ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 459

สรุปบท ตอนที่ 459 หายไปแล้ว: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 459 หายไปแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนนี้ของ ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 459 หายไปแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 459 หายไปแล้ว

อีกอย่างต่อให้เป็นสำนักหมื่นสรรพสัตว์ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีสัตว์ปีกพาหนะที่จะนำมาใช้ขนส่งคนสำหรับปลูกหญ้าขับแสงมากมายขนาดนั้น

หากเกินจากกำหนดระยะเวลาสามวันไป ทางเข้าแดนความฝันผีเสื้อจะปิดตัวลง ตอนนี้ยังไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรคนใดสามารถอยู่ในรอดสภาพแวดล้อมเช่นนี้ในระยะเวลาสิบปีได้ อาหารและน้ำดื่มเป็นปัญหาแรกของการอยู่อาศัยในระยะยาว ดังนั้นทันทีที่ครบกำหนดปิดตัวทุกคนต้องล่าถอยออกไปทันที

สภาพดินในบางแห่งก็ไม่เหมาะสำหรับปลูกหญ้าขับแสง หลักการก็เหมือนการเพาะปลูกพืชทั่วๆ ไป

ทุกสิบปีจะเปิดออกเพียงหนึ่งครั้ง แต่ละครั้งมีเวลาสามวันเท่านั้น บางสถานที่ก็ไม่เหมาะสมสำหรับเพาะปลูก ส่วนเขตพื้นที่ที่ทำการเพาะปลูกในช่วงหลายปีมานี้ก็เติบโตขยายตัวออกไปอย่างไร้ระเบียบแบบแผน ไม่ได้ขยายครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกว้างอย่างสมบูรณ์นัก

ด้วยเหตุนี้เมื่อเข้าสู่แดนความฝันผีเสื้อ หากอยากรับประกันความปลอดภัย ก็มีแต่ต้องทำกิจกรรมอยู่ในพื้นที่ที่มีหญ้าขับแสงปลูกอยู่เท่านั้น หากพ้นจากอาณาเขตนี้ไปแล้วเกิดเหตุใดขึ้นมา จะไม่มีผู้ใดรับผิดชอบ

พูดอีกอย่างก็คือเมื่อเข้าสู่แดนความฝันผีเสื้อแล้ว จะเป็นหรือตายก็ขึ้นอยู่กับดวงชะตา ไม่มีผู้ใดบังคับให้เจ้าเข้ามา ต้องคิดเอาเองให้ดีก่อนที่จะเข้ามา สำนักหมื่นสรรพสัตว์ไม่รับผิดชอบต่อปัญหาด้านความปลอดภัย

บนนภามีแสงดาวพราวระยับ ทางช้างเผือกส่องแสงวิบวับ ทว่าไร้ซึ่งแสงจันทร์ บริเวณปากทางเข้ามืดมิด มองเห็นหัวคนขยับไหว ไม่มีผีเสื้อจันทราคอยให้แสงสว่าง

แล้วก็ไม่มีผู้ใดนำผีเสื้อจันทราเข้ามาด้วย เนื่องจากผีเสื้อจันทราก็หวาดกลัวกลิ่นของหญ้าขับแสงเช่นกัน เนื่องจากเดิมทีแม่พันธุ์ผีเสื้อจันทราก็ถือกำเนิดขึ้นที่นี่ สำนักหมื่นสรรพสัตว์จับแม่พันธุ์จากที่นี่ออกไป ทุ่มเทความคิดและกำลังไปมากมายถึงคิดหาวิธีปรับปรุงขยายสายพันธุ์ได้

สิ่งมีชีวิตในสถานที่แห่งนี้ประหลาดนัก ดูเหมือนเหมาะจะดำรงอยู่ในดินแดนมืดมิดแห่งนี้เท่านั้น หากออกไปด้านนอกล้วนจะค่อยๆ โรยราสิ้นใจตาย แม่พันธุ์ผีเสื้อจันทราเองก็เช่นกัน ปีศาจผีเสื้อแสนดุร้ายว่องไวดุจมือสังหารก็เป็นเช่นนี้ด้วย ดังนั้นจึงไม่ง่ายเลยกว่าสำนักหมื่นสรรพสัตว์จะเพาะพันธุ์ผีเสื้อจันทราออกมาได้ แต่ก็นับว่าคุ้มค่าเช่นกัน เพราะมันกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อทุกคนในโลกบำเพ็ญเพียร แล้วก็กลายเป็นหนึ่งในรายได้หลักของสำนักหมื่นสรรพสัตว์

