ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 508

ตอนที่ 508 ควบคุมสถานการณ์ได้

เซ่าซานเสิ่งเข้าใจแล้ว เขาประสานมือค้อมคำนับ “บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับ”

“ไปเถอะ!” เซ่าผิงปอสะบัดแขนเสื้อ สองมือวางลงบนโต๊ะ ก้มหน้ามองคราบเลือดสีแดงสดบนแขนเสื้อ สีหน้าหม่นหมองเศร้าสร้อย

หลายปีมานี้ ข้างกายเขามีผู้บำเพ็ญเพียรคอยช่วยบำรุงฟื้นฟูร่างกาย ทว่าโรคเรื้อรังไม่เคยหายขาด

ตัวเขาเองทราบสาเหตุที่ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้มานานแล้ว หากไม่มีผู้บำเพ็ญเพียงช่วยบำรุงฟื้นฟู เกรงว่าสังขารร่างนี้ของเขาคงโรยราไปนานแล้ว

ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้น จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ฉายชัดอยู่ในแววตาอีกครั้ง เขาเดินอ้อมโต๊ะหนังสือ ไปหยุดยืนอยู่หน้าแผนที่เจ็ดแคว้นที่แขวนอยู่บนผนัง กวาดสายตามองกลับไปกลับมาพลางใช้ความคิด สุดท้ายก็หยุดนิ่งอยู่ในตำแหน่งของมณฑลหนานโจว

เขาหันหลังรีบเดินกลับไปนั่งลงหลังโต๊ะอีกครั้ง ดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา จากนั้นหยิบพู่กันขึ้นมา เรียบเรียงความคิดเล็กน้อย ลงมือจรดพู่กันเขียน เขียนจดหมายหกฉบับในรวดเดียว

ทางนี้เพิ่งจะจัดใส่ซองปิดผนึกเรียบร้อย เซ่าซานเสิ่งก็ยกอ่างน้ำร้อนเข้ามา ยื่นผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนบิดหมาดให้เขาเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก

เซ่าผิงปอไม่ได้รับมา แต่ยื่นจดหมายทั้งหกฉบับนั้นให้เขาแทน “แบ่งให้ซ่งซูกับเฉินกุยซั่วคนละสามฉบับแยกกันไปติดต่อหกสำนักใหญ่ในแคว้นเยี่ยนและแคว้นหาน ซ่งซูไม่กล้ากลับไปที่แคว้นเยี่ยน ให้ซ่งซูนำจดหมายข้าไปส่งยังสำนักร้อยชลา วังเลิศหล้าและสำนักเทพนารีในแคว้นหาน แล้วให้เฉินกุยซั่วไปติดต่อวังเหินเวหา วิมานม่วงทองและหุบเขากระบี่วิญญาณในแคว้นเยี่ยนแทน รีบไปเดี๋ยวนี้ อย่าได้ชักช้า!” จากนั้นถึงรับผ้าขนหนูอุ่นๆ ไปเช็ดมุมปาก

เซ่าซานเสิ่งมองของในมือ พบว่าเป็นจดหมายที่จ่าหน้าถึงหกสำนักใหญ่ อดตกใจไม่ได้ “คุณชายใหญ่ นี่หมายความว่าอย่างไรขอรับ?”

เขาไม่เข้าใจว่าจะเข้าหาทั้งสองทางในเวลาเดียวกันได้อย่างไร

เซ่าผิงปอถือผ้าขนหนูอุ่นๆ ไว้ในมือ ใคร่ครวญเล็กน้อยแล้วเอ่ยไปว่า “การที่ติดต่อหกสำนักใหญ่ในเวลาเดียวกัน คงจะต้องการยุแยงหกสำนักให้แก้ไขข้อพิพาทเรื่องมณฑลเป่ยโจว ข้าไหนเลยจะปล่อยให้เขาสมหวังได้ หากข้าแสร้งทำเป็นฝ่ายเริ่มเจรจาว่ายินดีหวนคืนแคว้นเยี่ยน กลุ่มอิทธิพลทางแคว้นเยี่ยนจะยังลงมือกับข้าอีกหรือ? ในเมื่อได้มณฑลเป่ยโจวกลับมา มีหรือที่พวกเขาจะเอาเพียงครึ่งเดียวอีก กับแคว้นหานเองก็จะใช้หลักการนี้เช่นกัน! ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดที่ได้รับจดหมายข้าไป จะต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไม่แพร่งพรายออกไปแน่นอน ด้วยหวั่นเกรงว่าจะทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวและกระทบถึงการควบรวมมณฑลเป่ยโจว”

