เข้าสู่ระบบผ่าน

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 504

ตอนที่ 504 ให้เจ้าทำเจ้าก็ต้องทำให้ได้ ทำไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้

พอได้ยินคำว่า ‘เซ่าผิงปอแห่งเป่ยโจว’ แว่วมา ตะเกียบในมือหวงทงก็แข็งทื่อไป เงี่ยหูฟังทันที ท่าทางมีสมาธิตั้งใจฟัง

อีกหลายคนที่นั่งอยู่มองหน้ากันเหลอหลา ล้วนหยุดความเคลื่อนไหวทันที กลั้นหายใจไม่กล้าทำให้เกิดเสียงใดๆ อยากจะฟังให้ชัดเจนเช่นกัน

“บีบคั้นหรือ? หนิวโหย่วเต้าคนนั้นมาจากหนานโจวมิใช่หรือ? ดูเหมือนเป่ยโจวกับหนานโจวจะอยู่ห่างกันมากกระมัง?”

“ข้าก็ไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดเหมือนกัน แต่ตอนที่ทางสำนักช่วยส่งคนไปวิ่งเต้นถ่ายทอดข้อความของเขาต่อหกสำนักใหญ่ ตอนที่อาจารย์อากับอาจารย์ลุงคุยกันข้าอยู่ด้านข้าง ก็เลยได้ยินมาเล็กน้อย ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับสำนักสวรรค์พิสุทธิ์อันใดสักอย่าง คล้ายว่าเซ่าผิงปอจะส่งคนมาลอบสังหารทางหนิวโหย่วเต้านี้ แต่มือสังหารทำพลาดถูกหนิวโหย่วเต้าจัดการไปแล้ว อีกทั้งมิใช่แค่ส่งมือสังหารมาเท่านั้น แต่ยังสมคบกับสำนักหยกสวรรค์แห่งหนานโจว ต้องการร่วมมือกันสังหารหนิวโหย่วเต้า ผู้อาวุโสคนหนึ่งจากสำนักหยกสวรรค์ก็ตามมาที่สำนักหมื่นสรรพสัตว์แล้ว ดูเหมือนเซ่าผิงปอคนนั้นยั่วโมโหหนิวโหย่วเต้าเข้าแล้ว หนิวโหย่วเต้าเหมือนต้องการจะตอบโต้กลับ”

“โต้กลับอย่างไร?”

“ไม่รู้ ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องของพวกเราอยู่แล้ว…”

จากนั้นบทสนนาในห้องข้างๆ ก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน

เหล่าศิษย์สำนักเขามหายานในห้องนี้ต่างมองไปที่หวงทง

หวงทงเงียบไปครู่หนึ่ง ยกมือส่งสัญญาณเล็กน้อย ให้ศิษย์สองคนออกไปจับตามอง

ในฐานะคนของมณฑลเป่ยโจว เพิ่งมาถึงก็ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับมณฑลเป่ยโจวแล้ว ทำให้เขารู้สึกว่าไม่ค่อยชอบมาพากล กังวลว่าจะมีใครกำลังเล่นเล่ห์อันใดอยู่หรือไม่

จนกระทั่งแขกในห้องด้านข้างจากไป ทางนี้ก็ไม่ได้ส่งเสียงใดๆ ขึ้นมาอีก…

นอกโรงเตี๊ยม ตรงหน้าต่างของอาคารฝั่งตรงข้าม เฉาเซิ่งไหวนั่งอยู่ริมหน้าต่าง จ้องมองประตูโรงเตี๊ยมผ่านรอยแยกหน้าต่าง

เมื่อเห็นศิษย์สำนักหมื่นสรรพสัตว์ทั้งสี่ออกมาจากโรงเตี๊ยมแล้ว เฉาเซิ่งไหวก็ลุกขึ้นยืนทันที แง้มหน้าต่างกว้างอีกเล็กน้อย จับตามองประตูโรงเตี๊ยมอย่างไม่ละสายตา

