ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 481

ตอนที่ 481 แสดงน้ำใจกับผู้อื่น

อวิ๋นจีก็รับรู้ได้ว่าจู่ๆ บรรยากาศก็ผิดแปลกไปเล็กน้อย เหลือบมองไปที่อิ๋นเอ๋อร์คราหนึ่งเช่นกัน แต่ไม่ได้คิดอะไรมากนัก

หนิวโหย่วเต้ามองนางพลางส่ายหน้า ถอนหายใจกล่าวไปว่า “จะว่าไปแล้วก็ต้องขอบคุณผู้อาวุโส เพราะผู้อาวุโสดึงดูดท่านผู้นั้นลงไปใต้ดิน ถึงทำให้พวกข้ามีโอกาสหนีเอาชีวิตรอด พวกเราหลบซ่อนตัวหลบเลี่ยงภัยถึงเอาตัวรอดมาได้ ยังหลงนึกว่าผู้อาวุโสประสบเหตุร้ายไปเสียแล้ว ไม่คิดเลยว่าผู้อาวุโสจะหนีออกมาได้ก่อน”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! อวิ๋นจีก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน “เจ้าก็อย่าได้ถือโทษที่ข้าทอดทิ้งพวกเจ้าแล้วหนีมาเลย ข้าถูกราชินีปีศาจตัวนั้นหมายหัวแล้ว เอาตัวเองยังไม่รอด ไม่มีกำลังพอจะช่วยเหลือคนอื่นจริงๆ แต่โชคดี นับว่าช่วยให้พวกเจ้าพ้นภัยมาได้ ดีแล้ว อย่างนั้นก็แยกย้ายกันตรงนี้แล้วกัน หากมีเวลาก็ไปนั่งเล่นที่เขาข้ามเมฆาบ้าง” น้ำเสียงฟังดูหม่นหมองเป็นอย่างยิ่ง

ความพยายามที่ทุ่มเทในช่วงหลายสิบปีมานี้ มุกวิญญาณหมื่นสรรพสัตว์ที่ลำบากลำบนกว่าจะได้มา สุดท้ายกลับถูกราชินีปีศาจชิงไป เกรงว่าชาตินี้คงหมดหวังจะได้มาครองเสียแล้ว ในใจจึงเศร้าใจอย่างแท้จริง

ถึงจะบอกว่าแยกย้ายกัน แต่นางก็ไม่ได้คิดจะไปจากที่นี่ นางยังคงคิดจะไปเฝ้ารออยู่ที่ทางเข้าอีกสักพัก นางหมกมุ่นอยู่มุกวิญญาณหมื่นสรรพสัตว์มานานขนาดนี้ ไหนเลยจะยอมปล่อยวางได้ง่ายๆ

“ผู้อาวุโส!” หนิวโหย่วเต้าเรียกไว้

อวิ๋นจีหันกลับมา ไม่ทราบว่าเขายังมีเรื่องใดอีก

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยกับก่วนฟางอี๋ “เอาออกมา”

ก่วนฟางอี๋ไม่เข้าใจ ถามด้วยความฉงน “อะไร?”

หนิวโหย่วเต้าพูดตรงๆ ไม่หลบเลี่ยง “มุกวิญญาณหมื่นสรรพสัตว์!”

อวิ๋นจีเบิกตากว้างทันที

ก่วนฟางอี๋ก็เบิกตากว้างเช่นกัน มองหนิวโหย่วเต้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ ท่าทางคล้ายจะอยากจะโผเข้าไปกัดเขาให้ตายใจแทบขาด เปิดเผยว่ามุกวิญญาณหมื่นสรรพสัตว์อยู่กับนางเช่นนี้ นี่ไม่เท่ากับเรื่องมาให้นางหรอกหรือ? ของสิ่งนี้ต้องเก็บไว้เงียบๆ เอามาป่าวประกาศแบบนี้ได้อย่างไร?

หนิวโหย่วเต้ายื่นมือออกไปทวง “เอามาให้ข้า”

ก่วนฟางอี๋เผยสีหน้าโกรธเคือง เว้นแต่นางจะฆ่าปิดปากอวิ๋นจีไปเสีย มิเช่นนั้นก็ไม่สามารถรั้งสมบัตินี้ไว้ได้ ประกอบกับคำพูดของหนิวโหย่วเต้ายังคงมีอิทธิพลต่อนางอยู่ สุดท้ายก็ได้แต่ล้วงเอาไข่มุกสีทองเม็ดนั้นออกมา ปาออกไปใส่หัวหนิวโหย่วเต้าพลางเอ่ยสบถ “นี่มันของข้า!”ไอรีนโนเวล

หนิวโหย่วเต้ารับเอาไว้ จากนั้นก็ยื่นส่งให้อวิ๋นจี “ผู้อาวุโส ตอนที่ปีศาจตัวนั้นตามไล่ล่าท่านได้ทำมันหล่นไว้ พวกเราเก็บติดมือกลับมาด้วย ไม่อาจปล่อยให้ท่านมาเสียเที่ยวได้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่าน”

อวิ๋นจีมีท่าทางคล้ายไม่อยากจะเชื่อ เอ่ยเสียงสั่น “ให้ข้าจริงๆ น่ะหรือ?”

หนิวโหย่วเต้าใช้การกระทำบอกกับว่านี่มิใช่คำลวง หากแต่เป็นความจริง เขาตวัดมือโยนออกไป

อวิ๋นจีรับไป โอบอุ้มด้วยสองมือพินิจดูว่าเป็นของจริงหรือไม่ สูญเสียสมบัติล้ำค่าไปแต่กลับได้คืนมา เป็นความรู้สึกที่คนอื่นไม่มีทางจินตนาการได้ ดีใจจนแทบคลั่งแล้วจริงๆ

นางไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการยัดใส่ปาก พอกลืนลงไปแล้วถึงได้วางใจ จากนั้นค้อมกายให้หนิวโหย่วเต้า “ขอบคุณ!”

