ตอนที่ 46 เจ้าเบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง?
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยความแปลกใจ “รายละเอียดระบุไว้ครบถ้วนแล้ว หรือท่านผู้ว่าการมองไม่เห็นขอรับ?”
เฟิ่งหลิงปอเอ่ยอย่างเย็นชา “อย่ามาเล่นลูกไม้กับข้า ของในรายการสินสอดอยู่ที่ไหน? ขอเพียงยอมให้ ข้าอาจยอมพิจารณาเรื่องยกลูกสาวให้แต่งกับเขา”
คำพูดสวยหรูเช่นนี้หนิวโหย่วเต้าไหนเลยจะยอมเชื่อ ถ้ามอบของให้ก่อน แล้วเจ้ายอมยกลูกสาวให้จริงๆ น่ะสิถึงจะแปลก! เขาจึงไม่คิดจะอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย โต้กลับไปอย่างหนักแน่นว่า “มิใช่อาจยอมพิจารณา หากแต่ต้องยกให้เลย ธิดารักของท่าน…จะต้องแต่งกับท่านอ๋องของพวกเรา!”
เฟิ่งหลิงปอหัวเราะเยาะ “โอหังจริงๆ! มาอยู่ในถิ่นของข้าแล้ว พวกเจ้ายังมีสิทธิ์เลือกอีกหรือว่าจะให้หรือไม่ให้?”
หนิวโหย่วเต้าพลันหันหลัง ชี้ออกไปนอกประตู เอ่ยเสียงดังลั่น “ขอเพียงท่านผู้ว่าการกล้าออกไปป่าวประกาศด้านนอกว่ายงผิงจวิ้นอ๋องมีทัพกาทมิฬแสนตัวอยู่ในมือ ท่านอ๋องของพวกข้าก็จะมอบทัพกาทมิฬแสนตัวนี้ให้แก่ท่านทันที ไม่เก็บเงินท่านแม้แต่สตางค์แดงเดียว ไม่จำเป็นต้องให้ท่านมาข่มขู่เลย!”
ทุกคนในห้องโถงตะลึงงัน กาทมิฬแสนตัว? ซางเฉาจงมีกาทมิฬแสนตัวอย่างนั้นหรือ? บางคนลอบตระหนกอยู่ในใจ หรือสินสอดล้ำค่าในรายการสินสอดที่ว่าจะหมายถึงสิ่งนี้?
แววตาเฟิ่งหลิงปอวูบไหวไปมาด้วยความสับสน ไม่ทราบว่าวาจานี้ของหนิวโหย่วเต้าหมายความว่าอย่างไร แต่หากย้อนกลับมาว่ากันอีกที ตัวเขาไหนเลยจะกล้าออกไปป่าวประกาศเรื่องนี้ต่อภายนอกได้
หนิวโหย่วเต้าหันกลับมา เอ่ยถามกดดันว่า “ท่านผู้ว่าการกล้าหรือไม่เล่า? ขอบังอาจถามว่า ท่านผู้ว่าการกล้าหรือว่าไม่กล้า?”
เฟิ่งหลิงปอยังคงไม่ยอมเปลี่ยนความคิด “หากไม่ส่งมอบออกมา ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากจังหวัดกว่างอี้!”
หนิวโหย่วเต้าสะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย เอ่ยด้วยสีหน้าดูแคลนว่า “ในเมื่อท่านอ๋องกล้าส่งข้ามา มีหรือที่พระองค์จะไม่เตรียมแผนรับมือไว้? ออกจากจังหวัดกว่างอี้ไม่ได้แล้วอย่างไรเล่า หากท่านผู้ว่าการกล้าก่อเรื่องวุ่นวาย จะมีคนปล่อยข่าวเรื่องทัพกาทมิฬแสนตัวออกไปทันที! เมื่อถึงเวลานั้น ประเด็นเล็กๆ นี้จะก่อให้เกิดผลลัพธ์เช่นใด เกรงว่าคงไม่ต้องให้ข้าพูดแล้วกระมัง? อย่าว่าแต่แคว้นเยี่ยนเลย เกรงว่าแคว้นจ้าวที่อยู่ทางตะวันตกคงยกทัพมาโจมตีจังหวัดชิงซานเป็นรายแรก จากนั้นบุกเข้ามาที่จังหวัดกว่างอี้ ท่านผู้ว่าการต้านรับไหวหรือ? ขอถามหน่อยเถิดว่าจะมีแคว้นไหนบ้างที่จะยอมมองดูท่านผู้ว่าการได้ทัพกาทมิฬแสนตัวไปโดยไม่ทำอะไร?”