ไม่นานนัก ศิษย์สำนักเขามหายานคนหนึ่งก็ออกมาจากโรงเตี๊ยม เห็นได้ชัดว่าสะกดรอยตามศิษย์สำนักหมื่นสรรพสัตว์สี่คนนั้นมา

เช่นนี้แปลว่าแผนการสัมฤทธิ์ผลแล้ว ทางฝั่งสำนักเขามหายานได้รับข่าวสารที่ทางนี้ต้องการจะถ่ายทอดให้แล้ว เฉาเซิ่งไหวโล่งอก ยื่นมือไปดึงหน้าต่างให้ปิดสนิทอย่างแผ่วเบา จากนั้นหันหลังจากไป

เมื่อลงมายังชั้นล่าง เขาผ่านออกไปทางประตูหลังร้านอย่างเงียบเชียบ

ไม่มีความจำเป็นต้องรั้งอยู่ต่อ ภารกิจของเขาสำเร็จลุล่วงแล้ว เป็นงานง่ายๆ ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายใดเลย มิเช่นนั้นเขาคงไม่ยอมรับปากหนิวโหย่วเต้าง่ายๆ…

ภายในห้องรับรองส่วนตัวที่ฝั่งสำนักเขามหายานกินอาหารอยู่ ทั้งสามคนที่อยู่ประจำโต๊ะไม่มีอารมณ์จะกินต่อแล้ว หวงทงเอนหลังพิงเก้าอี้อยู่เงียบๆ

ไม่นานนัก ศิษย์คนหนึ่งกลับเข้ามา เดินเข้ามากระซิบรายงานว่า “อาจารย์ มองจากชุดที่สวมใส่แล้วเป็นศิษย์ของสำนักหมื่นสรรพสัตว์ขอรับ ลองเลียบเคียงสอบถามจากเถ้าแก่โรงเตี๊ยมดูเล็กน้อย เขาก็บอกว่าเป็นศิษย์ของสำนักหมื่นสรรพสัตว์เช่นกันขอรับ เถ้าแก่รู้จักดี”

หวงทงเอ่ยเนิบๆ “อาจจะเป็นการจัดฉากของผู้อื่นก็ได้ สะกดรอยตามไปหรือยัง?”

ผู้เป็นศิษย์ตอบว่า “ศิษย์พี่ตามไปแล้วขอรับ”

หวงทงสั่งการ “เจ้าก็ตามไปด้วย หากเกิดเหตุใดขึ้นจะได้ตอบโต้รับมือได้ทันการณ์”

“ขอรับ!” ผู้เป็นศิษย์ตอบรับ ออกไปอย่างรวดเร็ว

หวงทงลุกขึ้นมา ไม่กินต่อแล้ว เขาออกจากห้องรับรองส่วนตัวกลับไปที่ห้องพักของตน เดินวนกลับไปกลับมาอยู่ในห้องคิดทบทวน สีหน้าค่อนข้างหนักใจ

ช่วงนี้มีคนมากมายทยอยเดินทางมายังเมืองวั่นเซี่ยง มีจำนวนมากกว่าคนที่มาร่วมงานชุมนุมสัตว์วิเศษเสียอีก มังกรมัจฉาปะปนกันมั่วซั่วค่อนข้างวุ่นวาย เป้าหมายที่มาย่อมเกี่ยวข้องกับเรื่องที่แดนความฝันยังไม่ปิดตัวลง ตัวเขาหวงทงก็ได้รับคำสั่งจากสำนักเขามหายานให้มาเพราะเรื่องนี้เช่นกัน

ผู้ใดจะคิดว่าพอมาถึงที่นี่ ยังไม่ทันได้เริ่มดำเนินการเรื่องที่ได้รับมอบหมาย ก็บังเอิญได้รับรู้ข่าวเรื่องการปะทะกันระหว่างเซ่าผิงปอและหนิวโหย่วเต้าเสียแล้ว

จริงหรือเท็จก็ยังไม่อาจทราบได้ หลังจากที่เขาได้ยิน ความคิดแรกของเขาคือคิดว่าจะใช่แผนร้ายอันใดหรือไม่ มิเช่นนั้นไฉนเลยจะมีเรื่องบังเอิญถึงเพียงนี้ได้?

