ตอนที่ 446 เจ้าตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า
ตอนนี้ของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 446 เจ้าตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 446 เจ้าตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว
หยวนกังเอ่ยว่า “คุณไม่กลัวว่าวังสวรรค์หมื่นวิมานจะเอาเซียวเทียนเจิ้นมาข่มขู่คุณกลับบ้างหรือ?”
“วังสวรรค์หมื่นวิมานใหญ่โตแบบนั้น นายคิดว่าพวกเขาจะยอมเสี่ยงเอาชีวิตและสินทรัพย์มาแลกกับฉันหรือ?” หนิวโหย่วเต้าปรายตามองเขา เกรงว่าที่คนคนนี้พูดจาไร้สาระเหล่านี้คงเป็นเพราะในใจรู้สึกทนไม่ไหว
ซึ่งมันก็ใช่จริงๆ หยวนกังกล่าวว่า “เต้าเหยี่ย คุณลองคิดหาทางหน่อยไม่ได้เหรอ? อีกอย่างหากเด็กคนนี้อยู่ในมือคุณ ก็เท่ากับจุดอ่อนของวังสวรรค์หมื่นวิมานก็จะอยู่ในมือคุณด้วย ”
หนิวโหย่วเต้าถามกลับ “เจ้าลิง นายเองก็เป็นคนที่คลุกคลีอยู่ในเส้นทางนี้มานาน ในใจนายน่าจะรู้ซึ้งถึงหลักเหตุผลดี ความแข็งแกร่งแตกต่างห่างชั้น ไม่มีสิทธิ์ผิดคำพูด ทันทีที่ผิดคำพูด วังสวรรค์หมื่นวิมานจะไม่มีทางยอมเชื่อฉันอีกต่อไป ตอนนี้แม้แต่จะเผชิญหน้ากับสำนักหยกสวรรค์ฉันก็ยังไม่กล้าเผยตัวง่ายๆ ขืนไปยั่วโมโหวังสวรรค์หมื่นวิมานเข้าอีก สถานการณ์ในอนาคตจะเป็นอย่างไร เพียงคิดดูก็รู้แล้ว”
พอพูดมาถึงตรงนี้ก็อดถอนหายใจไม่ได้ “เจ้าลิง เจ้าเด็กตัวแสบคนนั้นก็ไม่ใช่เด็กดีอะไรเหมือนกัน ไม่ช้าก็เร็วจะเขาจะแตกหักกับแม่ของเขาแน่นอน ไห่หรูเยวี่ยเองก็ไม่ยอมปล่อยวางอำนาจ ช้าเร็วสองแม่ลูกจะเข่นฆ่ากันเอง ฉันช่วยพวกเขาไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ช่วยพวกเขาไม่ได้ นายก็น่าจะรู้ดีว่าถ้าจินโจววุ่นวาย มันจะไม่เป็นผลดีต่อหนานโจวเช่นกัน!”
….
ณ มหานครจินโจว ผู้บำเพ็ญเพียรหลายสิบคนคุ้มกันรถม้าคันหนึ่งเข้าเมืองมา
พอเคลื่อนตัวมาถึงนอกประตูใหญ่ของจวนผู้ว่าการมณฑลก็หยุดลง ม่านรถแหวกเปิด เซียวเทียนเจิ้นมุดออกมา
พอไห่หรูเยวี่ยที่รออยู่หน้าประตูมองเห็นก็ร้องเรียกด้วยน้ำเสียงที่ทั้งเศร้าหมองและดีใจปนเปกัน “เจิ้นเอ๋อร์!”
