ตอนที่ 426 ถุงแพรใบที่สอง
บนถนนหลวง คณะเดินทางของเผิงโย่วไจ้ควบม้าห้อทะยาน หลังจากมาถึงจุดพักม้าแห่งหนึ่ง ทั้งหมดก็แวะเข้าไปพักผ่อนครู่หนึ่ง
ศิษย์สำนักหยกสวรรค์บ้างก็รีบเข้าไปตรวจสอบด้านใน บ้างก็เตรียมการเฝ้าระวังทั้งด้านในและด้านนอก เกิดเสียงเอะอะจากคนและม้าแว่วดังอยู่สักพัก เกิดฝุ่นฟุ้งตลบไปทั่วด้านในจุดพักม้า
เผิงโย่วไจ้ที่ลงจากม้าหันไปมองซางเฉาจงเล็กน้อย
เขาสังเกตเห็นแต่แรกแล้วว่าตลอดทางมานี้ ดูเหมือนซางเฉาจงจะมีเรื่องราวในใจ
เขายิ้มน้อยๆ เดินเข้าไปหา เอ่ยถามออกไป “ท่านอ๋องพะวงถึงแม่ทัพเหมิงกระมัง? ไม่จำเป็นต้องกังวลเลยพ่ะย่ะค่ะ เพียงให้แม่ทัพเหมิงรั้งอยู่ช่วยเฟิ่งหลิงปอชั่วคราวเท่านั้น เอาไว้สถานการณ์ของมณฑลหนานโจวมั่นคงแล้ว แม่ทัพเหมิงย่อมจะกลับมาพ่ะย่ะค่ะ”
ก่อนที่สถานการณ์ของมณฑลหนานโจวจะมั่นคงอย่างสมบูรณ์ และก่อนที่จะกวาดล้างและผนวกรวมกองกำลังของซางเฉาจงได้อย่างสมบูรณ์ เขาไม่อาจบุ่มบ่ามลงมือกับซางเฉาจงได้ เขายังคงพยายามคิดหาทางให้ซางเฉาจงอยู่อย่างสงบ หากสามารถจัดการปัญหาได้โดยไม่เกิดความวุ่นวายใดๆ ขึ้น นั่นย่อมต้องเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
กล่าวจบก็หันหลังเดินออกไป พาเหล่าผู้อาวุโสที่ติดตามมาด้วยเข้าไปพักผ่อนในจุดพักม้า เขาไม่มีความจำเป็นต้องรั้งอยู่เพื่อเอาใจซางเฉาจงเลย พูดจาดีๆ สักสองสามประโยคก็พอแล้ว
แต่เขาไม่ได้รู้เลยว่าเหมิงซานหมิงได้ปกปิดเรื่องที่รั้งอยู่กับทางเฟิ่งหลิงปอเอาไว้ ไม่ได้บอกให้พวกซางเฉาจงทราบ เขานึกว่าพวกซางเฉาจงต่างรู้เรื่องแล้ว มิเช่นนั้นคงไม่เอ่ยออกไปเช่นนี้
พวกซางเฉาจงผงะไปเล็กน้อย ตอบสนองไม่ทันไปชั่วขณะว่ามันความหมายว่าอย่างไร กระทั่งเข้าใจคำพูดของเผิงโย่วไจ้ขึ้นมา สีหน้าของแต่ละคนพลันแปรเปลี่ยนอย่างรุนแรง
พวกเขารู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่าตนมีภัยคุกคามถึงชีวิตอยู่ รู้แต่แรกแล้วว่าสำนักหยกสวรรค์อาจจะต้องการลงมือกับทางนี้ แต่ก็ทำได้เพียงคอยระมัดระวัง ไม่กล้าพูดอะไรออกไป พอรู้ว่าเหมิงซานหมิงถูกแยกตัวออกไป พวกเขาก็เข้าใจได้ทันที อีกฝ่ายต้องการลงมือกับเหมิงซานหมิงแล้ว!
ซางเฉาจงคิดจะเดินตามไปในทันใด อยากจะตามไปสอบถามเผิงโย่วไจ้ให้รู้เรื่อง
หลานรั่วถิงคว้าแขนเขาไว้ทันที ซางเฉาจงหันขวับกลับมา ขบกรามจนแก้มตึง สีหน้าโกรธเกรี้ยว
“ท่านอ๋อง อย่าวู่วามพ่ะย่ะค่ะ!” ดวงตาของหลานรั่วถิงเองก็ฉายแววโศกเศร้าระคนโกรธเคือง แต่กลับพยายามสะกดอารมณ์เอาไว้ ส่ายหน้าให้ซางเฉาจงเล็กน้อย สื่อว่าไม่ควรตามไปซักถาม
ซางซูชิงกัดริมฝีปากแน่น สีหน้าอึมครึม ขอบตาแดงเรื่อขึ้นมา
ไป๋เหยาเดินออกมาจากห้องพักของจุดพักม้า มองเห็นว่าสีหน้าของทั้งสามค่อนข้างผิดปกติ จึงนึกสงสัยเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงเอ่ยไปว่า “ท่านอ๋อง เตรียมห้องพักเรียบร้อยแล้ว พักดื่มน้ำล้างหน้าล้างตาหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ แต่ก็เร็วหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ หยุกพักได้เพียงครู่เดียวเท่านั้น ประเดี๋ยวต้องเร่งเดินทางต่อ”
หลานรั่วถิงกลัวว่าซางเฉาจงจะหุนหันพลันแล่น จึงรีบยิ้มแล้วเอ่ยตอบว่า “ได้!”
