ตอนที่ 509 ตายอย่างมีเกียรติ
เฉินถิงซิ่วผงะไปเล็กน้อย คิดๆ ไปก็คิดว่าจริงดั่งว่า ด้วยอิทธิพลของเหวินซินจ้าวแล้ว นางจะไม่สามารถสังหารหงเหนียงได้อย่างไร ดูเหมือนการที่จู่ๆ ตนก็ไปพูดถึงเรื่องนั้นมันออกจะวู่วามไปหน่อย ที่แท้การที่ขับไล่ตนออกมาก็เป็นการแสดงให้ตู้อวิ๋นซางดูนี่เอง
เขารีบชี้แจงว่า “เป็นผู้น้อยที่ประมาทไป ตอนนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรจริงๆ ผู้น้อยไหนเลยจะนัดหมายฮูหยินให้ออกมาพบกันได้ จึงทำได้เพียงไปหาถึงที่”
ชายชราหน้าตายเอ่ยว่า “หยุดพูดเหลวไหล จะไปหรือไม่ไป”
เฉินถิงซิ่วรีบยิ้มแล้วเอ่ยว่า “คำเชิญของฮูหยิน มีหรือจะกล้าขัดขืน ผู้น้อยย่อมต้องไปตามนัด”
“พวกเราไม่สะดวกจะไปพร้อมกัน เจ้าไปเองแล้วกัน” ชายชราหน้าตายเอ่ยทิ้งท้ายไว้แล้วจากไป เฉินถิงซิ่วเร่งเดินตามไป คิดจะออกไปส่ง ใครจะทราบว่าคนเขากลับเอ่ยกลับมาประโยคหนึ่ง “ไม่ต้องไปส่ง จะเป็นจุดสนใจได้ง่าย”
เฉินถิงซิ่วได้แต่หยุดเท้า ประสานมือมองส่งอีกฝ่ายก้าวออกจากประตูไป
พอนึกย้อนดู จิตใจก็เบิกบานขึ้นมา เสมือนค้นพบทางสว่างในหนทางที่เหมือนแปดด้าน ยิ้มหน้าบานขึ้นมา มีความสุขอยู่ในใจ
หากเหวินซินจ้าวออกโรงจัดการหนิวโหย่วเต้า หนิวโหย่วเต้าจะรอดไปได้อย่างไร ส่วนหงเหนียง ขอเพียงหนิวโหย่วเต้าตายไป สำนักหยกสวรรค์จัดการหงเหนียงให้เหวินซินจ้าวก็นับว่าเป็นการตอบแทนกันมิใช่หรือ?
ฝั่งหนึ่งไม่สะดวกจัดการหนิวโหย่วเต้าด้วยตัวเอง อีกฝั่งหนึ่งไม่สะดวกจัดการหงเหนียงเอง นับว่าเหมาะสมกันพอดี เฉินถิงซิ่วนึกชื่นชมในกลยุทธ์ของตน ส่ายหน้าเล็กน้อย เอ่ยกับตัวเองอย่างติดตลกว่า “หนิวโหย่วเต้าหนอหนิวโหย่วเต้า เกรงว่าต่อให้เจ้าหลับฝันก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่าตนจะตายเพราะพิษความหึงหวงที่สตรีมีต่อบุรุษ? รับลูกน้องเช่นใดไม่รับ ดันรับสตรีสำส่อนมา รสนิยมเช่นนี้ทำให้คนดูแคลนโดยแท้ หงเหนียงแห่งเมืองหลวงแคว้นฉี ฮ่าๆ ชื่อเสียงสมคำร่ำลือนัก!”