หลีอู๋ฮวาที่อยู่ด้านข้างเฝ้ามองอย่างเงียบๆ มองไห่หรูเยวี่ยยกชายกระโปรงวิ่งลงบันไดไป ไม่ได้ทำการขัดขวางใดๆ
ก่อนหน้านี้ทางนี้ได้กักบริเวณไห่หรูเยวี่ยไว้ ไม่อนุญาตให้ไห่หรูเยวี่ยย่างเท้าผ่านประตูใหญ่ออกไปแม้แต่ก้าวเดียว
พ่อบ้านจูซุ่นพลันหลั่งน้ำตา ส่ายหน้าด้วยสีหน้าขมขื่น
“ท่านแม่!” เซียวเทียนเจิ้นที่ลงจากรถม้าประสานมือคำนับอย่างนอบน้อม
ไห่หรูเยวี่ยเข้าไปกอดบุตรชายโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น ดูคล้ายจะยินดีปรีดาอย่างยิ่ง แต่ความจริงกลับแอบกระซิบริมหูบุตรชายว่า “เจ้าไม่ควรกลับมาเลย เจ้าไม่ควรกลับมาเลยจริงๆ”
เซียวเทียนเจิ้นไม่ทราบความนัยที่แฝงอยู่ในวาจานี้ เนื่องจากเขาไม่ทราบความจริงเรื่องการรักษาตน เขาเงยหน้ามองไห่หรูเยวี่ย ดวงตาฉายแววโกรธแค้น ก่อนจะเลือนหายไปในชั่วพริบตา
พอสงบอารมณ์ลงได้ ไห่หรูเยวี่ยจูงมือบุตรชายเดินขึ้นบันได
ในเวลานี้เอง มีเสียงของบางสิ่งพุ่งแหวกอากาศเข้ามา พุ่งตรงไปยังหลีอู๋ฮวาที่ยืนอยู่บนบันได
หลีอู๋ฮวาผลักฝ่ามือออกไป สิ่งที่พุ่งเข้ามาพลันลอยค้างอยู่ใต้ชายคา เมื่อเพ่งมองชัดๆ ก็พบว่าเป็นป้ายคำสั่งอันหนึ่ง
พอมองเห็นป้ายคำสั่งนี้ชัดๆ สีหน้าของหลีอู๋ฮวาพลันแปรเปลี่ยนไปทันที ยื่นมือออกไปคว้าป้ายคำสั่งเอาไว้จากนั้นซ่อนเอาไว้ในแขนเสื้อ สายตาหันมองไปยังทิศทางที่ของสิ่งนี้พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว เป็นชายคาจากอีกฟากของถนน
ทุกคนที่อยู่ทางนี้หันกลับไปมอง พวกไห่หรูเยวี่ยแม่ลูกก็หยุดยืนอยู่บนขั้นบันไดพลางหันกลับไปมองเช่นกัน艾琳小說
มีคนสองคนยืนอยู่บนหลังคา
คนหนึ่งเป็นชายชราในชุดปุปะซอมซ่อ ไม่ได้เกล้ารวบผม เส้นผมขาวหงอกแผ่สยายอยู่ด้านหลัง ใช้ผ้าแพรเส้นหนึ่งมัดไว้อย่างลวกๆ ตรงท้ายทอย
ยังมีชายหนุ่มหน้าตาคมคายอีกคนที่มัดผมทรงเดียวกัน อาภรณ์ขาวพิสุทธิ์ดั่งหิมะ ผิวกายขาวผ่อง สีหน้าสงบเยือกเย็น งามสง่าทรงภูมิ เขาสะพายเข่งไม้ไผ่ใบหนึ่งไว้
ทั้งสองโฉบลงมาจากหลังคา ร่อนลงไม่ไกลออกไป จากนั้นเดินเข้ามาอย่างไม่เร่งร้อน
ผู้คุ้มกันของฝั่งนี้เดินเข้ามาตั้งแถวขวางในทันที เอ่ยถามไป “เป็นผู้ใด?”
ทั้งสองหยุดฝีเท้า ใบหน้าของชายชราแข็งทื่อ เห็นได้ชัดว่าสวมหน้ากากเอาไว้ เขาเมินเฉยต่อผู้คุ้มกันที่อยู่ตรงหน้า สายตามองไปยังหลีอู๋ฮวาที่อยู่บนขั้นบันได เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าจะขวางข้าหรือ?”
หลีอู๋ฮวากลืนน้ำลายเล็กน้อย สุดท้ายก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นมา ส่งสัญญาณให้คนที่ขวางอยู่
คนที่ขวางอยู่แยกหลบออกเป็นสองฝั่ง เปิดทางให้เขา
หนึ่งชายเฒ่าหนึ่งชายหนุ่มเดินเคียงกันเข้ามา ยามที่เดินมาถึงด้านล่างบันได ชายหนุ่มหยุดลง ชายชราก้าวขึ้นบันไดต่อไป เดินขึ้นไปหาพวกไห่หรูเยวี่ยสองแม่ลูก
สถานการณ์อันแปลกประหลาดนี้ทำให้สองแม่ลูกค่อนข้างประหม่า ล้วนมองออกชัดเจนว่าแม้แต่หลีอู๋ฮวาก็ยังกริ่งเกรงคนผู้นี้ จึงรีบเดินไปหลบอยู่ใต้ชายคาบนบันได ไห่หรูเยวี่ยเอ่ยถามหลีอู๋ฮวา “เป็นผู้ใด?”
หลีอู๋ฮวาไม่ได้ตอบอะไร จ้องมองชายชราที่เดินขึ้นบันไดมา
ชายชรายังคงเดินมุ่งเข้าไปหาสองแม่ลูกที่อยู่ใต้ชายคา
ท้ายที่สุด หลีอู๋ฮวาก็จำเป็นต้องเข้ามาขวางด้านหน้า บังคั่นอยู่ระหว่าชายชราและสองแม่ลูก ประสานมือเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าท่านมีกิจธุระอันใดหรือ?”
