ตอนที่ 439 ไม่เหลือทางถอยแล้ว
ในห้องโถงมีพื้นที่จำกัด กลุ่มทหารถูกบีบคั้นไร้ทางเลือก ได้แต่ต้องถืออาวุธรุดหน้าไปอย่างอกสั่นขวัญแขวน แม้จะเห็นว่าเบื้องหน้ามีคนล้มลงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังต้องเดินย่ำข้ามศพไป
ทหารระดับล่างไหนเลยจะเข้าใจว่าสถานการณ์ยามนี้เป็นอย่างไร พวกเขาไม่รู้เรื่องเลยสักนิด รู้เพียงว่าหากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งจะต้องตายอย่างน่าอนาถยิ่งกว่า จึงเริ่มร้องตะโกนปลุกขวัญแล้วเดินหน้าไป
พวกซางเฉาจงพลันตื่นตัวขึ้นมาสุดขีด กวัดแกว่งอาวุธพยายามป้องกันอย่างสุดชีวิต ถูกบีบต้อนให้หดเข้ามุมไปเรื่อยๆ แทบจะไม่เหลือที่ให้ขยับแล้ว
โครม! ร่างมนุษย์หลายร่างถูกกระแทกลอยเข้ามาจากด้านนอก ชนกลุ่มทหารในห้องล้มระเนระนาด
ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนแว่วระงม หยวนกังถือดาบพุ่งเข้ามา เลือดเปรอะทั่วร่าง ฝ่าออกมาจากลุ่มทหารทางด้านนอก ตัวเขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าตนเองสังหารคนไปมากน้อยเท่าไรแล้ว สรุปคือพบใครก็สังหารทิ้ง ทุกคนที่ขวางทางต่างสิ้นชีพด้วยคมดาบของเขา
มีลูกศรสิบกว่าดอกปักอยู่ด้านหลัง ด้านหน้าก็โดนลูกศรยิงใส่เช่นกัน แต่หลุดร่วงออกไปหมดแล้ว ตามเนื้อตัวก็มีบาดแผลกรีดฟันจากคมดาบคมทวน
ปราณเสริมแกร่งของเขา ตอนนี้ยังต้านรับได้เพียงการต่อยตีเท่านั้น แรกเริ่มตอนที่เห็นว่ามีพลธนูจำนวนมากเขาก็กังวลเช่นกัน ดังนั้นถึงได้ลากบานประตูมาเป็นโล่กำบัง ตอนหลังพอโดนธนูยิงใส่ถึงได้สังเกตเห็นว่าถึงแม้ร่างกายจะต้านทานการโจมตีจากอาวุธมีคมไม่ได้ แต่หลังจากอาวุธมีคมปะทะเข้ากับผิวกายของเขาแล้ว แรงโจมตีกลับลดลงไปมาก กล้ามเนื้อใต้ชั้นผิวสามารถหยุดการเจาะลึกเข้าไปของลูกธนูได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงบุกเข้ามาอย่างไร้กังวลใดๆ
การที่ถูกธนูยิงใส่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เช่นกัน คนคนเดียวเผชิญหน้ากับคนมากมายขนาดนี้ ซ้ำยังมีพลธนูมากมายถึงเพียงนี้อีก ไม่มีทางป้องกันได้ทั้งหมดอยู่แล้ว
เขาฝ่าเข้าสู่ห้องโถงอย่างดุเดือดทรงพลัง ตวัดดาบปลิดชีพคนไปอีกหลายคนราวกับเทพสังหาร พอเห็นซางเฉาจงที่ตกอยู่ในสภาวะวิกฤตถูกต้อนเข้ามุม หยวนกังไหนเลยจะกล้าชักช้าอีก เขากวัดแกว่งดาบสามคำรามทะลวงฝ่าเข้าไป ฟาดฟันโจมตีจนโลหิตไหลนองไปตามทาง เสียงร้องโหยหวนดังระงมไม่หยุด
เขาทรงพลังอย่างล้นเหลือ ไม่มีผู้ใดขวางไว้ได้ ยามที่ดาบทวนของฝ่ายผู้โจมตีปะทะกับดาบของเขา อาวุธเหล่านั้นล้วนกระเด็นกระดอนออกไป