เมื่อเห็นเขาดีอกดีใจ เหล่าศิษย์ก็เข้ามาหา เขาสั่งการทันที “ตามข้ามาสองคน ที่เหลือรออยู่ที่นี่”
จากนั้น คนสามคนก็ก้าวออกจากประตูไป มุ่งหน้าไปยังประตูสำนักหมื่นสรรพสัตว์
พอพ้นประตูสำนักออกไป เฉินถิงซิ่วก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปเล็กน้อย เขาเห็นเหวินซินจ้าวยืนสง่าอยู่บนยอดไม้ที่อยู่ไม่ไกล ชายกระโปรงแผ่พลิ้ว คล้ายกำลังคอยเขาอยู่
กลัวจะถูกคนพบเห็นมิใช่หรือ? เหตุใดถึงมาคอยอยู่ที่นี่ล่ะ?
แม้จะมีข้อสงสัย ทว่าเขาไม่กล้าโอ้เอ้ รีบทะยานเข้าไปหาทันที ยืนอยู่ใต้ต้นไม้พลางฉีกยิ้มหน้าบาน ประสานมือเงยหน้ามองด้านบน “ฮูหยินตู้!”
เหวินซินจ้าวยืนอยู่บนที่สูง หลุบตามองลงมา
ในป่าด้านล่างต้นไม้ ชายชราหน้าตายเดินเนิบๆ เข้ามา เดินมาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าเฉินถิงซิ่ว
เฉินถิงซิ่วประสานคำนับอีกครั้ง “ยังไม่ทราบนามของท่าน…” วาจาขาดห้วงไปในทันใด
ประกายแสงเยียบเย็นพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของชายชราหน้าตาย ทะลุผ่านหัวใจของเฉินถิงซิ่วออกไปทางด้านหลัง โลหิตสดๆ สาดกระเซ็น
“เจ้า…” เฉินถิงซิ่วเบิกตากว้าง ค่อยๆ ก้มหน้ามองทรวงอกตน
มีดสั้นเล่มหนึ่งพุ่งขึ้นสู่อากาศแล้ววาดโค้งพุ่งวนกลับลงมา เกิดเป็นลำแสงสายหนึ่งวาดอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็มีโลหิตทะลักออกมาจากลำคอของเฉินถิงซิ่วอีกครั้ง ทำให้เฉินถิงซิ่วหงายหลังล้มลงบนพื้น นอนชักกระตุกอยู่บนพื้น เบิกตามองชายชราหน้าตายที่อยู่เบื้องหน้า จากนั้นตวัดสายตามองเหวินซินจ้าวที่ทอดมองลงมาจากยอดไม้อย่างยากลำบาก
ไม่เข้าใจเลย เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ เหตุใดถึงสังหารเขาเล่า? ซ้ำยังลงมือสังหารเขาหน้าประตูทางเข้าสำนักหมื่นสรรพสัตว์อีก!
ประกายแสงเยียบเย็นพุ่งวาบเข้ามา ชายชราหน้าตายวาดแขนเสื้อคราหนึ่ง มีดบินกลับเข้าสู่แขนเสื้อ เอาชีวิตคนผู้หนึ่งอย่างง่ายดาย เฉินถิงซิ่วไม่มีเวลาให้ได้ตั้งตัวเลย
“อาจารย์!” สองศิษย์ที่ติดตามมาตกใจตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อยถึงจะได้สติหวีดร้องออกมา เบิกตามองเฉินถิงซิ่วที่ล้มอยู่บนพื้น ภายใต้สายตาที่จ้องมองมาชายชราหน้าตาย พวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้
เหวินซินจ้าวที่อยู่บนยอดไม้ก้มลงมองเล็กน้อย หากมิใช่เพราะต้องมีคำอธิบายสักอย่างให้แก่ศิษย์พี่ แค่จัดการคนเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องให้นางปรากฏตัวเลย
นางลงมือหน้าประตูสำนักหมื่นสรรพสัตว์แล้วจะทำไม คิดว่านางจะล่อเฉินถิงซิ่วออกไปไกลๆ อย่างนั้นหรือ? นางคร้านจะเสียเวลากับเฉินถิงซิ่วแล้ว ไม่ลงมือภายในสำนักหมื่นสรรพสัตว์ก็นับว่าไว้หน้าสำนักหมื่นสรรพสัตว์แล้ว ส่วนสำนักหยกสวรรค์อันใด ในมุมมองของนางแล้วจะนับเป็นตัวอันใดกัน? ก็แค่สังหารผู้อาวุโสคนหนึ่งในสำนักหยกสวรรค์เท่านั้น แล้วอย่างไรเล่า? สำนักหยกสวรรค์จะกล้ามาทวงถามเอาความกับสำนักชะตาสวรรค์หรือ?