สีหน้าเฟิ่งหลิงปอมืดครึ้มอึมครึม เข้าใจแล้วว่าที่เมื่อครู่อีกฝ่ายถามว่ากล้าหรือไม่กล้า เป็นเพราะอีกฝ่ายมั่นใจว่าเขาไม่กล้าป่าวประกาศออกไปอย่างแน่นอน เขาข้ามประเด็นที่ว่าจะกักตัวซางเฉาจงเอาไว้หรือไม่ไปเลย เอ่ยเสียงคร่ำเคร่งว่า “ในเมื่อระบุของไว้ในรายการสินสอดแล้ว ก็ต้องมอบของให้ข้าด้วยมิใช่หรือ? หากไม่เห็นของที่อยู่ในรายการสินสอด แล้วข้าจะยกบุตรสาวให้ออกเรือนกับเขาได้อย่างไร?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยด้วยสีหน้าผ่อนคลายว่า “ของน่ะเหรอ เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านผู้ว่าการข้าก็จะไม่อ้อมค้อมแล้วกัน ไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องหลอกท่านผู้ว่าการ แล้วก็หลอกไม่ได้ด้วย ขณะนี้ท่านอ๋องยังมิได้กาทมิฬแสนตัวมาครอบครองขอรับ”
“อะไรนะ?” เผิงอวี้หลานถลึงตาด้วยความโกรธเกรี้ยว เช่นนี้มิเท่ากับเป็นการนำลูกสาวตนมาล้อเล่นหรอกหรือ? นางระงับโทสะไว้ไม่อยู่ ตวาดกร้าวว่า “พวกเจ้าไม่มีของอยู่ในมือ แต่ก็ยังกล้าใส่เพิ่มเข้ามาในรายการสินสอด ล้อพวกเราเล่นอยู่หรือไร?”
หนิวโหย่วกดสองมือลงเล็กน้อย สื่อให้อีกฝ่ายระงับโทสะ จากนั้นกล่าวว่า “ขณะนี้! ข้าบอกว่าขณะนี้ แต่ช้าเร็วจะต้องได้มาครอบครองแน่นอน”
เฟิ่งหลิงปอยิ้มเยาะถากถาง “คิดเองเออเอง เหลวไหลอวดดี! นำสิ่งที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามีอยู่หรือไม่มาใช้เป็นสินสอดสู่ขอบุตรสาวข้า เห็นพวกข้าเป็นคนโง่หรือ ข้าว่าพวกเจ้าคงเบื่อจะมีชีวิตอยู่แล้วกระมัง!” ดวงตาพลันฉายแววโหดเหี้ยม
“คิดเองเออเองอย่างนั้นหรือ?” หนิวโหย่วเต้ากล่าวด้วยความประหลาดใจ ย้อนถามฉับพลันว่า “ท่านผู้ว่าการคิดว่าฝ่าบาทเป็นคนโง่หรือไร? เหตุใดพอหนิงอ๋องสิ้นชีพ ฝ่าบาทก็สร้างความลำบากให้แก่ท่านอ๋องทันทีเล่า? ด้วยสายข่าวของท่านผู้ว่าการคาดว่าคงสืบหาความจริงได้ไม่ยาก เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาททรงหวั่นเกรงหนิงอ๋องผู้กุมอำนาจทางการทหารอยู่ในมือมานานมากแล้ว เห็นได้ชัดว่าฝ่าบาทคิดจะขุดรากถอนโคนเชื้อสายของหนิงอ๋องทิ้งไปเสีย! แต่เหตุใดฝ่าบาทถึงคุมขังท่านอ๋องเอาไว้หลายปีโดยไม่สั่งประหารเล่า? หรือว่าฝ่าบาทพระทัยอ่อนมีเมตตา? แล้วเหตุใดจู่ๆ ถึงปล่อยตัวท่านอ๋องออกมาอีกครั้งเล่า? หรือเป็นเพราะฝ่าบาททรงคะนึงถึงความผูกพันทางสายเลือดวงศ์ตระกูล? นี่เป็นเพราะเหตุใดกันแน่? หรือเงื่อนงำต่างๆ ในเรื่องนี้ยังไม่ควรค่าพอให้ท่านผู้ว่าการได้ใคร่ครวญอีก?”