ชายชราเอ่ยถามเสียงทุ้มอีกครั้ง “เจ้าจะขวางข้าหรือ?”
หลีอู๋ฮวาตอบว่า “ที่นี่เองก็มิใช่สถานที่ที่ใครนึกจะเข้าก็เข้าไปได้ ไม่ทราบว่าท่านคือผู้ใดกันแน่?”
ชายชราเอ่ยว่า “ข้าเป็นผู้ใดไม่สำคัญ เจ้าจดจำป้ายคำสั่งชิ้นนั้นได้ก็พอแล้ว ดูเหมือนเจ้าจะเป็นผู้อาวุโสอันใดนั่นของวังสวรรค์หมื่นวิมาน คงไม่มีทางจดจำไม่ได้แม้แต่ป้ายคำสั่งประมุขของชิงหยวนจื่อกระมัง?”
ศิษย์คนอื่นๆ ของวังสวรรค์หมื่นวิมานที่อยู่ด้านข้างประหลาดใจ ชิงหยวนจื่อคือประมุขรุ่นก่อนของวังสวรรค์หมื่นวิมานที่สิ้นบุญไปแล้ว ป้ายคำสั่งประมุขมิใช่ว่าควรอยู่ในมือท่านประมุขคนปัจจุบันหรอกหรือ? คำพูดนี้ของตาเฒ่าคนนี้หมายความว่าอย่างไร?
ศิษย์วังสวรรค์หมื่นวิมานที่อยู่สองฝั่งซ้ายขวาฟังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก
หลีอู๋ฮวามองไปรอบๆ เห็นปฏิกิริยาของเหล่าศิษย์ร่วมสำนัก พวกเขาไม่ทราบเรื่อง แต่เขากลับทราบดี ป้ายคำสั่งของประมุขคนปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในภายหลัง ส่วนป้ายคำสั่งอันเดิมถูกมอบให้คนอื่นไปด้วยความลับบางอย่าง พูดให้ถูกคือถูกผู้อื่นขอไป
เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวข้องถึงเกียรติของวังสวรรค์หมื่นวิมาน นอกจากผู้อาวุโสระดับสูงของวังสวรรค์หมื่นวิมานแล้ว ทางวังสวรรค์หมื่นวิมานจึงไม่มีทางปล่อยให้คนอื่นทราบเรื่องนี้
หลีอู๋ฮวากล่าวว่า “ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดอะไร”
ชายชราเอ่ยว่า “เจ้าจะบอกว่าวังสวรรค์หมื่นวิมานพูดไม่เป็นคำพูด คิดจะกลับคำอย่างนั้นรึ?”
หลีอู๋ฮวารีบกล่าวว่า “วังสวรรค์หมื่นวิมานเป็นสำนักมีคุณธรรม พูดคำไหนย่อมเป็นคำนั้น เพียงแต่อย่างน้อยข้าก็ต้องยืนยันตัวตนและจุดประสงค์การมาของท่านด้วย ท่านว่าใช่หรือไม่เล่า?”
ชายชราชี้นิ้วไปที่เซียวเทียนเจิ้น “เขาคือเซียวเทียนเจิ้น ผู้ว่าการมณฑลจินโจวใช่หรือไม่?”
ไห่หรูเยวี่ยเข้าไปอ้อนวอนทันที “ท่านหมอ ข้ามีลูกชายอยู่เพียงคนเดียว ขอร้องท่านปล่อยตัวลูกชายของข้าเถิด ท่านสามารถยื่นเงื่อนไขอื่นมาได้เต็มที่ ขอเพียงเป็นสิ่งที่ข้าทำได้ ข้าจะช่วยทำให้ท่านสมปรารถนาแน่นอน!”