ถึงแม้เขาจะมีโลหิตชโลมทั่วร่าง แต่ด้วยโครงร่างของเขาทำให้สะดุดตาได้ง่าย พวกซางเฉาจงกวาดตามองเห็นก็ดีใจขึ้นมา เป็นหยวนกัง คนของหนิวโหย่วเต้ามาถึงแล้วจริงๆ ทางนี้ที่กำลังสู้สุดชีวิตเพื่อป้องกันพลันมีขวัญกำลังใจเพิ่มขึ้นมหาศาล
จู่ๆ ก็มีคนฝ่าวงล้อมเข้ามา พี่น้องตระกูลเฟิ่งไหนเลยจะยอมปล่อยให้หยวนกังสลายวงล้อมได้สำเร็จ เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว ตระกูลเฟิ่งไม่เหลือหนทางให้ถอยแล้ว พวกเขาไม่อาจแพ้ได้
เฟิ่งรั่วเจี๋ยพลันกระโจนออกไป ถีบเสาต้นหนึ่ง กระโจนฝ่าอากาศออกไปคนเดียว ข้ามหัวกลุ่มทหารด้านล่างไป ตวัดทวนแทงลงที่ศีรษะของหยวนกังอย่างโกรธเกรี้ยวดุดัน
ระหว่างที่โจมตีใส่ หยวนกังที่กำลังตวัดดาบฟาดฟันพลันหันกลับมายื่นมือคว้าคันทวนที่พุ่งลงมาจากด้านบนเอาไว้ จากนั้นกระชากคันทวนลงมาด้านล่าง แล้วก็กระทุ้งกลับขึ้นไปด้านบนอีกครั้ง
ผัวะ! ปลายทวนกระแทกใส่หน้าท้องของเฟิ่งรั่วเจี๋ย ดวงตาเขาเบิกถลนราวกับโดนทุบด้วยค้อนพันชั่ง พ่นโลหิตกระฉูดออกมากลางอากาศไอรีนโนเวล
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าพละกำลังของหยวนกังจะมากมายมหาศาลขนาดนี้ หากมิใช่เพราะสวมชุดเกราะป้องกันเอาไว้ เกรงว่าอาจจะถูกปลายทวนแทงทะลุก็เป็นได้
ทวนหลุดจากมือ ร่างคนลอยละลิ่วขึ้นไปบนหลังคา กระแทกเข้ากับคานแล้วร่วงลงมา กระแทกคนที่อยู่ด้านล่างจนล้มระเนระนาด
“เจ้ารอง!” เฟิ่งรั่วอี้ร้องด้วยความตกใจ ย่อตัวกระโดดขึ้นไปเหยียบไหล่ทหารด้านล่างถือทวนมุ่งเข้ามา
หยวนกังที่ยึดทวนมาได้เหวี่ยงทวนหมุนเป็นวง เกิดเสียงดังพลั่กๆ ทหารที่ปิดล้อมโจมตีโดนกวาดจนลอยละลิ่วเป็นแถบ คนที่ถูกทวนฟาดใส่ หากไม่กระอักเลือดก็กระดูกแตกหัก
เมื่อก้าวมาถึงเฟิ่งรั่วเจี๋ยที่กระอักเลือดลุกยืนโงนเงนขึ้นมา หยวนกังพลันตวัดดาบในมือ
“อ๊าก!” เฟิ่งรั่วเจี๋ยที่หันหลังหมายจะหลบหนีส่งเสียงกรีดร้องเสียงโหยหวน ทรุดฮวบลงบนพื้นอีกครั้ง ตัวขาดเป็นสองท่อน ถูกผ่าสะพายแล่งลงมาจากหัวไหล่จนขาดเป็นสองท่อน เกราะถูกตัดขาดในดาบเดียว
“ตายซะ!” เฟิ่งรั่วอี้ที่ดวงตาเบิกกว้างตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว
หยวนกังเหวี่ยงทวนในมือฟาดไปด้านหลัง
พลั่ก! ทวนสองเล่มปะทะกัน ทวนที่เฟิ่งรั่วอี้ใช้โจมตีกระเด็นหลุดออกจากมือกไป ง่ามมือทั้งสองข้างฉีกกว้างเพราะแรงฉีกกระชากอันมหาศาล โลหิตทะลักออกมาจากง่ามมือ ตัวคนก็ถูกทวนของตัวเองฟาดใส่เล็กน้อย กระเด็นตกลงไปในกลุ่มทหาร
หยวนกังไม่ได้แยแสอะไรมากนัก ด้วยต้องรีบสลายวงล้อมช่วยพวกซางเฉาจง
