ตอนที่ 468 สู้เขาไม่ได้
เหอโหย่วเจี้ยนที่ศีรษะบิดหมุนไปด้านหลังเบิกตากว้าง สายตามองไปที่หนิวโหย่วเต้า สีหน้าคับข้องโศกศัลย์คล้ายอยากจะบอกว่าหนิวโหย่วเต้าพูดคำไหนไม่เป็นคำนั้น
แต่หนิวโหย่วเต้าที่ยืนค้ำกระบี่อยู่เบือนหน้าไปด้านข้าง ไม่มองเขาแม้แต่น้อย จ้องมองทิวทัศน์งดงามนอกปราการพฤกษาอย่างเฉยเมย สีหน้าราบเรียบไม่ตกใจเลยสักนิด ดูโหดเหี้ยมเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด
นับตั้งแต่รู้ว่าเฉาเซิ่งไหวคือหลานชายของเฉาจิ้ง เขาก็ไม่คิดจะฆ่าเฉาเซิ่งไหว การสังหารเฉาเซิ่งไหวไม่มีประโยชน์อะไร ที่เขายังคงเข้ามาในแดนความฝันทั้งๆ ที่รู้ว่าทั้งสามคนต้องการทำร้ายเขา ก็เพราะว่าพุ่งเป้าไปที่เฉาเซิ่งไหว ใครใช้ให้เฉาเซิ่งไหวมีที่พึ่งอยู่ในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ล่ะ ชีวิตของคนประเภทนี้มักจะมีค่าอยู่นิดหน่อย จะสังหารทิ้งง่ายๆ ได้อย่างไร
เหอโหย่วเจี้ยนค่อยๆ ล้มทรุดลงตรงแทบเท้าหยวนกัง โลหิตไหลออกมาจากปากและจมูก ร่างกายกระตุกบิดเกร็ง
หยวนกังเตะมีดพระสองเล่มที่หล่นอยู่บนพื้นลอยออกไปทางหยวนฟาง หยวนฟางรับมีดพระคู่นั้นไปถือไว้ มองดูเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยความตกตะลึง
ก่วนฟางอี๋ก็มองหนิวโหย่วเต้าที่ยันกระบี่เดินเข้ามาด้วยความตกใจ
ยามที่เดินผ่านนาง หนิวโหย่วเต้าก็ไม่ได้หยุดฝีเท้าแต่อย่างใด กลับเอ่ยอย่างเฉยเมยประโยคหนึ่งว่า “ไม่มีอะไรน่าดูแล้ว ไปเถอะ!” ส่วนตนก็เดินนำออกไปก่อน
ก่วนฟางอี๋ละสายตาแล้วหันหลังตามเขาไป
หยวนกังหิ้วเฉาเซิ่งไหวที่สลบอยู่ขึ้นมา ส่งสัญญาณให้หยวนฟางจัดการทำลายซากศพสองร่างที่อยู่บนพื้น…
….