ก่วนฟางอี๋ทนรับไม่ได้ เงยหน้ามองท้องฟ้า ‘ของของข้าเจ้ากลับให้คนอื่นอย่างนั้นหรือ?’ นางอยากจะถามสวรรค์นักว่ายังมีความยุติธรรมอยู่หรือไม่!

หยวนกังยังพอว่า เขาทราบนิสัยของหนิวโหย่วเต้าดี จึงไม่คิดอะไร

หยวนฟางแสยะปากยิ้มด้วยสีหน้าแข็งทื่อ เสียดายเช่นกัน สมบัติล้ำค่าเชียวนะ! มุกนี้มีมูลค่าตั้งเท่าไรกัน ให้คนอื่นไปง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ?

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยยิ้มๆ “กล่าวขอบคุณเป็นคนนอกไปไย ฝากทักทายพี่อวิ๋นแทนข้าด้วย ทางข้ายังมีธุระต้องจัดการต่อ ไม่ขอไปส่งผู้อาวุโสแล้ว”

“ตกลง! หากมีเวลาว่างก็แวะมานั่งเล่นที่เขาข้ามเมฆาล่ะ”

“ข้าจะจดจำไว้ เรื่องคนผู้นั้น รบกวนโหวฉิงเทียนช่วยจับตามองให้ข้าด้วย”

“ได้ ข้าจะไปสั่งการพวกเขาไว้ พวกเขาสี่คนค่อนข้างไว้ใจได้ หากมีความต้องการใดๆ ก็เรียกใช้พวกเขาได้เต็มที่ ลาก่อน!” อวิ๋นจีตอบรับด้วยสีหน้าจริงใจ จากนั้นหันหลังทะยานจากไปอย่างเร่งร้อน ได้ของมาแล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องอยู่เฝ้าปากทางเข้าแดนความฝันอีก กลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น จึงรีบจากไป

ชีวิตคนไม่แน่นอน นางไม่เคยคิดเลยจริงๆ ว่าสูญเสียของไปแล้วจะได้คืนมาเช่นนี้ ไล่ตามไขว่คว้ามานานหลายปีในที่สุดก็ได้มาครอง จิตใจนางตื่นเต้นอยู่ตลอด

หนิวโหย่วเต้าเฝ้ามองอยู่สักพักก็หันไปเอ่ยกับคนรอบตัวว่า “ไปเถอะ”

“ไปเปยอะไร? ไม่ไปแล้ว!” ก่วนฟางอี๋ระเบิดอารมณ์ออกมา โมโหจนทนไม่ไหว

หนิวโหย่วเต้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็แค่ของชิ้นเดียว จำเป็นต้องยึดติดด้วยหรือ? ไม่จำเป็นต้องคิดเล็กคิดน้อยเลย”

ก่วนฟางอี๋โมโห “คิดเล็กคิดน้อยหรือ? เจ้าอยากแสดงน้ำใจกับผู้อื่น ข้าย่อมต้องเข้าใจ แต่นั่นคือของของข้า ในเมื่อเป็นของข้าแล้ว เจ้ามีสิทธิ์อะไรไปยกให้คนอื่น?”

เพิ่งจะได้มุกวิญญาณหมื่นสรรพสัตว์มาครอง ถือไว้ยังไม่ทันร้อนก็กลายเป็นของคนอื่นไปเสียแล้ว ทำให้นางเจ็บใจมากนัก

หนิวโหย่วเต้าหัวเราะฮ่าๆ “ของเจ้าของข้าอะไรกัน ของข้าก็คือของเจ้า ของเจ้าก็คือของข้าด้วย”

“เหลวไหล!” ก่วนฟางอี๋สบถใส่ทันที

หนิวโหย่วเต้าผายมือออก “ข้าพูดจริง ของที่ข้ามีติดตัว เจ้าอยากได้อะไรบอกมาได้เลย ข้าจะให้เจ้าทุกอย่าง”

ก่วนฟางอี๋ขุ่นเคือง “เจ้ามันยาจกชัดๆ ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่แดงเดียว ค่ากินค่าอยู่ตลอดทางมานี้ล้วนเป็นข้าควักเงินจ่าย ข้าจะเอาอะไรมาได้!”

แม้จะเป็นคำด่าทอ แต่หนิวโหย่วเต้าคิดตามแล้วก็ยื่นมือลูบคลำไปตามร่างตน พบเป็นดั่งว่าจริงๆ ตัวเขานอกจากกระบี่ในมือแล้ว แขนเสื้อทั้งสองข้างล้วนว่างเปล่า

หยวนฟางที่มองอยู่ด้านข้างก็เสียดายนัก อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือนอย่างหวังดี “เต้าเหยี่ย ที่ร่วมสาบานกับอวิ๋นฮวนคนนั้นไป อันที่จริงก็ยังไม่แน่ว่าอีกฝ่ายจะคิดเป็นจริงเป็นจัง ไม่จำเป็นต้องใจกว้างถึงขนาดนี้เลย หากไม่นำของออกมา นางปีศาจงูตัวนั้นก็ไม่มีทางรู้ว่าของอยู่กับพวกเรา”

เพิ่งจะพูดจบก็ถูกคนกระโดดถีบแล้ว หยวนกังถีบเข้าที่สะโพกทีหนึ่ง

“แค่พูด แค่พูดเท่านั้น” หยวนฟางลูบสะโพกพลางยิ้มแห้งๆ ให้หยวนกัง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า