พื้นที่ในห้องโถงมีจำกัด อีกทั้งมีคนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ไม่สามารถนำธนูมาใช้งานได้ง่ายๆ ทำให้หยวนกังไม่มีความกังวลใดๆ อีก มือหนึ่งตวัดดาบฟาดฟัน อีกมือหนึ่งเหวี่ยงทวนกวาดออกไปอย่างบ้าคลั่ง มีคนล้มตายร้องโหยหวนตลอดทางที่เขาย่างผ่าน ไม่นานนักก็สลายวงล้อมทหารที่ปิดล้อมพวกซางเฉาจงจนหมด
ประเด็นสำคัญคือสำหรับทหารเหล่านี้แล้ว หยวนกังช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน ทันทีที่เข้าปะทะเพียงเล็กน้อย ถ้าไม่ตายก็ต้องพิการ มีลูกศรปักร่างมากมายปานนี้ แต่ก็ยังปกติเหมือนไม่เป็นอะไร แม้แต่เฟิ่งรั่วเจี๋ยก็ถูกเขาสังหารไปแล้ว
ทหารที่ปิดล้อมขวัญผวา ต่างถอยห่างด้วยความหวาดกลัว
ภายในห้องเต็มไปด้วยซากศพ โลหิตเจิ่งนองไปทั่ว ในที่สุดหยวนกังก็เดินข้ามซากศพเกลื่อนพื้นมาพบหน้าพวกซางเฉาจงได้สำเร็จ
พวกซางเฉาจงต่างหอบหายใจกันถ้วนหน้า ซางซูชิงรีบเอ่ยถาม “เต้าเหยี่ยล่ะ?”
หยวนกังไม่ตอบ พอเห็นว่าพวกเขาปลอดภัยก็หันกลับไปเหวี่ยงดาบฟาดฟันอีกครั้ง
คนในห้องโถงไม่มีผู้ใดกล้าสู้กับเขาอีก ยิงธนูใส่ก็ไม่ล้ม ทวนแทงก็ไม่ร่วง ดาบฟันก็ไม่ตาย แบบนี้ไม่สามารถสู้ต่อไปได้ น่ากลัวกว่าผู้บำเพ็ญเพียรเสียอีก
ในแง่หนึ่งแล้ว มันก็เป็นอย่างที่พวกเขาคิดจริงๆ ผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปแม้จะมีพลังปราณ แต่ไม่มีร่างกายที่แกร่งกล้าถึงเพียงนี้แน่นอน ผู้บำเพ็ญเพียรเพียงแค่ได้รับบาดเจ็บได้ยากเท่านั้น แต่หากได้รับบาดเจ็บในสภาพเดียวกับหยวนกังเช่นนี้ ไม่ว่าผู้บำเพ็ญเพียรคนใดก็ทนรับไม่ไหวทั้งนั้น เกรงว่าคงถูกฟันเละเป็นเนื้อสับไปนานแล้ว
ประกอบกับหยวนกังมีพละกำลังล้นเหลือ ราวกับมีพลังให้ใช้ได้ไม่สิ้นสุด
พอเห็นเขามุ่งเข้ามาโจมตีอีกครั้ง เหล่าทหารก็หนีกระเจิงออกจากห้องโถงด้วยความหวาดผวา
หนงฉางกว่างเองก็ลากเฟิ่งรั่วอี้ที่กำลังร้องโวยวายอยู่ออกไปเช่นกัน ล่าถอยไปตั้งหลักก่อนดฮณ๊ฯดฯฌซ,
แต่ก่อนหยวนกังไม่เคยรู้เลยว่าตนจะมีความสามารถด้านการต่อสู้ขนาดนี้ อีกทั้งเพิ่งเคยต่อสู้กับทหารมากมายขนาดนี้เป็นครั้งแรก
ภายในห้องโถงว่างโล่งแล้ว ปลอดภัยชั่วคราว หยวนกังเองก็บรรลุเป้าหมายแล้วเช่นกัน ไม่ได้ออกไปตามล่าต่อ หากแต่พุ่งตัวกลับมาที่มุมห้อง ยืนอยู่บนกองซากศพที่ทับสุมกันพลางเอ่ยถาม “ท่านอ๋อง พวกพระองค์ไม่เป็นไรใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
ตอนนี้พวกเขาไม่เป็นไรแล้ว พอมองดูหยวนกังก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายต่างหากที่กำลังเป็นอยู่ บนร่างมีบาดแผลมากมายถึงเพียงนี้ ซ้ำด้านหลังยังมีลูกศรปักอยู่มากมายขนาดนั้นอีก เห็นแล้วชวนให้อกสั่นขวัญแขวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า