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสืบหาความจริงก่อน ยืนยันว่าอีกฝ่ายใช้ศิษย์ของสำนักหมื่นสรรพสัตว์จริงหรือไม่ หากว่าใช่จริงๆ สำนักหมื่นสรรพสัตว์ที่ทำธุรกิจค้าขายกับทั่วสารทิศก็ไม่มีทางจะช่วยเหลือหนิวโหย่วเต้าจนเข้ามามีส่วนร่วมในข้อพิพาทเช่นนี้ ประกอบกับด้วยกำลังของหนิวโหย่วเต้าแล้ว ก็ไม่มีทางที่เขาจะบงการคนของสำนักหมื่นสรรพสัตว์ให้มาทำเรื่องเช่นนี้ได้ หากเป็นเช่นนั้นเรื่องราวก็ค่อนข้างน่าหนักใจแล้ว ไอรีนโนเวล

วังเหินเวหา วิมานม่วงทองและหุบเขากระบี่วิญญาณแห่งแคว้นเยี่ยน สำนักร้อยชลา วังเลิศหล้าและสำนักเทพนารีแห่งแคว้นหาน ตอนนี้เป่ยโจวถูกหนีบอยู่ตรงกลางระหว่างขั้วอิทธิพลของสองแคว้นพอดี แต่หนิวโหย่วเต้าก็ดันไปติดต่อกับขั้วอำนาจของทั้งสองแคว้น เขาคิดจะทำอะไรกัน?

ส่วนเรื่องพิพาทระหว่างเซ่าผิงปอกับหนิวโหย่วเต้า ตัวเขาในฐานะผู้อาวุโสของสำนักเขามหายานย่อมทราบเรื่องดี สำนักเขามหายานสั่งให้เซ่าผิงปอรามือแล้ว เซ่าผิงปอยังลอบลงมืออยู่อีกจริงๆ น่ะหรือ? ส่งคนมาลอบสังหาร ซ้ำยังสมคบกับสำนักหยกสวรรค์แห่งมณฑลหนานโจวด้วยอย่างนั้นหรือ?

หากว่าทำเช่นนี้จริง เท่ากับกำลังบีบคั้นหนิวโหย่วเต้าไปสู่หนทางแห่งความตาย หากหนิวโหย่วเต้าไม่ตอบโต้ก็แปลกแล้ว…

เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม ศิษย์ทั้งสองคนกลับมาด้วยกัน

หวงทงไม่รอให้ศิษย์ทั้งสองคารวะก่อน เอ่ยถามออกไปด้วยความร้อนใจ “ยืนยันแล้วหรือยัง ใช่ศิษย์ของสำนักหมื่นสรรพสัตว์หรือไม่?”

ศิษย์ทั้งสองยังคงประสานมือคำนับก่อนอยู่ดี ศิษย์คนหนึ่งเอ่ยตอบว่า “ยืนยันแล้วขอรับอาจารย์ เป็นศิษย์ของสำนักหมื่นสรรพสัตว์ ข้าเห็นพวกเขาผ่านประตูของสำนักหมื่นสรรพสัตว์เข้าไปด้วยตาตัวเอง ทั้งยังทักทายศิษย์ที่เฝ้าประตูสำนักด้วยขอรับ”

หวงทงเอ่ยด้วยความเคลือบแคลง “เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีคนอื่นสวมรอยแอบอ้าง?”

ศิษย์อีกคนตอบว่า “อาจารย์ ท่านลองคิดดูสิขอรับ หน้าประตูสำนักมีศิษย์ของสำนักหมื่นสรรพสัตว์คอยเฝ้าอยู่ จะเป็นไปได้หรือที่พอคนนอกสวมชุดศิษย์สำนักหมื่นสรรพสัตว์แล้วก็เข้าออกได้เลย?”