ป่าโบราณงามตระการตาทอดตัวอยู่ใต้นภากว้างพร่างพราวมวลดารา
บนหน้าผา ศิษย์สำนักหมื่นสรรพสัตว์กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าทยอยมาถึงอย่างต่อเนื่อง คนสุดท้ายที่มาถึงเป็นชายชราคนหนึ่ง เขาเหินร่อนลงมาจากวิหคยักษ์ สองฝั่งซ้ายขวามีคนท่าทางองอาจขึงขังคอยตามประกบ เหล่าศิษย์สำนักหมื่นสรรพสัตว์ที่มาถึงก่อนพากันทำความเคารพ ยืนหลบเป็นสองฝั่งเพื่อเปิดทางให้
ชายชราฟังรายงานจากศิษย์สี่คนที่รอดชีวิตมาได้ ยืนยกไพล่หลังอยู่ริมผา ทอดสายตามองป่าโบราณผืนนั้น ผมเผ้าหนวดเคราดำดุจน้ำหมึก สีหน้าตึงเครียด ดูทรงอำนาจโดยไม่ต้องแสดงโทสะออกมา แผ่นหลังเหยียดตรงงามสง่าไอรีนโนเวล
คนผู้นี้มิใช่ใครอื่น เป็นเฉาจิ้งผู้อาวุโสสำนักหมื่นสรรพสัตว์ พอได้ยินว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นกับศิษย์ในสายของตน เขาก็เร่งเดินทางมาโดยเร็ว
“คนอื่นๆ ที่ไปปลูกหญ้าขับแสงล่ะ?” เฉาจิ้งเอ่ยถามเสียงขรึม
ศิษย์ทั้งสี่ที่รอดมาได้สบตากันเล็กน้อย มีคนหนึ่งเอ่ยตอบอย่างระมัดระวัง “ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตกลับมาจากคลื่นอสูรเลยขอรับ น่าจะ…เผชิญเหตุร้ายไปหมดแล้ว”
เฉาจิ้งค่อยๆ หันกลับมามอง สายตาเหลือบไปเห็นคนกลุ่มหนึ่งที่มิใช่ศิษย์ของสำนักหมื่นสรรพสัตว์ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ผู้นำกลุ่มเป็นโฉมงามนางหนึ่ง ทำให้เขาอดมองซ้ำไม่ได้
คนกลุ่มนี้มิใช่ใครอื่น เป็นคณะสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ เมื่อศิษย์กลุ่มใหญ่ของสำนักหมื่นสรรพสัตว์มาถึง พวกเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในชะง่อนหินบริเวณนี้ก็ไม่อาจหลบซ่อนต่อไปได้ ถูกบีบให้เผยตัวออกมา
สายตาของเฉาจิ้งหันกลับมายังร่างศิษย์ผู้ตอบคำถามอีกครั้ง “เหตุใดพวกหม่าจินถึงทำให้เกิดคลื่นอสูรได้?
ศิษย์คนนั้นยังคงตอบอย่างระมัดระวัง “ศิษย์ก็ไม่ทราบขอรับ เฉาเซิ่งไหวมาหาอาจารย์ เหมือนจะ…เหมือนจะบอกว่าพบศัตรูคู่แค้นเข้า ดังนั้นอาจารย์จึงระดมกำลังคนส่วนหนึ่งมุ่งหน้าไป ไม่ทราบเช่นกันว่าเหตุใดถึงทำให้เกิดคลื่นอสูรขึ้นได้ พวกศิษย์สี่คนรอดชีวิตมาได้เพราะอยู่เฝ้าวิหคยักษ์ขอรับ พอเห็นว่าเกิดคลื่นอสูรขึ้นก็ล่าถอยกลับมาในทันที จึงโชคดีรอดชีวิตมาได้”
ศัตรูหรือ? เฉาจิ้งถามทันที “ศัตรูอันใดกัน?”
ศิษย์คนนั้นส่ายหน้า “ศิษย์ไม่ทราบขอรับ เฉาเซิ่งไหวและอาจารย์หลบไปคุยกันเป็นการส่วนตัว พวกเราไม่ได้ฟังด้วย หลังจากนั้นอาจารย์ก็ไม่ได้พูดอะไร พวกศิษย์ก็ปฏิบัติไปตามคำสั่ง แต่ไม่พบศัตรูอันใดเลย คาดว่าศัตรูก็น่าจะไม่รอดจากคลื่นอสูรเช่นกันขอรับ”
เฉาจิ้งหันไปสอบถามศิษย์คนหนึ่งของตนที่มาถึงก่อน “เข้าไปหาหรือยัง?”