“ลูกชายเจ้าอย่างนั้นหรือ?” ชายชราหันไปมอง สายตาจ้องมองไปที่ใบหน้านาง พินิจพิเคราะห์ดูเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “ในท้องเจ้าก็มีลูกชายอยู่อีกคนนี่”
วาจานี้ทำเอาทุกคนฟังแล้วประหลาดใจ ทว่าไห่หรูเยวี่ยกลับตกใจขึ้นมา รีบเอ่ยว่า “ท่านหมอล้อกันเล่นแล้ว ลูกชายข้าคือผู้ว่าการมณฑลจินโจว ไม่อาจไปกับผู้ใดได้ง่ายๆ ท่านหมอโปรดยื่นข้อเสนอมาเถิด”
ชายชราเอ่ยว่า “สายตาของข้ายังคงมีแววอยู่ เจ้าตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว เป็นลูกชาย ครรภ์ปกติสมบูรณ์ หากให้คลอดออกมาก็มีคนรับตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลอะไรนั่นแทนแล้ว หากคลอดมาแล้วไม่ใช่ลูกชาย ข้าจะนำลูกชายคนนี้มาคืนให้เจ้าเอง”
พอเอ่ยวาจานี้ออกมา ไห่หรูเยวี่ยมีสีหน้าลนลาน
คนที่อยู่รอบข้างสบตากัน หลีอู๋ฮวาก็มองไห่หรูเยวี่ยด้วยสีหน้าตกใจ สีหน้าสับสนไม่แน่ใจ
“ท่านแม่!” เซียวเทียนเจิ้นเอ่ยด้วยความตระหนก
ชายชราลากตัวเขาออกไป ไม่มีผู้ใดขัดขวาง
ทุกคนมองท่าทีของหลีอู๋ฮวา หลีอู๋ฮวากลับมองไปที่ไห่หรูเยวี่ย ไห่หรูเยวี่ยคิดจะพุ่งตามบุตรชายไป ทว่าถูกหลีอู๋ฮวากดไหล่เอาไว้ หลีอู๋ฮวาคว้าข้อมือนางแล้วจับชีพจร
หลังจากจับชีพจรอยู่ครู่หนึ่งก็พบว่าเป็นอย่างที่ชายชราว่าไว้ ไห่หรูเยวี่ยตั้งครรภ์อยู่จริงๆ สีหน้าหลีอู๋ฮวามืดมนลง
“นายน้อย!” จูซุ่นพุ่งตัวลงบันได หมายจะชิงตัวคนคืน
ชายชราที่ลากตัวเซียวเทียนเจิ้นสะบัดแขนเสื้อไปด้านหลัง เกิดเสียงดังผัวะ จูซุ่นกระเด็นออกไป
หลีอู๋ฮวาหันกลับไปมอง ชายชราคนนั้นเพียงมองแวบเดียวก็ทราบแล้วว่าไห่หรูเยวี่ยตั้งครรภ์ ทำให้มั่นใจในตัวตนของอีกฝ่ายยิ่งกว่าเดิม เขาจึงไม่กล้าขัดขวางเช่นกัน
“รถม้า!” ชายชราที่เดินลงบันไดมาเอ่ยประโยคหนึ่ง
ชายหนุ่มที่เฝ้ารออยู่ด้านล่างบันไดอย่างสงบหันหลังเดินไปทางรถม้าที่อยู่ข้างประตูทันที ขอให้สารถีที่ตัวสั่นงันงกหลบออกไปด้วยท่าทีสุภาพอ่อนน้อม ก่อนจะเข้ากุมบังเหียนไว้
เซียวเทียนเจิ้นที่ส่งเสียงอะไรไม่ได้ถูกโยนเข้าไปในรถม้า ชายชรามุดตามเข้าไปในรถเช่นกัน ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนคานรถสะบัดแส้ บังคับรถม้าของจวนผู้ว่าการมณฑลจากไป…..
รถม้าเคลื่อนตัวไปตามท้องถนน คนที่สัญจรไปมาแยกตัวออกเป็นสองฝั่ง ชายหนุ่มสองคนที่ควบขี่อาชาสูงใหญ่อยู่ด้านหน้าก็หลบทางไปด้านข้างเช่นกัน
หลังจากชายหนุ่มบนหลังม้าคนหนึ่งมองเห็นชายหนุ่มที่อยู่บนรถม้า เขาคล้ายจะค่อนข้างแปลกใจ โบกมือพลางเอ่ยเรียก “ถานซยง!”
เด็กหนุ่มที่บังคับรถม้าอยู่ไม่หือไม่อือ ผ่านข้างกายพวกเขาไปเช่นนี้
ชายหนุ่มบนม้าอีกตัวเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “เฉิงซยง เจ้ารู้จักคนผู้นี้ด้วยหรือ? เจ้ามีสหายในมณฑลจินโจวด้วยหรือ?”
ชายหนุ่มคนแรกเหลียวหน้าไปมองดูรถม้าจากไป ยกมือขึ้นเกาหัวเล็กน้อย หันกลับมาหัวเราะคล้ายรู้สึกขบขันตัวเอง “คนที่บังคับรถม้าเมื่อครู่คล้ายสหายเก่าคนหนึ่งของข้าที่อยู่ในเป่ยโจวอย่างยิ่ง แต่ข้าน่าจะมองผิดไป สหายเก่าคนนั้นของข้าเป็นเพียงนักปราชญ์เคร่งตำราคนหนึ่ง ไม่ได้มีสง่าราศีเช่นคนเมื่อครู่ ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ!”
……………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า