ได้ยินว่านี่คือสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้สำนักหมื่นสรรพสัตว์สามารถควบคุมที่นี่ได้ คนบางส่วนยังคงมีความคาดหวังต่อสำนักหมื่นสรรพสัตว์ว่าจะสามารถพิชิตแดนความฝันผีเสื้อได้

หยวนกังเงยหน้ามองขึ้นไปเหนือหัว เหนืออากาศสูงขึ้นไปดูเหมือนจะมีเงาดำบางอย่างโฉบผ่านใต้ธารดาราไป แต่เห็นไม่ชัดว่าเป็นตัวอะไร

ก่วนฟางอี๋อธิบายเล็กน้อย “เป็นอสูรผีเสื้อ กลางอากาศสูงขึ้นไปกลิ่นหญ้าขับแสงแผ่ไปไม่ถึง ไม่สามารถป้องกันอสูรผีเสื้อที่บินผ่านไปได้ บางครั้งอสูรผีเสื้อก็จะโยนสิ่งของลงมาจากด้านบนเพื่อโจมตี”

หนิวโหย่วเต้าถาม “ได้ยินว่าคนที่เข้ามาเยือนที่นี่สามารถจับอสูรผีเสื้อไปขายให้สำนักหมื่นสรรพสัตว์ได้หรือ?”

ก่วนฟางอี๋ตอบว่า “เงื่อนไขแรกคือต้องจับเป็น อสูรผีเสื้อแบ่งออกเป็นห้าชนิด[CC1] ชนิดที่มีพลังโจมตีอ่อนด้อยที่สุดคือปีกขาว มีราคาตัวละหนึ่งพันเหรียญทอง ปีกน้ำเงินราคาตัวละห้าพันเหรียญทอง ปีกแดงหรือที่เรียกกันว่าอสูรโลหิต สำนักหมื่นสรรพสัตว์รับซื้อในราคาตัวละห้าแสนเหรียญทอง แต่ปีกแดงจัดการได้ยาก ไม่เพียงแต่ดุร้ายเท่านั้น แต่ยังมีนิสัยก้าวร้าวด้วย ยอมตายแต่ไม่ยอมให้จับตัวได้ คาดว่าสำนักหมื่นสรรพสัตว์น่าจะต้องการนำไปขยายพันธุ์เหมือนอย่างผีเสื้อจันทราเพื่อทำอะไรบางอย่าง จนปัญญาที่เจ้าสิ่งนี้ปรับตัวกับโลกภายนอกไม่ได้ จับออกไปก็มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน จึงได้ทุ่มความหวังไปกับแง่ของปริมาณ ดังนั้นขอเพียงเจ้าจับมาได้ สำนักหมื่นสรรพสัตว์ก็จะรับซื้อเอาไว้ทั้งหมด ในช่วงที่แดนความฝันผีเสื้อเปิดตัวขึ้นทุกครั้ง สำนักหมื่นสรรพสัตว์จะทุ่มงบประมาณมหาศาลไปกับส่วนนี้”

นางบุ้ยปากไปทางกลุ่มคนด้านหน้า “ทุกครั้งที่ถึงช่วงนี้จะมีผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักบางส่วนเข้ามาเสี่ยงภัยที่นี่ นำชีวิตมาเสี่ยงเพื่อแลกกับเงินทอง ดังนั้นหากพบคนพวกนี้เข้า อยู่ห่างจากพวกเขาไว้หน่อยดีกว่า อสูรผีเสื้อมักจะถูกคนเหล่านี้ยั่วโมโห หากเดินใกล้กับพวกเขาเกินไปจะถูกลูกหลงเอาได้ สำนักหมื่นสรรพสัตว์ไม่สนใจเรื่องนี้ เพราะถึงอย่างไรคนเสี่ยงภัยก็มิใช่คนในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ของพวกเขาอยู่ พวกเขาเพียงแค่จ่ายเงินก็ทำให้คนอื่นยอมทุ่มชีวิตให้แล้ว”

หยวนกังที่อยู่ด้านข้างเอ่ยสอดว่า “เพิ่งมีสี่ชนิด อีกหนึ่งชนิดล่ะ”

