ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 403

ตอนที่ 403 ควบคุมราชาแมงป่องทราย

ชายไร้เคราก็มองเห็นเช่นกัน ทั้งสองสบตากันเล็กน้อย ไม่ทราบว่าผู้ที่มาเป็นใคร แต่รู้ว่าอีกฝ่ายที่มาไม่ธรรมดาแน่นอน

ลำพังวิหคยักษ์ธรรมดาก็มิใช่สัตว์พาหนะที่คนทั่วไปจะซื้อไหวอยู่แล้ว แต่วิหคยักษ์ที่มีนามว่า ‘เมฆารุ้ง’ ชนิดนี้กลับมีความพิเศษยิ่งกว่า เป็นสายพันธุ์ล้ำค่าหายาก ราคาจะแพงลิ่วขึ้นไปถึงเพียงใดนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลย

เจ้าบอดมองอะไรไม่เห็นทั้งสิ้น จึงดมกลิ่นและพยายามฟังเสียงอยู่

เห็นได้ชัดว่าคนที่โดยสารบนหลังวิหคขนหลากสีก็สังเกตเห็นวิหคยักษ์ที่บินวนเวียนอยู่ทางนี้เช่นกัน จึงบินโฉบเข้ามา เพ่งพิศทั้งสามคนที่อยู่ทางนี้ จากนั้นก็วกอ้อมไปบินวนเป็นวงกลม รักษาระยะห่างกับทางฝั่งนี้เอาไว้

คนไร้เคราหันไปเอ่ยถามเสียงเบา “ผู้ใดกัน ท่านรู้จักหรือไม่?”

คนมีเคราเอ่ยเสียงขรึม “เคยเจอ มหาเสนาบดีหญิงของแคว้นเว่ยคนนั้น”

“ห๊า!” คนไร้เคราตกใจ “เหตุใดนางถึงถ่อจากแคว้นเว่ยมาที่นี่ได้ ซ้ำยังมาเพียงลำพังเช่นนี้ แคว้นเว่ยไม่กลัวจะเกิดเหตุขึ้นกับนางหรือ?”

คนไว้เคราตอบว่า “เจ้าไม่เคยได้ยินข่าวที่ว่านางมีใครคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายหรือ? การที่คนระดับนางมาเยือนสถานที่เช่นนี้ได้ มีความเป็นไปได้สูงว่านางจะมาเยี่ยมหลานหมิงผู้เป็นประมุขหอไร้ขอบเขต!”

คนไร้เครามองไปทางชายที่อยู่ข้างกายสตรีในชุดบุรุษคนนั้นอย่างรวดเร็ว เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งด้วยความตกใจ “ซีเหมินชิงคง ยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งทำเนียบโอสถน่ะหรือ?”

ชายไว้เคราพยักหน้าเล็กน้อย “คนที่อยู่ข้างกายนางผู้นั้นนั่นแหละ เขาสามารถเอาชนะกองทัพนับหมื่นได้ มีเขาเป็นผู้คุ้มกันอยู่ข้างกาย ใต้หล้านี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าแตะต้องนาง จะไปที่ไหนก็ย่อมได้ทั้งนั้น”

คนไร้เคราเอ่ยถาม “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี? พวกเขาจะเข้ามาแทรกแซงพวกเราหรือไม่?”

คนไว้เคราตอบว่า “ด้วยฐานะของพวกเขาน่าจะไม่มีทางเข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นอย่างไร้เหตุผล พวกเรารอดูสถานการณ์ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ”

ชายหญิงที่อยู่บนหลังวิหคขนหลากสีก็กำลังพิจารณาสถานการณ์ทางด้านล่างอยู่เช่นกัน

ฝ่ายสตรีเอ่ยถามด้วยความสงสัย “แมงป่องทรายก่อตัวจนกลายเป็นภูเขา นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”

ฝ่ายชายขมวดคิ้วส่ายหน้า ตอบไปว่า “ไม่เคยพบเห็นหรือได้ยินมาก่อนเช่นกัน ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับ” เขาหันหน้าไป ทอดสายตามองออกไปไกลๆ เห็นราชาแมงป่องทรายร่างใหญ่มหึมามุ่งหน้าเข้ามารางๆ แล้ว

ฝ่ายสตรีเงยหน้ามองไปทางวิหคยักษ์ที่บินอยู่กลางอากาศอีกด้านหนึ่ง ถามออกไป “สามคนนั้นเป็นผู้ใด จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาหรือไม่?”