เซ่าซานเสิ่งกระจ่างขึ้นมาในทันใด เข้าใจแล้ว “เจตนาของคุณชายใหญ่คือต้องการจะหยุดหกสำนักใหญ่เอาไว้ก่อนสินะขอรับ”

เซ่าผิงปอกล่าวว่า “เจรจาถ่วงสมดุลระหว่างหกสำนักใหญ่เอาไว้ก่อน เมื่อหกสำนักใหญ่ไม่มีความเคลื่อนไหว ก็จะสามารถถ่วงสมดุลระหว่างแคว้นเยี่ยนและแคว้นหานเอาไว้ได้ ทั้งยังถ่วงสมดุลสำนักเขามหายานได้ด้วย ถ่วงเวลาพวกเขาเอาไว้ก่อน พยายามซื้อเวลาเพื่อกำจัดหนิวโหย่วเต้าให้ได้ก่อน ขอเพียงไม่มีคนผู้นี้เข้ามาเป็นก้างขวางคอ เป่ยโจวจะเอนเอียงไปทางฝั่งไหน หรือจะเหยียบเรือสองแคมต่อไปก็เอาไว้รอดูสถานการณ์กันอีกที ไอ้สารเลวแซ่หนิวยุแยงถึงประโยชน์ใหญ่โตเช่นนี้นับว่าเล่นกับไฟอยู่ หากว่าไม่ได้ผลจริงๆ ข้าจะใช้เป่ยโจวเป็นเหยื่อล่อ ผู้ใดสังหารหนิวโหย่วเต้าได้ข้าจะก็ยอมเข้ากับทางฝ่ายนั้น ปล่อยให้เขาตายเพราะไฟเสีย สรุปคือไม่มีทางปล่อยให้เขาได้อยู่ดีแน่!”

เซ่าซานเสิ่งตื่นเต้นอย่างยิ่ง รีบพยักหน้ารับ “ขอรับ ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”

….

ภายในห้องลับห้องหนึ่ง เซ่าซานเสิ่งเร่งเดินเข้าไป เฉินกุยซั่วที่นั่งรออยู่ด้านในลุกขึ้นมาทันที ประสานมือเอ่ยไปว่า “ท่านเซ่า”

เซ่าซานเสิ่งโบกมือ สื่อว่าไม่ต้องมากพิธี ล้วงจดหมายลับสามฉบับจากในแขนเสื้อยื่นส่งให้เขา “เจ้าต้องออกเดินทางอย่างลับๆ ในทันที นำจดหมายสามฉบับนี้ไปส่งยังที่หมาย”

เฉินกุยซั่วรับไปแล้วอ่านหน้าซองเล็กน้อย ที่เขียนจ่าหน้าซองไว้แบ่งออกเป็นเรียนวังเหินเวหา เรียนวิมานม่วงทองและเรียนหุบเขากระบี่วิญญาณ เขาค่อนข้างแปลกใจ “ท่านเซ่า สำนักใหญ่ระดับนี้ หากข้าไปแล้วพวกเขาจะยอมพบข้าหรือขอรับ?”

เซ่าซานเสิ่งเอ่ยว่า “จะยอมพบเจ้าหรือไม่ก็ไม่สำคัญ หากยอมพบเจ้าก็ดี ไม่ยอมพบเจ้าก็ช่าง สิ่งสำคัญคือต้องส่งมอบจดหมายให้ถึงมือ ขอเพียงสามสำนักได้เห็นจดหมายก็พอ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไร เข้าใจหรือไม่?”