ทั้งสามเข้าไปในห้องพักของจุดพักม้า เข้าไปในห้องพักห้องหนึ่งที่จัดเตรียมไว้สำหรับทั้งสาม
หลานรั่วถิงส่งสัญญาณให้องครักษ์ติดตามสองนายเฝ้าประตูไว้ หลังจากนั้นรีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว
พอประตูปิดลง ซางซูชิงก็ควบคุมอารมณ์ของตนไม่อยู่อีกต่อไป น้ำตาอุ่นร้อนไหลเอ่อล้นออกมา นางปิดปากตัวเองไว้ สะอื้นไห้เบาๆ ไม่กล้าให้คนด้านนอกได้ยินเสียงร้องไห้ของตัวเอง
กระทั่งจะร้องไห้ก็ยังไม่กล้าร้องอย่างเต็มที่ อารมณ์และความกดดันในเวลานี้ไม่ใช่สิ่งที่คนนอกจะเข้าใจได้ สถานการณ์ของพวกเขายากลำบากมากจริงๆ
ซางเฉาจงชกหมัดเข้ากับฝ่ามือของตนเสียงดังพลั่ก! ชกฝ่ามือตนเพื่อระบายความเศร้าหมองและความขุ่นข้องภายในใจ
“ท่านอ๋อง ท่านหญิง ยิ่งในเวลาแบบนี้ยิ่งต้องใจเย็นเอาไว้นะพ่ะย่ะค่ะ พวกเราไม่อาจวู่วามได้” หลานรั่วถิงเอ่ยปลอบทั้งสองเบาๆ ไม่กล้าส่งเสียงดัง
ซางซูชิงส่ายหน้าไปมา สีหน้าย่ำแย่ เอ่ยสะอื้นเบาๆ “หลังจบศึกท่านลุงเหมิงเอาแต่จ้ำจี้จ้ำไชตลอด เขาไม่ใช่คนที่ชอบบ่นจู้จี้เลย แต่เมื่อวานกลับเอาแต่จ้ำจี้จ้ำไชเรื่องวิวาห์ของข้า ข้าน่าจะมองออกแต่แรกแล้วถึงจะถูก เป็นความผิดของข้าเอง ล้วนเป็นความผิดของข้าเอง เขายอมสละตัวเองเพื่อพวกเรา…แต่ข้ากลับไม่สังเกตเห็นความผิดปกติของเขาเลย ไม่เคยเฉลียวใจเลยสักนิด ข้าผิดต่อท่านลุงเหมิง”
หลานรั่วถิงเอ่ยปลอบอีกครั้ง “ท่านหญิง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้นะพ่ะย่ะค่ะ”
ซางเฉาจงหายใจฟืดฟาด ทรวงอกสะท้อนขึ้นลง เอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไอ้พวกชาติสุนัข ข้าจะไปคุยกับพวกเขา หากพวกเขากล้าลงมือกับท่านลุงเหมิงก็ลองดู อย่างมากข้าก็แค่ทำให้พวกเขาล่มจมไปด้วยกันเท่านั้น!”
“ท่านอ๋อง!” หลานรั่วถิงรัดแขนข้างหนึ่งของซางเฉาจงเอาไว้ รัดเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย รีบเอ่ยด้วยความร้อนใจว่า “อย่าวู่วามเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ!”ไอรีนโนเวล
“ปล่อย!” ซางเฉาจงกล้ำกลืนความโกรธเอาไว้ไม่ไหว “พวกเขากำลังจะลงมือกับแม่ทัพเหมิงแล้ว ท่านจะทนมองแม่ทัพเหมิงตายไปเฉยๆ อย่างนั้นหรือ?”
แต่หลานรั่วถิงกลับไม่ยอมปล่อยมือ พยายามเอ่ยเว้าวอนด้วยความหวังดี “ท่านอ๋อง กระหม่อมไหนเลยจะไม่ทราบว่าชีวิตแม่ทัพเหมิงตกอยู่ในอันตราย แต่ท่านอ๋องลองตรองดูสิพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดท่านแม่ทัพเหมิงต้องปิดปังพวกเราเช่นนี้? ก็เพราะเขากลัวท่านอ๋องจะวู่วามอย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ! อีกฝ่ายแยกตัวแม่ทัพเหมิงออกไปเพื่อลงมือ ก็แปลว่าอีกฝ่ายยังไม่คิดจะลงมือกับท่านอ๋อง เพียงจะตัดปีกที่คอยช่วยพยุงท่านอ๋องทิ้งเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าแม่ทัพเหมิงทราบเรื่องนี้ดี แม่ทัพเหมิงจงใจปิดบังพวกเรา ก็เพราะต้องการสละชีวิตตนเพื่อปกป้องท่านอ๋องนะพ่ะย่ะค่ะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า