พอเขากล่าวมาเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างแสดงสีหน้าใช้ความคิด เผิงอวี้หลานนิ่งเงียบไป เฟิ่งหลิงปอเองก็มีสีหน้าพินิจตรึกตรองเช่นกัน
หยวนกังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความสงบนิ่ง มองดูเต้าเหยี่ยยกเหตุผลสารพัดมาหว่านล้อมกดดันอีกฝ่ายอย่างใจเย็น คล้ายว่าไม่กังวลเลยแม้แต่น้อย
หนิวโหย่วเต้ารีบเดินเข้าไปสองก้าวแล้วหยุดลงตรงหน้าเผิงอวี้หลาน ชี้ออกไปด้านนอก เอ่ยด้วยท่าทางเดือดดาลว่า “มิใช่ว่าฝ่าบาทไม่อยากสังหารท่านอ๋อง และมิใช่เพราะฝ่าบาทพระทัยอ่อนมีเมตตา แล้วก็ยิ่งมิได้เป็นเพราะฝ่าบาททรงคะนึงถึงความผูกพันทางสายเลือดวงศ์ตระกูล หากแต่เป็นเพราะทรงทราบว่าหนิงอ๋องทิ้งทัพกาทมิฬแสนตัวไว้เป็นมรดกให้แก่ท่านอ๋อง จึงทรงต้องการครอบครองทัพกาทมิฬแสนตัวนั้น!”
จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาเฟิ่งหลิงปอต่อ กล่าวอย่างใส่อารมณ์ว่า “แล้วท่านอ๋องจะยอมมอบให้ง่ายๆ ได้อย่างไร? พระองค์ย่อมต้องทราบดีว่าทันทีที่มอบออกไป ตนเองจะต้องตายอย่างแน่นอน! ดังนั้นช่วงหลายปีมานี้ ถึงแม้ท่านอ๋องที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกหลวงจะถูกทรมานสอบสวนอยู่ทุกวัน ทว่าพระองค์กลับยอมตาย แต่ไม่ยอมสารภาพ! โชคดีที่สวรรค์มีตา ฝ่าบาทถูกกรรมตามสนอง เป็นเพราะทรงกวาดล้างกองกำลังเก่าของหนิงอ๋อง จึงทำให้สถานการณ์ของแคว้นเยี่ยนเกิดความระส่ำระสาย ภายในก็มีการซ่องสุมกำลังพลต่อต้านราชสำนักเหมือนอย่างเช่นท่านผู้ว่าการ ภายนอกก็มีแม่ทัพเซ่าเติงอวิ๋นที่ดูแลชายแดนชักนำทัพใหญ่แคว้นหนานคู่อริเก่าบุกเข้ามาโจมตี แคว้นศัตรูรอบข้างต่างจ้องตะครุบแคว้นเยี่ยนตาเป็นมัน ฝ่าบาทส่งตัวองค์หญิงออกไปสมรสเชื่อมสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องก็ยังยากจะสงบความวุ่นวายได้! ภายใต้สถานการณ์ที่มีวิกฤตรุมเร้าทั้งนอกใน เหตุใดฝ่าบาทถึงปล่อยตัวท่านอ๋องออกจากคุกเล่า? คงมิใช่เพราะสำนึกเสียใจเป็นแน่ หากแต่เป็นเพราะทรงทราบว่าไม่อาจง้างปากท่านอ๋องได้ จึงใช้กลยุทธ์แสร้งปล่อยเพื่อจับ! ท่านอ๋องทราบดีว่าด้วยกำลังของตนในขณะนี้ ทันทีที่นำทัพกาทมิฬแสนตัวนั้นออกมา นั่นก็จะกลายเป็นการตัดชุดวิวาห์ให้ฝ่าบาท[1]แน่นอน ฝ่าบาทกระทำกับสายเลือดของหนิงอ๋องเช่นนี้ ท่านอ๋องไหนเลยจะยอมให้ฝ่าบาทสมปรารถนาได้? ในสภาวะเข้าตาจน ต้องทำเพื่อความอยู่รอด ท่านอ๋องถึงได้นำกาทมิฬแสนตัวนั้นมาเสนอต่อท่านผู้ว่าการ ไม่ยอมให้ฝ่าบาทได้ประโยชน์! เหตุใดท่านอ๋องต้องการแต่งกับธิดารักของท่านน่ะหรือ? ก็เพราะธิดารักของท่านผู้ว่าการคือแก้วตาดวงใจของท่าน อีกทั้งยังมีผลงานในการออกศึกพิทักษ์จังหวัดกว่างอี้ หากท่านอ๋องแต่งกับธิดารักของท่าน หลังจากท่านผู้ว่าการได้ทัพกาทมิฬแสนตัวนั้นไป ท่านคงจะไม่มีทางข้ามแม่น้ำแล้วรื้อสะพาน[2] อย่างน้อยก็ไม่มีทางสังหารท่านอ๋องของพวกเราแน่ อย่างน้อยๆ ท่านอ๋องก็ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้! เหตุผลก็เพียงเท่านี้ ไม่ทราบว่าท่านผู้ว่าการยังมีข้อสงสัยอันใดอีก? หรือคิดว่าท่านอ๋องหน่ายจะใช้ชีวิตแล้วจึงจงใจมาหยอกเย้าเล่น? หากเป็นเช่นนี้จริง คงน่าขบขันนัก! ท่านอ๋องประสงค์แต่งธิดารักของท่านด้วยความจริงใจ นภาสุริยาเป็นพยานได้ ท่านผู้ว่าการยังสงสัยอันใดอีกหรือ?”
เขาพ่นวาจาฉะฉานออกมาเป็นพรวน ราดเร็วทว่าชัดเจนไม่สับสน กดดันจนผู้ฟังเกิดความรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง แต่พอคิดดูอย่างละเอียดก็ชวนให้รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าเป็นจริงดั่งว่า
ภายในห้องโถงตกอยู่ในความเงียบงัน ขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิดถึงถ้อยคำที่เขาเพิ่งกล่าวไป พลันมีเสียงตวาดของเฟิ่งรั่วหนานแว่วมาจากด้านนอก “ไอ้สุนัขชั้นต่ำ ตายซะ!”
ทุกคนในห้องโถงหันมองไปด้านนอกอย่างพร้อมเพรียง มองเห็นเฟิงรั่วหนานในชุดเกราะถือทวนยาวถลาเข้ามา แผ่ไอสังหารคุกรุ่น แล้วก็มีเพียงนางเท่านั้นที่กล้าอาละวาดในจวนผู้ว่าการเช่นนี้ ทหารม้าเกราะเหล็กที่นางพามาด้วยถูกขวางอยู่นอกจวน พวกทหารไหนเลยจะกล้าถืออาวุธบุกเข้าไปสร้างความวุ่นวายในจวนผู้ว่าการ นั่นแทบจะไม่ต่างอะไรกับการก่อกบฏเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า