นางทะยานกายพุ่งออกไป ร่อนลงนอกประตูทางเข้าสำนักหมื่นสรรพสัตว์ ค่อยๆ เดินนวยนาดเข้าไปด้านใน ไม่หลบเร้นแม้แต่น้อย สีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์
ศิษย์สำนักหมื่นสรรพสัตว์ที่เฝ้าประตูอยู่ตกใจไปกับภาพเหตุการณ์นี้เช่นกัน ศิษย์สองคนที่เฝ้าอยู่สองฝั่งซ้ายขวาของประตูค่อยๆ หันมองพร้อมกัน เฝ้ามองเหวินซินจ้าวเดินเข้าไปด้านใน อ้าปากค้างพูดไม่ออก
เมื่อชายชราหน้าตายแน่ใจว่าเฉินถิงซิ่วตายแล้วก็ทะยานตามมา ติดตามเหวินซินจ้าวไป
“อาจารย์!” ศิษย์สำนักหยกสวรรค์ทั้งสองคุกเข่าลงข้างร่างของเฉินถิงซิ่ว โอบกอดศพพลางร้องไห้โหยหวน
เรื่องนี้จะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะบอกว่าเล็กก็ไม่เล็ก อย่างน้อยก็เป็นเหตุการณ์อึกทึกครึกโครมไม่น้อยเลย
เห็นได้ชัดว่าเหวินซินจ้าวตั้งใจเปิดเผย เมื่อกลับไปถึงเรือนที่พำนักอยู่ มองเห็นตู้อวิ๋นซางนั่งสมาธิอยู่บนตั่งภายในศาลา
ตู้อวิ๋นซางทราบดีว่าผู้ใดมาจึงไม่ได้ลืมตาขึ้น
เหวินซินจ้าวมองเขาอยู่เงียบๆ พักหนึ่ง เอ่ยเสียงเบาว่า “คนสำนักหยกสวรรค์ผู้นั้นถูกสังหารนอกประตูสำนักหมื่นสรรพสัตว์แล้ว แต่มีคนเห็นเหตุการณ์เข้า อาจจะเกิดปัญหาวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย”
ตู้อวิ๋นซางยังคงไม่ลืมตาขึ้นมา เอ่ยเนิบๆ ว่า “ปัญหาของเจ้าก็คือปัญหาของข้า เจ้ามีปัญหาข้าย่อมช่วยแบกรับ ไปพักผ่อนเถอะ”
มุมปากเหวินซินจ้าวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ตั้งแต่เล็กจนโตนางชอบให้ศิษย์พี่พูดจาทำนองนี้กับนางนัก นางตอบ “อืม” คำหนึ่ง เดินออกไปอย่างสงบเฉยเมยเช่นนี้
….
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
ภายในตำหนักหลัก ซีไห่ถังที่กำลังรับแขกอยู่ลุกพรวดขึ้นมา รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
แขกผู้มีเกียรติที่นั่งอยู่สองฝั่งซ้ายขวาก็ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าตกตะลึง มองหน้ากันเหลอหลา
ผู้ที่มารายงานคือเฉาจิ้ง เขาเอ่ยอย่างยิ้มไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เจ้าสำนัก ไม่ผิดพลาดแน่ขอรับ ศิษย์ที่เฝ้านอกประตูสำนักเห็นมากับตา ตอนนี้ศิษย์สำนักหยกสวรรค์แบกศพร้องขอความเป็นธรรมอยู่ด้านนอกแล้ว ต้องการให้สำนักหมื่นสรรพสัตว์เรามอบคำอธิบายให้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า