ตอนที่ 460 อสูรผีเสื้อ
ชายหญิงมิพึงชิดใกล้ นับตั้งแต่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกบุรุษคนหนึ่งจับมือถือแขนเช่นนี้
ถังอี๋คิดจะสลัดเขาออกตามสัญชาตญาณ แต่หากว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว ชายคนนี้คือสามีของนาง ชายอื่นไม่อาจแตะต้องนางได้ แต่หากชายผู้นี้แตะต้องนางก็นับเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล จิตใจนางสั่นสะท้านเล็กน้อย แขนเกร็งนิดๆ แต่ไม่ได้ขัดขืนอีก เอ่ยชี้แจงไปว่า “ข้ารู้ดี มิใช่ว่าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เห็นว่าซางเฉาจงขยายอำนาจได้แล้วจึงอยากเข้าร่วมกับเขา ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมกับเขาก็ได้ ขอเพียงเจ้าไม่ทอดทิ้งสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ก็พอ ตอนนี้ข้าหมดหนทางแล้วจริงๆ ถึงได้มาขอร้องเจ้า สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ที่บรรพจารย์รุ่นก่อนๆ ทุ่มเทสร้างขึ้นมาไม่อาจปล่อยให้ล่มสลายลงในมือข้าได้”
หนิวโหย่วเต้าเองก็ตระหนักได้ว่าไม่เหมาะสม จึงปล่อยตัวนาง “ใต้หล้านี้ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าข้าเป็นพวกเดียวกับซางเฉาจง หากข้ารวมกลุ่มกับพวกเจ้า มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการอยู่กับซางเฉาจงมิใช่หรือ? ชีวิตข้าหาได้ดีอย่างที่พวกเจ้าเห็นกันไม่ มีหลายเรื่องราวที่พวกเจ้าไม่ได้มีส่วนร่วมรู้เห็น จึงไม่รู้ถึงอันตรายที่แฝงอยู่ ข้าเองก็ไม่มีทางไปอยู่กับพวกเจ้าอีกแล้ว อย่าบีบให้ข้าต้องเสียมารยาทกับพวกเจ้า!”
ถังอี๋ไม่เหลือทางถอยแล้ว นับตั้งแต่ที่ออกจากมณฑลเป่ยโจว นางก็ไม่เหลือทางถอยอีกต่อไป ในสถานที่อื่นไม่มีผู้ใดยินดีรับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เอาไว้ คงไม่อาจพาเหล่าศิษย์ระหกระเหินเร่ร่อนไปทั่วได้กระมัง? ทันทีที่รู้ว่าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ล้มเหลวในการโน้มน้าวหนิวโหย่วเต้า จิตใจของศิษย์ในสำนักจะแตกแยก สำนักสวรรค์พิสุทธิ์จะล่มสลายไร้ซึ่งอนาคตทันที แม้แต่มณฑลเป่ยโจวก็ไม่อาจกลับไปได้อีก
หนิวโหย่วเต้ายืนกรานเช่นนี้ทำให้ถังอี๋อับจนหนทางนัก ถังอี๋จึงทำได้เพียงกัดฟันเอ่ยไปว่า “เป็นอาจารย์อาจ้าวที่ให้พวกเรามาขอพึ่งพาเจ้า”
“ข้าไม่รู้จักอาจารย์อาอะไรทั้งนั้น ข้าข้อเตือนพวกเจ้า ต่อไปอย่ามาสร้างความรำคาญให้ข้าอีก” หัวใจหนิวโหย่วเต้าเต้นตึกตัก แต่ปากกลับแสร้งเอ่ยเฉไฉไป หันหลังคิดจะเดินหนี
ถังอี๋โพล่งออกไปทันที “อาจารย์อาจ้าวสยงเกอให้ข้ามาหาเจ้า”ไอรีนโนเวล
หนิวโหย่วเต้าหันกลับมาทันที เผชิญหน้ากับนางพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้ากำลังยกจ้าวสยงเกอมาข่มขู่ข้าหรือ?”
