ตอนที่ 457 พบอวิ๋นจีครั้งแรก
แต่อิจฉาก็สวนอิจฉา นางยังคงรู้สึกชิงชังหยวนกังอยู่ ท่าทีที่หยวนกังมีต่อนางทำให้นางจำเป็นต้องยอมรับความจริงที่ว่าตนไม่อ่อนเยาว์อีกต่อไปแล้ว เรื่องนี้ทำให้นางที่เป็นโฉมงามมาชั่วชีวิตรู้สึกรับไม่ค่อยได้
สายตาที่มองสอดส่องไปทั่วของก่วนฟางอี๋พลันหยุดนิ่ง จากนั้นไม่นาน พวกหนิวโหย่วเต้าก็มองไปในทิศทางเดียวกัน
พวกเขามองเห็นถังอี๋พาศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์จำนวนสิบคนเหินเข้ามา ร่อนลงด้านข้างพวกหนิวโหย่วเต้า ถังอี๋ผงกหัวทักทายหนิวโหย่วเต้าเล็กน้อย หลัวหยวนกงและซูพั่วก็พากันผงกหัวทักทายหนิวโหย่วเต้าด้วยเช่นกัน
ยังมีคนรู้จักของหนิวโหย่วเต้าอีกสองคน เป็นเว่ยตัวกับถูฮั่นขาเป๋ตาเดียว
หนิวโหย่วเต้าสบตากับถูฮั่นตรงๆ อย่างจริงใจ สำหรับหนิวโหย่วเต้าแล้ว ในช่วงที่ถูกกักบริเวณในสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ คนเดียวที่เขารู้สึกดีด้วยมีเพียงถูฮั่นที่คอยดูแลใส่ใจเขาคนนี้ กระทั่งในตอนที่เขาออกจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไปก็ยังแอบมาแจ้งข่าวต่อเขา
นับตั้งแต่ออกจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ จากกันมานานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้ง
แม้จะไม่ได้พูดจา แต่แววตาหนิวโหย่วเต้าเจือรอยยิ้ม สายตาเคลื่อนไปหยุดที่เว่ยตัวเล็กน้อย จากนั้นมองผ่านไปอย่างรวดเร็ว
คนที่หนิวโหย่วเต้าทนรับไม่ไหวที่สุดก็คือเว่ยตัว ทุกครั้งที่คนผู้นี้พบหน้าเขา อีกฝ่ายล้วนแต่มีท่าทางคาดหวังและ ‘คลั่งไคล้’ อยู่เสมอ
แต่หนิวโหย่วเต้าก็สังเกตเห็นเล็กน้อยเช่นกัน ยังคงไม่เห็นถังซู่ซู่อยู่ในกลุ่มเช่นเคย สตรีนางนั้นดื้อด้านเพียงใด เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว
ส่วนพวกถังอี๋เองก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับหนิวโหย่วเต้าเช่นกัน เพียงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ ท่าทางคล้ายจะเข้าไปในแดนความฝันผีเสื้อเช่นกัน
อันที่จริงการเข้าสู่แดนความฝันผีเสื้อไม่ใช่เป้าหมายที่พวกเขามาในครั้งนี้ หากแต่คอยจับตามองหนิวโหย่วเต้าอย่างเปิดเผยมาโดยตลอด พอทราบว่าหนิวโหย่วเต้ามาที่นี่ ก็เดาได้ว่าคงต้องการเข้าสู่แดนความฝันผีเสื้อ ด้วยเหตุนี้ทั้งกลุ่มถึงตามมา
แต่พวกเขากลับไม่ได้รู้เลยว่าพฤติกรรมของพวกเขาทำให้หนิวโหย่วเต้าค่อนข้างโมโห
หนิวโหย่วเต้าตั้งใจขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์กับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ทว่าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์กลับมายืนรวมตัวกับเขาอย่างอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง ผู้ใดจะกล้ารับประกันเล่าว่าในบรรดาคนมากมายที่กระจายตัวอยู่ในหุบเขานี้จะไม่มีคนที่รู้จักกับพวกเขาอยู่ด้วย
คิดจะเปลี่ยนข้าวสารให้เป็นข้าวสุกหรือ? หนิวโหย่วเต้าสีหน้าคร่ำเคร่งขึ้นมาเล็กน้อย แค่นเสียงอยู่ในใจ รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
คลื่นลูกแรกยังไม่ทันสงบ คลื่นอีกลูกก็ไล่หลังเข้ามา จู่ๆ สตรีชุดขาวที่อยู่ด้านหลังเยื้องไปทางขวาก็มีความเคลื่อนไหว เหินทะยานเข้ามาแล้วร่อนลงด้านข้าง ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้ามาหา
การกระทำนี้เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาจะโจมตี เปิดโอกาสให้ทางนี้ได้เตรียมตัวป้องกันตัว มิเช่นนั้นคงพุ่งเข้ามาหาในทันทีแล้ว
ภายใต้สายตาของคนทั้งกลุ่ม สตรีชุดขาวเดินเข้ามาตามลำพัง จนมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าหนิวโหย่วเต้า สบตากับหนิวโหย่วเต้า
หลังจากพินิจดูอยู่ครู่หนึ่ง แม้ว่าอีกฝ่ายจะสวมแพรโปร่งบังใบหน้าไว้ แต่หนิวโหย่วเต้าก็ยังแน่ใจว่าตนน่าจะไม่เคยพบสตรีคนนี้มาก่อน จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามยิ้มๆ ว่า “สหายท่านนี้มีธุระใดหรือ?”
