์กระเด็นออกไป พวกมันก็ยังคงดาหน้าเข้ามาโจมตีกันเรื่อยๆ
แมงป่องทรายแห่แหนกันมาจากทุกทิศทาง โผเข้ามาจากทางอากาศก็มี ทั้งหมดล้วนเข้าโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง
แมงป่องทรายที่กรูกันเข้ามาจากทั่วทิศก็โผเข้าใส่ซูจ้าวที่นอนกระอักโลหิตอยู่บนพื้นเช่นกัน
แม้จะเห็นแมงป่องทรายที่โบกก้ามและเข็มพิษพุ่งเข้ามาหา ทว่าซูจ้าวไร้เรี่ยวแรงจะลุกขึ้นมาได้ นางยิ้มออกมาอย่างน่าเวทนา ค่อยๆ หลับตาลงเพื่อรอรับความตาย艾琳小說
ทว่าพอฝูงแมงป่องทรายพุ่งเข้ามาถึงตรงหน้านาง จู่ๆ พวกมันก็เบี่ยงตัวหลบซ้ายหลบขวา อ้อมผ่านร่างนางแล้วมุ่งหน้าต่อไป
เมื่อได้ยินเสียงแมงป่องทรายพุ่งผ่านข้างตัวไปจนเกิดเสียงดังสวบสาบ ซูจ้าวจึงลืมตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้าอีกครั้ง พอเห็นว่ามีฝูงแมงป่องทรายพุ่งเข้ามาแต่กลับผ่านตัวนางไปโดยไม่ทำอันตรายนางเลย นางจึงค่อนข้างแปลกใจ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแมงป่องทรายเหล่านี้ถึงไม่แตะต้องตัวนาง
นางหารู้ไม่ว่าหยวนกังแบกนางวิ่งมานานขนาดนี้ บนร่างของนางจึงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของหยวนกัง นี่คือเหตุผลที่ทำให้นางรอดพ้นภัยมาได้
นางนอนอยู่ท่ามกลางฝูงแมงป่องทราย มองเห็นแมงป่องทรายวิ่งผ่านข้างตัวไปอย่างบ้าคลั่ง ประสบการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยพานพบมาก่อนเลยจริงๆ ซูจ้าวพยายามยกหัวขึ้นอย่างยากลำบาก แต่คอก็ตกลงบนพื้นทรายอีกครั้งอย่างไร้เรี่ยวแรง ลมหายใจหอบถี่ มีโลหิตทะลักออกมาจากปากและจมูกเป็นระยะ
อาการบาดเจ็บของนางสาหัสเป็นอย่างมาก เพราะตอนที่ติดอยู่กลางพายุหมุนก่อนหน้านี้นางไม่อาจแยกแยะทิศทางได้ ประสาทการมองเห็นและได้ยินถูกรบกวน เมื่อปราณกระบี่สายนั้นพุ่งเข้ามานางก็ตั้งตัวไม่ทัน ไม่มีเวลาพอให้ต้านรับได้
อีกทั้งก่อนหน้านั้นนางพาหยวนกังเหินทะยานข้ามทะเลทรายมา สูญเสียพลังไปไม่น้อยเลย ช่วงที่ติดอยู่ในพายุหมุนแล้วต้องรับการโจมตีนั้น ด้วยความรีบร้อนและมีพลังไม่เพียงพอ นางจึงถูกปราณกระบี่สายนั้นโจมตีจนบาดเจ็บสาหัสในชั่วพริบตา!