ก่วนฟางอี๋หันไปมองเขา “อีกหนึ่งชนิดที่เหลือเป็นตำนานเล่าขาน เรียกกันว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ ร่ำลือกันว่าเป็นราชาแห่งมวลอสูรผีเสื้อ พิเศษกว่าอสูรผีเสื้อตัวอื่นๆ ไม่เพียงแต่จะมีพลังแกร่งกล้ากว่าเท่านั้น แต่ยังสามารถออกไปใช้ชีวิตอยู่นอกสถานที่แห่งนี้ได้ด้วย ได้ยินว่าขอเพียงสยบได้สักตัวก็สามารถควบคุมอสูรผีเสื้อทั่วแดนความฝันผีเสื้อแห่งนี้ได้แล้ว สามารถท่องไปในแดนผีเสื้อได้อย่างไรซึ่งอุปสรรค แต่นั่นก็เป็นเพียงสิ่งที่ในตำนานเล่าขานเท่านั้น ในโลกบำเพ็ญเพียร ณ ปัจจุบันนี้ดูเหมือนจะยังไม่มีใครเคยพบเห็นมัน ร่ำลือกันว่าฮองเฮาหลีเกอแห่งแคว้นอู่มีอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงติดตามข้างกาย นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ซางซ่งสยบแดนความฝันผีเสื้อได้ และสามารถสร้างตำหนักขึ้นภายในแดนความฝันผีเสื้อได้ หากผู้ใดจับอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ เรื่องเงินจะมิใช่ปัญหาเลย เรียกราคาได้ไม่จำกัด! ไม่ว่าต้องจ่ายเงินมากแค่ไหนก็จะมีคนมาซื้อกับเจ้า เกรงว่าแม้แต่ยอดคนทั้งเก้าแห่งโลกบำเพ็ญเพียรก็คงสนใจเช่นเดียวกัน นับจากนั้นเจ้าจะกลายเป็นคนร่ำรวยรุ่งโรจน์”

นางยักคิ้วเล็กน้อยคล้ายหยอกเย้า “ลองคิดดูสิ วาสนาเช่นนี้ใช่ว่าผู้ใดก็มีกันได้นะ ได้ยินว่าพลังของอสูรศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรระดับจิตทารกเชียวนะ หากเจ้าพบเข้าจริงๆ พยายามหนีเอาชีวิตรอดให้ได้จะดีที่สุด หากหนีรอดได้ก็นับว่าเจ้าโชคดีมากแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องอื่นให้มากความอีก” สุ้มเสียงเจือแววเย้ยหยันเอาไว้

หนิวโหย่วเต้าอมยิ้ม สองคนนี้ไม่ถูกชะตากันมาตลอด

วันนี้หยวนกังไม่มีแก่ใจมาต่อปากต่อคำกับก่วนฟางอี๋ เพราะวันนี้ความสนใจของเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้ไอรีนโนเวล

กลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่สักพักเริ่มแยกย้ายกระจายตัวออกไปสำรวจดู ส่วนใหญ่ล้วนเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก

“ในเมื่อเข้ามาแล้ว พวกเราก็ไปเดินดูกันหน่อยเถอะ” หนิวโหย่วเต้ายิ้มพลางโบกมือเล็กน้อย

ผู้ใดจะทราบว่าจู่ๆ อวิ๋นจีที่อยู่ด้านข้างกลับเอ่ยขึ้นว่า “แยกกันเดินดีกว่า”

“….” หนิวโหย่วเต้ามึนงง ขณะที่กำลังจะเอ่ยถามเหตุผล อวิ๋นจีก็ทะยานออกไปแล้ว ไม่มีแม้แต่คำอธิบาย

ทุกคนอดสงสัยไม่ได้ ก่อนหน้านี้อวิ๋นจีบอกว่าจะไปด้วยกันมิใช่หรือ?

พวกเขาหารู้ไม่ว่าแรกเริ่มอวิ๋นจีอยากติดตามสังเกตดูหนิวโหย่วเต้าจริงๆ แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่าจะมาพบหยวนกังเข้า อยู่กับหยวนกังแล้วนางรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ความรู้สึกกดดันจนมือเท้าอ่อนแรงเช่นนี้ทำให้นางทนรับไม่ไหว จึงรีบแยกตัวจากไป

อันที่จริงช่วงแรกๆ หยวนฟางก็มีความรู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นจึงมักจะถูกหยวนกังทุบตีโดยไม่กล้าตอบโต้มาโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับไม่รู้สึกถึงแล้ว เนื่องจากพออยู่กับหยวนกังนานวันเข้าก็เคยชินไปเอง พอเคยชินแล้วก็ย่อมรู้สึกเป็นธรรมชาติ ผ่านการหล่อหลอมมาแล้วจึงสามารถยิ้มทะเล้นพูดจาไร้ยางอายกับหยวนกังได้สบายๆ