“ขอรับ!” เฉินกุยซั่วพยักหน้ารับ เก็บจดหมายสามฉบับซ่อนไว้ในอกเสื้ออย่างระมัดระวัง เอ่ยไปว่า “ประเดี๋ยวข้าไปลาอาจารย์อาซ่งแล้วจะออกเดินทางทันทีขอรับ”

เซ่าซานเสิ่งห้ามไว้ “ข้าบอกแล้ว ให้ออกเดินทางอย่างเป็นความลับในทันที! ไม่ต้องไปพบผู้ใดทั้งสิ้น ทางฝั่งซ่งซูข้าจะไปอธิบายแทนเจ้าเอง เจ้ารีบไปปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์เถอะ ข้าจะจัดการส่งเจ้าออกจากเมืองอย่างเงียบๆ อย่าทำให้ผู้ใดรู้ตัว ระหว่างทางก็ห้ามให้ผู้ใดรู้เรื่องเช่นกัน หากเกิดข้อผิดพลาดใดๆ ขึ้น ระวังชีวิตน้อยๆ เจ้าไว้เถอะ!”

เฉินกุยซั่วรีบตอบ “ขอรับ!”

เซ่าซานเสิ่งหยิบตั๋วแลกทองมูลค่าหนึ่งร้อยเหรียญทองให้เขาอีกร้อยใบ รวมเป็นหมื่นเหรียญทองไว้ใช้สำหรับเป็นค่าเดินทาง

ต่อให้เป็นค่าเดินทางก็ไม่จำเป็นต้องมากขนาดนี้เลย เห็นได้ชัดว่าเป็นค่าแรง

“หลังจบเรื่องแล้ว จะมีรางวัลให้อย่างงามอีก!” เซ่าซานเสิ่งตบแขนเขาพลางเอ่ยอย่างหนักแน่นมีนัย

…..

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม เฉินกุยซั่วก็อยู่นอกเมืองแล้ว ควบม้าวิ่งห้อไปตามทางหลวง

หลังจากห่างตัวเมืองมาไกลแล้ว เฉินกุยซั่วมองซ้ายมองขวาอยู่พักหนึ่ง กระทั่งไม่เห็นใครอยู่รอบข้างแล้ว เขาก็รั้งบังเหียนในทันใด บังคับม้าเปลี่ยนเส้นทาง ควบม้าพุ่งเข้าสู่ป่า

พอมาถึงใต้หน้าผาที่ลับตาแห่งหนึ่งในป่าทึบ เขาก็โดดลงจากหลังม้า หยิบจดหมายลับสามฉบับนั้นออกมา เปิดจดหมายทันที ระหว่างที่อ่านดูเนื้อหาในจดหมายก็คอยเงยหน้าสังเกตการณ์รอบข้างอย่างระมัดระวังเป็นระยะๆ ไล่อ่านไปทีละฉบับ…

….

ด้านในและด้านนอกของโพรงถ้ำภายในป่าเต็มไปด้วยซากโบราณวัตถุที่มีอายุนับพันปี พระพุทธรูปที่ผ่านการเคี่ยวกรำของกาลเวลาตั้งอยู่ทุกแห่งหน ผ่านลมฝนแสงแดดสาดส่องมาเนิ่นนานจนมองไม่เห็นใบหน้าแล้ว เหลืออยู่เพียงเค้าโครง ภายในโพรงถ้ำบางส่วนยังคงมีพระพุทธที่เห็นโครงสร้างชัดเจนอยู่ แต่ก็เหลือไม่มากแล้วเช่นกัน

โบราณสถานอารยธรรมศาสนาพุทธที่ซุกซ่อนอยู่ในชัยภูมิมงคลแห่งนี้ก็คือเขามหายาน

ที่ตีนเขามหายาน คนหลายสิบคนปีนขึ้นหลังม้า แยกตัวเป็นสองกลุ่ม

กลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าไปยังจวนผู้ว่าการมณฑลเป่ยโจว อีกกลุ่มมีเจ้าสำนักหวงเลี่ยนำกลุ่มด้วยตัวเอง

หวงเลี่ยขี้ม้านำอยู่ด้านหน้า แขนเสื้อปลิวสะบัดโต้ลม เขามีสีหน้าตึงเครียด เร่งม้ามุ่งหน้าสู่สำนักหมื่นสรรพสัตว์โดยไม่หยุดพัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า