หวงทงคิดๆ ไปก็ว่าใช่ เครื่องแบบประจำสำนักเป็นสัญลักษณ์แทนตัวสำนัก ต่อให้เป็นอาภรณ์ที่จัดเตรียมไว้สำหรับแขกก็เป็นเพียงชุดลำลอง ไม่มีทางจัดชุดเครื่องแบบอันเป็นสัญลักษณ์ของสำนักตนให้แก่คนนอก เพราะจะชักนำปัญหามาให้สำนักได้ง่ายๆ

“เห็นทีว่าจะเป็นศิษย์ของสำนักหมื่นสรรพสัตว์จริงๆ…” หวงทงพึมพำเสียงเครียด จากนั้นก็เอ่ยเสียงเข้มขึ้นมา “ส่งข่าวกลับไปเดี๋ยวนี้ รายงานสถานการณ์ให้ทราบ ขอให้ทางสำนักช่วยตัดสินใจ!”

….

แต่แน่นอน พวกเขาเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าเงินจำนวนนี้เฉาเซิ่งไหวได้มาจากหนิวโหย่วเต้า

“แต่ข้าคงต้องขอกล่าวเอาไว้ก่อน อย่าได้คิดว่าทำเช่นนี้แล้วทุกคนจะกลายเป็นพวกเดียวกัน หากอยากลงเรือลำเดียวกัน ทุกคนก็ต้องแสดงผลงานยืนยันก่อน มิเช่นนั้นใครจะมั่นใจได้ว่าจะไม่มีผู้ที่เห็นต่างอยู่ในกลุ่มพวกเรา? หากว่าลังเล พอรับเงินไปแล้วก็ถอนตัวออกไปได้ ข้าไม่บังคับ” ขณะที่เฉาเซิ่งไหวเอ่ยประโยคนี้ก็เฝ้ามองปฏิกิริยาของทุกคนไปด้วย

“ข้าเชื่อฟังศิษย์พี่”

“ข้ายินดีจะร่วมทางกับศิษย์พี่”

“ต้องการให้ทำสิ่งใด ศิษย์พี่โปรดพูดมาได้เต็มที่”

ทั้งสี่คนก็ไม่ทราบเช่นกันว่าอีกฝ่ายต้องการให้พวกเขาแสดงผลงานยืนยันแบบใด แต่พากันตอบตกลง ความรู้สึกลิงโลดนัก

ทุกคนรู้เพียงว่าเฉาเซิ่งไหวคือหลานชายของเฉาจิ้ง ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้รับเงินจำนวนนี้มา ล้วนไม่อยากจะพลาดโอกาสได้ลืมตาอ้าปากที่หาได้ยากเช่นนี้ไป…

หลังจากซื้อใจคนพวกนี้แล้วแยกทางกันไป เฉาเซิ่งไหวก็มุ่งหน้ามาหาทางหนิวโหย่วเต้าทันที ต้องการพบกับหนิวโหย่วเต้า ทำภารกิจเสร็จแล้วก็ต้องให้คำตอบแก่หนิวโหย่วเต้า

ยังคงเป็นใต้เถาบุปผาริมธารในภูเขาแห่งนั้น หลังจากหนิวโหย่วเต้าปรากฏตัวขึ้นแล้ว เฉาเซิ่งไหวที่เร้นกายอยู่ในหลืบหน้าผาก็รายงานว่า “จัดการเรื่องสำนักเขามหายานเรียบร้อยแล้ว”

อันที่จริงหนิวโหย่วเต้าที่ยกมือไพล่หลังเดินวนไปวนมาอยู่ริมลำธารทราบเรื่องนี้แล้ว เรื่องสำคัญเช่นนี้เป็นไปไม่ได้ที่เฉาเซิ่งไหวว่าอย่างไรเขาก็ต้องเชื่อไปตามนั้น เขาได้สั่งการให้คนของสำนักเบญจคีรีคอยจับตามองอย่างลับๆ แต่แรกแล้ว สำนักเบญจคีรีส่งข่าวกลับมาแจ้งล่วงหน้าก้าวหนึ่ง

“ลำบากเฉาซยงแล้ว” หนิวโหย่วเต้าเอ่ยชมเชย จากนั้นก็กล่าวว่า “เจ้าว่าทางเฉินถิงซิ่วจะรู้เรื่องที่เหวินซินจ้าวตบหงเหนียงหรือยัง?”