หยวนฟางจะหวาดกลัวขึ้นมาแค่ในยามที่หยวนกังโมโหเท่านั้น

แต่ปัจจุบันนี้หยวนกังไม่ค่อยโมโหใส่หยวนฟางแล้ว อีกอย่างตอนนี้หยวนฟางก็ไม่คิดจะหลบหนีแล้วเช่นกัน ซ้ำยังเชื่อฟังเขาอย่างมากด้วย

ถังอี๋เดินเข้าไป “อย่าเข้าใจผิดไป พวกเราไม่ได้มีเจตนาร้าย ถึงอย่างไรที่นี่ก็ค่อนข้างอันตราย เจ้าก็คิดเสียว่าพวกเรามาเพื่อคุ้มกันเจ้าก็แล้วกัน”

“คุ้มกันข้าหรือ?” หนิวโหย่วเต้าพลันเผยสีหน้าขบขัน เอ่ยถากถางนาง “แม้แต่พวกเจ้าเองก็ยังเอาตัวเองไม่รอด คิดจะมาคุ้มกันข้าอย่างนั้นหรือ? ในเมื่อข้ากล้ามาที่นี่ย่อมมีวิธีปกป้องตัวเอง ไม่จำเป็นต้องรบกวนพวกเจ้า ข้ารับเจตนาดีไว้ด้วยใจแล้วกัน แต่อย่าตามข้ามาอีก ออกไปเสีย ไปจากแดนแห่งความฝันซะ”

เว่ยตัวเอ่ยตะกุกตะกัก “ต…เต้าเหยี่ย…”

“เจ้าหุบปากซะ!” หนิวโหย่วเต้าชี้มือออกไป “แค่เห็นเจ้าข้าก็หงุดหงิดแล้ว ไสหัวไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”

เว่ยตัวอ้าปากค้างทันที

ถังอี๋มองเขาอย่างไม่สะทกสะท้าน เหล่าศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ก็ไม่ขยับเขยื้อนเช่นกัน ท่าทางเหมือนจะตามติดไม่ยอมปล่อย

น่ารำคาญ! หนิวโหย่วเต้าเดินย้อนกลับมาเล็กน้อย ค่อนข้างจนใจกับคนเหล่านี้ สุดท้ายก็กวักมือเรียกถังอี๋เข้ามา

ถังอี๋เดินเข้ามาหา จากนั้นก็เดินตามหนิวโหย่วเต้าออกไปอีกด้านหนึ่งท่ามกลางสายตาของทุกคน

หลังจากทั้งสองแยกห่างจากทุกคนมาเล็กน้อยก็หยุดลง หนิวโหย่วเต้าหันไปถาม “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?”

ถังอี๋กล่าวว่า “สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ผิดต่อเจ้าจริงๆ แต่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ยังมิได้ขับไล่เจ้าออกจากสำนัก เจ้ายังคงเป็นศิษย์ของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อยู่ ความผิดที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์กระทำลงไป ข้าขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว เจ้าอยากจะทำอย่างไรก็ได้ทั้งสิ้น ขอร้องเจ้าได้โปรดเห็นแก่อาจารย์อาตงกัว อย่าได้ทอดทิ้งสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เลย ถือว่าข้าขอร้องเจ้า…” ว่าจบก็ย่อตัวลงต้องการจะคุกเข่าให้เขา

หนิวโหย่วเต้ารั้งแขนนางไว้ ลากนางขึ้นมา “อย่ามาเล่นไม้นี้! เจ้าสำนักถัง ข้าไปก่อความแค้นอันใดกับเจ้าไว้กันแน่ เจ้าถึงได้ตามราวีข้าไม่ยอมเลิกรา เจ้าอยากเล่นงานข้าให้ตายหรือ? เจ้าเลอะเลือนจริงๆ หรือว่าแสร้งเลอะเลือนอยู่กันแน่? ตอนนั้นพวกเจ้ายังรู้จักโยนข้าไปให้ซางเฉาจงเพื่อตัดสัมพันธ์กับซางเฉาจงอยู่เลย แล้วตอนนี้เจ้าไม่รู้หรือว่าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไม่อาจมาอยู่ร่วมกับซางเฉาจงได้? เจ้าตั้งใจจะเล่นงานข้าใช่หรือไม่?”

กลุ่มคนที่อยู่ไกลออกไปมองเห็นเพียงฉากที่คนทั้งสองยื้อยุดฉุดดึงกัน ก่วนฟางอี๋เบะปากเล็กน้อย เผยสีหน้าดูแคลน

…………………………………………………………..

[CC1]เนื้อหาจีนเขียนหกแต่อธิบายจริงๆ มีแค่ห้าค่ะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า