ถังอี๋ตอบว่า “ข้าพูดความจริง อาจารย์อาบอกให้ข้ามาจริงๆ มิได้โป้ปดเจ้าแน่นอน”
ตอนนี้หนิวโหย่วเต้าไม่มีแก่ใจมาคุยเรื่องนี้กับนางอยู่ที่นี่ เขาโน้มตัวเข้าไป ถังอี๋ถอยหลังไปก้าวหนึ่งทันที เลี่ยงมิให้ชายหญิงอยู่ใกล้ชิดกันเกินไป
หนิวโหย่วเต้าคว้าแขนนางไว้อีกครั้ง ยื่นหน้าไปกระซิบริมหูนาง “เรื่องบางเรื่องพวกเราค่อยออกไปคุยกันทีหลัง ที่นี่กำลังจะเกิดปัญหาขึ้น ข้ามีธุระต้องจัดการ พวกเจ้าอยู่ที่นี่มีแต่จะเพิ่มปัญหาให้ข้า รีบพาคนของเจ้าออกไปจากแดนแห่งความฝัน ตอนนี้ แล้วก็เดี๋ยวนี้ด้วย เข้าใจหรือไม่?”
ในที่สุดก็บอกเหตุผลที่รีบร้อนอยากจะไล่พวกเขาไป ถูกตามพัวพัวจนหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ แล้ว จะให้ลงมือกับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยมจริงๆ เขาก็ทำไม่ลง
ทั้งสองอยู่ใกล้กันถึงขนาดนี้ ใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน นี่คือครั้งแรกที่ถังอี๋ได้ใกล้ชิดกับบุรุษโตเต็มวัยขนาดนี้ หัวใจนางเต้นรัว แต่นับว่าเป็นครั้งที่สองที่ได้ใกล้ชิดหนิวโหย่วเต้า ในคืนเข้าหอปีนั้นตอนที่นางกับหนิวโหย่วเต้าในวัยหนุ่มน้อยคล้องแขนดื่มสุรามงคลก็เคยใกล้ชิดกันเช่นนี้
ตูม! มีเสียงต่อสู้แว่วดังเลือนรางมาจากที่ไกลๆ ทั้งสองคนหันมองในทิศทางหนึ่งของทางแยกพร้อมกัน
“จะเกิดอะไรขึ้น?” ถังอี๋หันมาเอ่ยถาม
“ไม่ใช่ธุระของเจ้า รีบพาคนของเจ้าไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้” หนิวโหย่วเต้าสะบัดแขนนางออก ชี้นิ้วไปในทิศทางที่เข้ามา จากนั้นก็ส่งสัญญาณเรียกพวกหยวนกังทั้งสาม ทั้งกลุ่มมุ่งหน้าไปในทิศทางที่มีเสียงต่อสู้แว่วมา
พวกหลัวหยวนกงเดินเข้ามาหา ซูพั่วเอ่ยถามถังอี๋ “เจ้าสำนัก เป็นอย่างไรบ้าง?”
ถังอี๋ขบริมฝีปากไม่พูดจา เป็นครั้งแรกที่นางทำเรื่องหน้าหนาไร้ยางอายเช่นนี้…
พวกหนิวโหย่วเต้าที่ตามเสียงต่อสู้ไปพลันหยุดลงในทันใด ร่อนลงบนเนินเขาแห่งหนึ่ง ทอดมองสถานการณ์ต่อสู้จากมุมสูง
หลงนึกว่าเกิดเหตุใดขึ้นกับทางอวิ๋นจี ใครจะไปรู้ว่าเรื่องราวมิได้เป็นเช่นนั้น ผู้บำเพ็ญเพียรสิบกว่าคนกำลังต่อสู้กับอสูรผีเสื้อกลุ่มหนึ่งอยู่
เป็นครั้งแรกที่หนิวโหย่วเต้าได้เห็นอสูรผีเสื้อที่กระพือปีกบินลัดเลาะอยู่ท่ามกลางป่าผืนนั้น
โครงร่างส่วนใหญ่คล้ายกับมนุษย์ ขนาดตัวไล่เลี่ยกับมนุษย์ มีทั้งเพศผู้และเพศเมีย มีปีกผีเสื้องอกยาวแผ่แสงสีขาวนวลออกมา ด้านในปีกมีโครงกระดูกที่ดูราวกับหยกขาวสานไขว้กันเหมือนตาข่าย บริเวณขอบปีกมีเดือยหนามแหลมหลายคู่ ใบหน้าและร่างกายของมนุษย์ผีเสื้อมีเปลือกแข็งห่อหุ้มอยู่ทั่วร่าง ตรงส่วนหัว สันจมูกและทรวงอกล้วนมีเกราะแข็งหุ้มอยู่ ใบหน้าดุร้าย มีเขี้ยวงอกยาว ที่มือเท้าล้วนมีกรงเล็บแหลมคม