เฉาเซิ่งไหวลังเลเล็กน้อย “เรื่องนี้น่าจะยังไม่รู้ ทางสำนักมีคำสั่งเด็ดขาดลงมา ขณะนี้ในสำนักน่าจะไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยเรื่องนี้กับคนนอกส่งเดช แต่หากรอจนสถานการณ์ซาลงแล้วก็ยากจะบอกได้เช่นกัน”

หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “ดี! ในเมื่อเขาไม่รู้ก็หาทางทำให้เขารู้ซะ ยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งดี”

เฉาเซิ่งไหวทั้งตกใจและโมโห “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ ทางสำนักเพิ่งจะสั่งห้าม เจ้าจะให้ข้ากระทำเรื่องที่ฝ่าฝืนคำสั่งเนี่ยนะ?”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยอย่างเย็นชา “พูดเหลวไหลกับข้าให้น้อยๆ หน่อย! ข้าให้เจ้าทำอะไรเจ้าก็ต้องทำ ทำไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ จะทำงานให้เสร็จสมบูรณ์ได้อย่างไรนั้นเป็นเรื่องของเจ้า ไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องกังวล เฉินถิงซิ่วถ่อมาถึงที่นี่ก็เพื่อสังหารข้า หากข้าออกจากสำนักหมื่นสรรพสัตว์ไปอย่างปลอดภัยไม่ได้ บีบคั้นจนข้าหมดหนทาง เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่ดีเช่นกัน”

เฉาเซิ่งไหวโมโห “เจ้าหมดหนทางอย่างนั้นหรอ? ข้าว่าเป็นข้ามากกว่ากระมังที่หมดหนทาง? เจ้าสั่งงานมาเรื่องแล้วเรื่องเล่า ไม่จบไม่สิ้น คิดว่าสำนักหมื่นสรรพสัตว์เป็นเสือกระดาษหรือไร หากทำเช่นนี้ต่อไป ไม่ช้าก็เร็วข้าคงต้องตายเพราะเจ้า”

หนิวโหย่วเต้าด่าสวนกลับไปทันควัน “เจ้าโง่หรือเปล่า? เรื่องนี้ให้ใครทำก็ไม่เหมาะสมเท่าให้เจ้าทำแล้ว ให้เจ้าทำถึงจะปลอดภัยที่สุด ต่อให้เจ้าไปหาเฉินถิงซิ่วแล้วบอกเขาไปซึ่งหน้า เขาก็ไม่กล้าเอ่ยส่งเดชออกไปเช่นกัน ไม่ใช่เพราะเขากลัวเจ้า แต่เป็นเพราะกลัวปู่ของเจ้า ทำร้ายเจ้าก็เท่ากับล่วงเกินปู่ของเจ้า เจ้าคิดว่าเขาจะกล้าล่วงเกินปู่ของเจ้าในสำนักหมื่นสรรพสัตว์อย่างนั้นหรือ? ต่อให้ออกจากสำนักหมื่นสรรพสัตว์ไปแล้วเขาก็ยังไม่กล้าอยู่ดี เจ้ามีอะไรต้องกลัวกัน จะทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไปทำไม?”

พอถูกด่ามาเช่นนี้ เพลิงโทสะของเฉาเซิ่งไหวก็สลายไปไม่น้อยเลย พอลองคิดดูก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริง คิดดูดีๆ แล้วก็ไม่ได้เสี่ยงอันตรายอันใดเลยจริงๆ

………………………………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า