พลังของนางไม่ใช่สิ่งที่หยวนกังจะเทียบได้ แต่ด้านความแข็งแกร่งทางกายภาพนางก็ไม่อาจเทียบหยวนกังได้เช่นกัน
“พรวด!” หยวนกังที่กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่งพลิกตัวลุกขึ้นมาจากพื้นทราย พอฝูงแมงป่องทรายพุ่งเข้าไปทางซูจ้าวที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น เขาก็วิ่งเข้าไปหาทันที
เมื่อวิ่งผละออกมาจากกองทัพแมงป่องมหาศาลแล้วมองเห็นซูจ้าวนอนหายใจหอบอยู่ท่ามกลางเม็ดทรายที่ปลิวว่อน หยวนกังพลันโล่งใจ เขาย่อขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงข้างตัวนาง ด้วยอยู่ท่ามกลางเสียงวิ่งดังสวบสาบที่ดังสนั่น เขาจึงต้องตะโกนถามเสียงดังว่า “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อเห็นภูเขาแมงป่องทรายกองสุมกันสูงขึ้นเรื่อยๆ ชายมีเคราก็แทบจะคลุ้มคลั่ง ถือกระบี่ฟาดฟันใส่อย่างรุนแรง คิดจะขุดเอาคนที่อยู่ด้านในภูเขาแมงป่องทรายออกมา
แต่ไม่ว่าเขาจะโจมตีอย่างไร แมงป่องทรายเหล่านี้ก็ไม่แยแสต่อความเป็นความตายของตนเลย แม้จะต้องตายก็ยังมุ่งมั่นจะก่อภูเขาแมงป่องทรายลูกนี้ขึ้นให้ได้
ยิ่งเขาสังหารไปมากเท่าไร ภูเขาแมงป่องทรายก็ยิ่งสูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือเปลือกนอกของแมงป่องทรายเหล่านี้ก็ค่อนข้างทนต่อโจมตี
เขาเหลียวมองไปรอบด้านอีกครั้ง เห็นว่ายังคงมีแมงป่องทรายแหแหนกันมาไม่ขาดสาย จนตอนนี้แทบหาที่วางเท้าไม่ได้แล้ว พื้นทรายรอบข้างล้วนเต็มไปด้วยแมงป่องทรายที่ส่ายหัวชูหางไต่คลานเข้ามา
เอาอาศัยพลังปราณอันลึกล้ำรวมถึงความเร็วในการหลบหลีกอย่างว่องไวเลี่ยงการโจมตีจากแมงป่องทรายเหล่านี้ พยายามลอยตัวอยู่ในอากาศไม่ให้ร่างแตะลงพื้น อาศัยเหยียบร่างแมงป่องทรายเหล่านี้เพื่อหยิบยืมแรง เหินทะยานขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง โจมตีไปรอบๆ ภูเขาแมงป่องทรายอย่างบ้าคลั่ง
แต่การทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ มิใช่วิธีที่ดีเลย ถ้ายังสิ้นเปลืองแรงเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็วเขาจะสูญเสียพลังจนร่วงสู่พื้น เมื่อถึงเวลานั้นต่อให้ตนมีสภาวะลึกล้ำเพียงใดก็คงถูกแมงป่องทรายเหล่านี้โจมตีสังหารอยู่ดี
แต่หากจากไปเช่นนี้ล่ะก็ เขาก็ไม่มีคำอธิบายใดจะกลับไปรายงานได้!
บัดซบ! นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้ระหว่างตามไล่ล่าสังหาร แล้วก็เป็นครั้งแรกที่ได้รู้ว่าแมงป่องทรายสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ด้วย หรือว่าไอ้หนุ่มคนนั้นจะควบคุมสัตว์ได้?
โชคดี ไกลออกไปมีวิหคยักษ์ตัวหนึ่งบินเข้ามา เป็นเจ้าบอดและชายไร้เครา
ทั้งสองไล่ตามเลียบแม่น้ำไปจนค้นพบว่าเป็นแผนลวงของหยวนกัง จึงรีบย้อนกลับมาแล้วไล่ตามมาทางนี้ทันที
“ดูเหมือนที่นี่จะมีแมงป่องทรายชุมนุมอยู่ไม่น้อยเลย” เจ้าบอดสูดดมกลิ่นที่ลอยในอากาศพลางเอ่ยขึ้นมา
เจ้าบอดมองไม่เห็น ทว่าชายไร้เครากลับมองเห็นเหตุการณ์ด้านล่างอย่างชัดเจน เขาเพิ่งจะเคยเห็นแมงป่องทรายมาชุมนุมกันมากมายขนาดนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ทำให้เขาตกใจอย่างมาก
จากนั้นก็เห็นชายไว้เครากระโดดโลดเต้นอยู่รอบๆ กองภูเขาแมงป่องทราย โจมตีใส่อย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่
พอเห็นว่าพวกพ้องของตนมาแล้ว ชายไว้เคราเหินร่างขึ้นไปบนยอดเขาแมงป่องทราย ยืมแรงถีบตัวขึ้นไปทันที ทะยานมุ่งหน้าเข้ามาหาทางนี้อย่างรวดเร็ว
ชายไร้เคราบังคับวิหคให้โฉบเข้าไปหาแล้วรับตัวเขาไว้จากกลางอากาศ
เมื่อชายไว้เคราร่อนลงบนหลังวิหค คนไร้เคราก็ชี้ลงไปด้านล่างแล้วเอ่ยถามทันที “นี่มันอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เจ้าบอดหันหน้ามาเล็กน้อย เงี่ยหูฟัง
ชายไว้เครากัดฟันพลางเอ่ยว่า “เป้าหมายซ่อนตัวอยู่ในนั้น เจ้าหนุ่มนั่นสามารถเรียกแมงป่องทรายมาช่วยเหลือได้ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ ข้าเองก็ทำอะไรเขาไม่ได้เช่นกัน”
“เรียกแมงป่องทรายมาอย่างนั้นหรือ?” ชายไร้เคราแปลกใจ จากนั้นก็มองลงไปด้านล่างอีกครั้ง “มิน่าถึงได้หนีเข้ามาในทะเลทราบ”
ทว่าชายไว้เครากลับทอดสายตามองออกไปไกล มองเห็นวิหคยักษ์ขนหลากสีตัวหนึ่งที่บรรทุกคนสองคนบินเข้ามาทางนี้
…………………………………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า