ฝ่ายชายช้อนสายตากวาดมองเล็กน้อย “ไม่แน่ใจ แต่กลางวันแสกๆ กลับแต่งตัวปกปิดมิดชิด ทั้งยังสวมหน้ากากไว้ เพียงมองดูก็รู้แล้วว่ามิใช่คนดีอันใด น่าจะเป็นคนไม่ดีขอรับ แต่การที่สามารถใช้งานวิหคยักษ์ได้ เช่นนั้นก็น่าจะเป็นคนที่มีอิทธิลเบื้องหลังเช่นกัน”ดฮณ๊ฯดฯฌซ,

ทั้งสามคนโดยสารอยู่บนหลังวิหคยักษ์ตัวเดียวกัน ชายไว้เคราและชายไร้เคราเองก็มองไปยังทิศที่มีพายุทรายปลิวว่อนเช่นกัน ความเคลื่อนไหวที่ใหญ่โตครึกโครมปานนั้น จะไม่ให้สังเกตเห็นเลยก็คงเป็นไปได้ยาก

กระทั่งมองเห็นอะไรบางอย่างชัดเจนขึ้นมาแล้ว ชายไว้เคราและชายไร้เคราก็สบตากันพร้อมอุทานออกมาว่า “ราชาแมงป่องทราย!”

ทั้งสองคนเรียกได้ว่าตกใจขึ้นมาจริงๆ แล้ว หรือว่าแม้แต่ราชาแมงป่องทรายที่ยากจะพบเห็นได้ก็ยังถูกหยวนกังคนนั้นเรียกออกมาด้วย?

“ราชาแมงป่องทรายหรือ? อยู่ไหน? อยู่ไหน?” เจ้าบอดที่เงี่ยหูฟังเสียงอยู่เอ่ยถามด้วยท่าทางตื่นเต้น

คนไร้เคราเอ่ยตอบ “อยู่ทิศตรงข้ามกับเจ้า เยื้องไปทางฝั่งขวา ข้าบอกไปแล้ว เจ้าจะมองเห็นหรือไร?”

เจ้าบอดตอบว่า “หากได้ดมกลิ่นสักหน่อยก็ใช้ได้เช่นกัน”

ทั้งสองสบตากันอีกครั้ง ก็จริง หากทำให้เจ้าบอดได้จดจำกลิ่นเอาไว้ หากวันใดต้องการตามหาราชาแมงป่องทรายขึ้นมา ไม่แน่อาจจะใช้ประโยชน์ได้ก็ได้

“ปัญหาในตอนนี้คือ หากว่าพวกเขาเอาแต่ซ่อนตัวไม่ยอมโผล่มาเช่นนี้ล่ะก็ แมงป่องทรายที่แห่แหนกันมาจากทั่วสารทิศเหล่านี้สร้างเสียงอึกทึกครึกโครมขนาดนี้ ช้าเร็วก็จะต้องมีคนสังเกตเห็นมากกว่านี้แน่ เผลอๆ อาจจะมีคนรู้จักของอีกฝ่ายเข้ามาแทรกแซงก็เป็นได้ หากยังมัวยื้ออยู่แบบนี้ ตัวตนของพวกเราเองก็อาจจะถูกเปิดเผยออกไป”

ชายไว้เคราจ้องมองราชาแมงป่องทรายที่มุ่งหน้าเข้ามาอย่างเร็วรี่ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงตึงเครียด

เจ้าบอดเอียงหัวเงี่ยฟัง ชายไร้เคราก้มหน้าใคร่ครวญตาม เรื่องนี้เป็นปัญหายุ่งยากจริงๆ ไม่มีแก่ใจไปชื่นชมราชาแมงป่องทรายหายากตัวนั้นเลย

…..

ส่วนด้านในของภูเขาแมงป่องทราย หยวนกังตั้งใจฟังเสียงเคลื่อนไหวจากด้านนอก ดูเหมือนว่าเสียงโจมตีจะหยุดไปแล้ว

ทว่าตอนนี้เขากลับไม่กล้าออกจากปราการป้องกันแห่งนี้ไปง่ายๆ ไม่รู้ว่าสถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างไร ผู้ใดจะรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังใช้อุบายล่อให้เขาโผล่ออกไปอยู่หรือเปล่า?