ท่ามกลางผืนป่าที่กิ่งก้านใบพืชพรรณล้วนเปล่งแสงเหมือนดั่งหยก มนุษย์หลายคนถือโซ่เหล็กไว้ ฉุดดึงอสูรปีกขาวสามตัวที่ถูกรัดตรึงไว้ เร่งมุ่งหน้ามาทางด้านนี้ ส่วนคนอื่นๆ กวัดแกว่งอาวุธในมือเพื่อสกัดปัดป้องกลุ่มอสูรปีกขาวที่ล้อมโจมตีเข้ามาจากทั่วทิศ
ผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งที่ล่าถอยมาพร้อมคนอื่นๆ พลันพลาดท่า ถูกอสูรปีกขาวตัวหนึ่งคว้าข้อมือแล้วกระชากออกไปจากกลุ่ม ผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นตวัดกระบี่ในมือฟันคออสูรปีกขาวตัวนั้น แต่อสูรปีกขาวที่หัวขาดไปแล้วกลับกางแขนกางขากอดรัดตัวผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นเอาไว้แน่น หนึ่งคนหนึ่งปีศาจร่วงดิ่งลงมาจากอากาศด้วยกัน
ผู้บำเพ็ญเพียรที่ถูกพันธนาการไว้พลันโคจรพลังแล้วสะบัดแขนให้หลุดจากพันธนาการ แต่กรงเล็บแหลมคมข้างหนึ่งได้โจมตีมาจากทางด้านหลัง เจาะทะลวงเข้าที่ตำแหน่งหัวใจของเขา
อสูรปีกขาวที่ลอบโจมตีจากทางด้านหลังโฉบเอาร่างผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นโผขึ้นสู่อากาศอีกครั้ง ก่อนจะกดร่างเขาเข้ากับกิ่งไม้บนต้นไม้ต้นหนึ่ง มันอ้าปากออก ลิ้นที่เรียวแหลมพุ่งออกมา สอดตรงเข้าไปในปากของผู้บำเพ็ญเพียรแล้วดูดอย่างรุนแรง ลิ้นที่เรียวแหลมเป็นเหมือนดั่งท่อสูบที่ดูดเลือดออกมาจากร่างผู้บำเพ็ญเพียรรายนั้น艾琳小說
ผู้บำเพ็ญเพียรที่ถูกกดร่างไว้บนกิ่งไม้ชักกระตุก ผิวกายที่เต่งตึงเหี่ยวแห้งลงอย่างรวดเร็ว
กลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรที่เร่งล่าถอยไม่มีใครสนใจผู้บำเพ็ญเพียรที่หลุดจากกลุ่มไปคนนั้น คล้ายว่าไม่มีเวลาพอให้ไปสนใจเช่นกัน คิดเพียงแต่จะล่าถอยออกไปโดยเร็ว
แต่กลุ่มอสูรปีกขาวที่บินลัดเลาะเข้ามาปิดล้อมโจมตีมีเปลือกห่อหุ้มที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มันสามารถต้านการโจมตีจากคมดาบคมกระบี่ได้ แต่ก็ไม่อาจต้านทานแรงฟาดฟันโจมตีอย่างหนักหน่วงได้ มีอสูรหลายตัวถูกฟันร่วงหล่นลงสู่พื้นอย่างต่อเนื่อง ดิ้นรนพลางส่งเสียงกรีดร้อง “กี๊ดๆ” ที่เสียดแก้วหู
พวกหนิวโหย่วเต้ามองหน้ากัน ไม่คิดจะลงมือช่วยเหลือแต่อย่างใด เพียงมาชมสถานการณ์เท่านั้น ในป่าเรืองแสงสว่างไสว แม้จะยืนอยู่ไกลๆ ก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เรื่องราวแจ่มแจ้งชัดเจน เห็นได้ชัดว่าผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ก็คือคนประเภทที่ก่วนฟางอี๋เอ่ยถึงก่อนหน้านี้ว่ามาเพื่อจับอสูรผีเสื้อไปแลกเงิน ไม่ใช่อสูรผีเสื้อที่เป็นฝ่ายเข้าโจมตีก่อน แต่คนกลุ่มนี้เป็นฝ่ายวิ่งออกไปนอกเขตคุ้มกันของหญ้าขับแสงเพื่อไล่จับอสูรผีเสื้อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า