แม้จะทราบว่าปกติไม่มีใครกล้ามาก่อเรื่องวุ่นวายในอาณาเขตใต้จมูกของสำนักหมื่นสรรพสัตว์อย่างเปิดเผย แต่ก่วนฟางอี๋ยังคงสอดมือเข้าไปในแขนเสื้อ กุมยันต์อาคมเอาไว้ เตรียมพร้อมลงมือเพื่อป้องกันเหตุร้ายตลอดเวลา
พวกถังอี๋ก็จับตามองสตรีนางนี้เช่นกัน ฟังออกจากวาจาของหนิวโหย่วเต้าว่าหนิวโหย่วเต้าน่าจะไม่รู้จักคนผู้นี้
สตรีชุดขาวเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ข้าคือสหายของอู๋เสวี่ยจวิน”
ผู้ที่มาก็คืออวิ๋นจี แต่นางกลับไม่ได้เผยฐานะของตนออกมาต่อหน้าคนมากมาย
เดินทีนางคิดว่าหลังจากเข้าไปในแดนความฝันผีเสื้อแล้วจะติดตามสังเกตการณ์ต่อไปสักระยะ แต่หลังจากกลุ่มสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ตามมาสมทบ เห็นว่าจำนวนคนของทางนี้เพิ่มมากขึ้น การจะตามสังเกตการณ์ต่อไปเกรงว่าคงไม่ง่ายแล้ว จึงเข้ามาหาตรงๆ เสียเลย
ในโลกบำเพ็ญเพียร คนที่สามารถพูดในที่สาธารณะได้ว่าตนเป็นสหายของใครบางคน ตามปกติแล้วก็แปลว่าน่าจะเป็นสหายกันจริงๆ มิเช่นนั้นจะเข้าข่ายน่าสงสัยว่าแอบอ้างชื่อคนอื่นมา ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ง่ายๆ คนที่ถูกแอบอ้างชื่อไหนเลยจะไม่มาหาเจ้าเพื่อตัดสินความสัมพันธ์ให้กระจ่าง นับเป็นเรื่องคอขาดบาดตายในโลกบำเพ็ญเพียร เพราะหากครั้งต่อไปเจ้าอ้างชื่ออีกฝ่ายไปก่อนเรื่องขึ้นจะทำอย่างไรเล่า?
พอเอ่ยประโยคนี้ออกมา คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจว่าอู๋เสวี่ยจวินที่นางเอ่ยถึงเป็นผู้ใดไอรีนโนเวล
แต่หนิวโหย่วเต้ากลับตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายพุดถึงกุ่ยหมู่อยู่
กุ่ยหมู่ปลีกวิเวกสันโดษในโลกบำเพ็ญเพียร เพราะหยินหยางแบ่งแยกกันจึงไม่กล้าเผยตัวมากเกินไป ชื่อจริงที่มีมาแต่อดีตค่อยๆ ถูกคนหลงลืมไปแล้ว อดีตผ่านไปเนิ่นนาน คนที่ทราบนามจึงมีอยู่ไม่มากแล้ว นามเดิมถูกแทนที่ด้วยสมญานาม ทุกคนเคยชินกับการเรียกขานว่ากุ่ยหมู่ไปแล้ว
ส่วนคนที่กุ่ยหมู่เคยออกปากบอกเขาว่าเป็นสหายกันมีเพียงคนเดียวเท่านั้น หนิวโหย่วเต้าพลันนึกถึงโหวฉิงเทียนที่พบกันก่อนหน้านี้ขึ้นมาทันที รอยยิ้มฝืดเฝื่อนค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขาพอจะเดาออกแล้วว่าสตรีนางนี้เป็นใคร
เพียงแต่ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ ไม่รู้สมควรจะเรียกขานอีกฝ่ายว่าอย่างไรดี ควรจะเรียกว่าพี่หญิงอวิ๋นหรือว่าควรจะอ้างอิงตามลำดับอาวุโสของอวิ๋นฮวนแล้วเรียกว่าท่านป้าอวิ๋นดี?
สุดท้ายก็ประสานมือเอ่ยอย่างสุภาพว่า “คารวะผู้อาวุโส”
อวิ๋นจีถามเสียงเรียบ “ดูเหมือนเจ้าจะรู้แล้วกระมังว่าข้าคือผู้ใด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า