ศิษย์คนนั้นประสานมือเอ่ยตอบ “เรียนอาจารย์ ไปหามาแล้วครับ แต่ก็ไม่พบอะไร อีกทั้งไม่กล้าล่วงล้ำเข้าไปลึกเกินไป แล้วก็ยิ่งไม่กล้าค้นหาเป็นวงกว้าง ด้วยกลัวว่าจะไปกระตุ้นให้เกิดคลื่นอสูรได้ขอรับ”
“คนร้อยกว่าชีวิตตายไปแบบนี้ อีกทั้งไม่ใช่คนที่เพิ่งเข้ามาในแดนความฝันเป็นครั้งแรกด้วย สมควรต้องระวังสิ่งใดยังไม่รู้กันอีกหรือ? หม่าจินทำบ้าอะไรลงไป?” เฉาจิ้งด่าออกมา เสียกำลังคนไปมากขนาดนี้ ซ้ำยังเป็นศิษย์ในสายเขาทั้งสิ้นด้วย
แต่ในความโชคร้ายก็มียังความโชคดีอยู่ เพราะเป็นการเผชิญกับคลื่นอสูรเข้า สามารถอธิบายว่าเป็นอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงได้ มิเช่นนั้นเขาคงหาทางแก้ตัวกับสำนักไม่ได้
เหล่าศิษย์สำนักหมื่นสรรพสัตว์ต่างเงียบงัน ไม่กล้าเปล่งเสียง艾琳小說
เฉาจิ้งเบนสายตามองไปทางป่าเรืองแสงผืนนั้นอีกครั้ง ก็เหมือนอย่างที่ศิษย์คนนั้นว่ามา พวกเขาไม่กล้าล่วงล้ำเข้าไปลึกเกินไป แล้วก็ไม่กล้าทำการค้นหาเป็นวงกว้าง หากกระตุ้นให้เกิดคลื่นอสูรขึ้นมาอีก นั่นจะทำให้สูญเสียกำลังคนไปอีกครั้ง ถึงแม้จะคาดเดาได้ว่าโอกาสรอดชีวิตของกลุ่มคนก่อนหน้านี้จะมีน้อยมาก แต่ก็ไม่สามารถทำเหมือนไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้นได้ เขาสงบอารมณ์ที่ตึงเครียดลง เอ่ยเนิบๆ ว่า “ทิ้งกำลังคนไว้ส่วนหนึ่ง เข้าไปสืบหาร่องรอยอย่างระมัดระวังอีกหน่อย หากพบสถานการณ์ผิดปกติให้ถอนกำลังทันที ห้ามเสี่ยงเข้าไป!”
“ขอรับ!” ศิษย์ในบริเวณนี้ขานตอบรับ
เฉาจิ้งหันไปมองคณะสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อีกครั้งพลางเอ่ยถาม “คนพวกนั้นเป็นใคร?”
ศิษย์เอ่ยตอบว่า “เห็นบอกว่าเป็นคนจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ขอรับ เห็นพวกเขาหลบซ่อนทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ในละแวกนี้ จึงรั้งตัวไว้สอบถามขอรับ”
“สำนักสวรรค์พิสุทธิ์? สำนักสวรรค์พิสุทธิ์แห่งแคว้นเยี่ยนน่ะหรือ?”
“ขอรับ”
เฉาจิ้งค่อนข้างแปลกใจ ใต้หล้านี้มีสำนักขนาดเล็กอยู่มากมาย อาจจะมีสำนักขนาดเล็กมากมายที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ต่างออกไป ถึงแม้ยามนี้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์จะตกต่ำจนไม่อาจนับเป็นอันใดได้แล้ว แต่ในด้านชื่อเสียงยังคงมิใช่สิ่งที่สำนักขนาดเล็กทั่วไปจะเทียบเคียงได้ ถึงอย่างไรก็เคยเป็นสำนักใหญ่อันดับหนึ่งแห่งแคว้นเยี่ยนมาก่อน ทั้งยังเคยมีตำแหน่งในหอเลือนสลัวเช่นกัน
เฉาจิ้งพยักเพยิดหน้าเล็กน้อย มีศิษย์ไปเรียกกลุ่มสำนักสวรรค์พิสุทธิ์เข้ามาทันที
หลังจากมาถึง ถังอี๋เป็นตัวแทนสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ประสานมือเอ่ยทักทาย “ถังอี๋เจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ คารวะผู้อาวุโสเฉา”
เฉาจิ้งประหลาดใจอีกครั้ง ไม่คิดเลยว่าเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์จะเป็นโฉมงามที่ยังสาวคนหนึ่ง เขามองเพ่งพิศพลางเอ่ยถาม “เจ้าคือเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์คนปัจจุบันหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า