“แค่กๆ…”

ซูจ้าวที่อยู่ในอ้อมแขนไอขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้มีเสียงเปล่งออกมาด้วย เป็นเสียงพึมพำแผ่วเบา “หยวนกัง…”

ภูเขาแมงป่องทรายทับซ้อนรวมตัวกันแน่นขนัด ตอนนี้คนที่อยู่ด้านในมองไม่เห็นแสงสว่างใดๆ แล้ว หยวนกังเองก็ไม่เห็นสภาพของซูจ้าวที่อยู่ในอ้อมแขนเช่นกัน แต่ได้ยินเสียงแล้วจึงก้มหน้าเอ่ยว่า “อดทนอีกหน่อยนะ รอจนแมงป่องทรายมารวมตัวกันมากพอ อาจารย์ของเจ้าหาที่แตะพื้นไม่ได้ เมื่อไม่มีพลังเหลือพอให้ใช้อีกต่อไป เขาจะต้องจากไปแน่นอน แล้วข้าจะรีบพาเจ้าไปรักษาทันที”

ซูจ้าวเอ่ยเรียกขึ้นมาอีกครั้ง “หยวนกัง”

ดูเหมือนว่านางจะต้องการให้เขาฟังนาง

หยวนกังตอบรับทันที “เจ้าพูดมาเถอะ ข้าฟังอยู่”

ซูจ้าวเอ่ยว่า “ซูจ้าว จ้าวคือแสงสว่าง พ้องความหมายกับคำว่า ‘ไป๋’ เป็นการนำชื่อของข้ามาสลับตำแหน่งกัน ไป๋ซูคือนามที่แท้จริงของข้า ข้าชื่อไป๋ซู จำไว้ว่าข้าชื่อไป๋…” เสียงแผ่วเบาลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายเสียงก็ขาดหายไปอย่างสิ้นเชิง

หยวนกังตกใจ ตะโกนเรียกนาง “ซูจ้าว! ไป๋ซู…”

ไม่มีเสียงขานรับ หยวนกังคุกเข่าลงทันที ใช้ขาทั้งสองข้างออกแรงพยุงคนไว้ในอ้อมแขน ยื่นมือออกไปอังลมหายใจของซูจ้าวรวมถึงจับชีพจรที่บริเวณลำคอ ชีพจรเต้นอ่อนแรงอย่างยิ่ง ส่วนซูจ้าวก็สลบไปแล้ว

ในความทรงจำของเขา ซูจ้าวเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง น่าจะมีทนต่อการโจมตีได้มากกว่าเขาถึงจะถูก เขาปะทะกับชายไว้เคราหลายครั้ง แต่ก็ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นจึงคิดว่าอาการบาดเจ็บของซูจ้าวที่ถูกโจมตีเพียงครั้งเดียวน่าจะไม่ร้ายแรงมากเท่าไร

ตอนนี้เขาถึงได้รู้สึกตกใจเมื่อพบว่าอาการบาดเจ็บของซูจ้าวสาหัสกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ อาการบาดเจ็บที่ถึงขั้นทำให้ผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งสลบไปได้ เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้วว่ามันจะสาหัสมากปานใด

มาถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่สนใจแล้วว่าอีกฝ่ายจะใช้แผนล่อลวงให้ออกไปด้านนอกหรือไม่ และไม่สนใจแล้วว่าหากออกไปจะมีอันตรายหรือไม่ การช่วยชีวิตซูจ้าวสำคัญกว่า

เขาอุ้มซูจ้าวลุกขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่กำลังจะแผดเสียงส่งผ่านอารมณ์ไปถึงแมงป่องทรายให้เหล่าแมงป่องทรายสลายป้อมปราการปล่อยเขาออกไป

จู่ๆ ก็มีเสียงครืดๆ ดังต่อเนื่องมาจากด้านนอก เขาได้ยินเสียงแมงป่องทรายจำนวนมหาศาลที่จู่ๆ ก็เคลื่อนไหวขึ้นมา艾琳小說

แสงสว่างหลายสายส่องลอดเข้ามาจากด้านนอก ด้วยแสงเหล่านี้ เขามองเห็นว่ามีก้ามขนาดใหญ่มหึมาสองข้างแทรกผ่านเข้ามาภายในปราการแมงป่อง ก้ามแต่ละข้างล้วนมีขนาดใหญ่เท่าแมงป่องทรายหลายต่อหลายตัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า