ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 526

ตอนที่ 526 ไอ้เด็กคนนั้นเล่นข้าเข้าแล้ว

จู่ๆ ตะเกียงน้ำมันทางนี้ก็สลัวลงไปส่วนหนึ่ง ดึงดูดความสนใจของผู้บำเพ็ญเพียรทั้งสองคนที่เฝ้าอยู่ในคุก มีคนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามา ร่อนตัวลงหน้าห้องขังแล้วมองสำรวจดู ไม่พบความผิดปกติใดๆ

เซ่าซานเสิ่งมองเซ่าผิงปอที่อยู่ด้านในอย่างตกตะลึง มีคนอยู่เขาไม่กล้าเผยพิรุธใดๆ ออกไป แต่มองเซ่าผิงปอที่อยู่ด้านในด้วยแววตาที่ซับซ้อนนัก

เซ่าผิงปอที่ก้มหน้าหลับตาอยู่เอ่ยเนิบๆ ขึ้นมา “ตะเกียงดับแล้ว เติมน้ำมันตะเกียงสิ”

“ขอรับ!” เซ่าซานเสิ่งลุกขึ้นมา ปลดสลักกลอนประตูห้องขังออกต่อหน้าผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้น เปิดประตูห้องขังแล้วเดินเข้าไป

การที่เขาสามารถเข้านอกออกในห้องขังได้อย่างเสรี เซ่าผิงปอไม่ได้เป็นนักโทษจริงๆ สำนักเขามหายานก็ไม่ได้ทำเกินเลยไป อนุญาตให้เซ่าซานเสิ่งเข้าออกเพื่อปรนนิบัติดูแลเซ่าผิงปอได้

เซ่าซานเสิ่งเข้าไปด้านในแล้วจับตะเกียงน้ำมันที่อยู่บนผนัง ผู้บำเพ็ญเพียรที่ไม่พบความผิดปกติใดๆ ก็หันหลังเดินกลับไป

ตะเกียงน้ำมันที่ดับไปถูกจุดให้สว่างขึ้น เซ่าซานเสิ่งกระซิบเรียก “คุณชายใหญ่…”

เซ่าผิงปอส่ายหน้าเล็กน้อย “ไม่ต้องรีบ! อาจจะเข้าใจผิดไปก็ได้ รอดูต่อไป”

เขาหันหลังเดินไปหน้าลูกกรงที่ขวางอยู่ มองไปทางประตูคุกใต้ดิน เฝ้ารอคอย

“เปิดประตู!” เสียงของจงหยางซวี่แว่วรางๆ มาจากนอกคุก

เสียงโซ่เหล็กแว่วกระทบดังแกรกกราก แสงสว่างลอดเข้ามาจากประตูคุกที่เปิดออก คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามามีจงหยางซวี่เป็นผู้นำกลุ่ม

“อาจารย์!” ศิษย์ทั้งสองคนที่เฝ้าอยู่ภายในคุดรีบทำความเคารพ

เซ่าผิงปอที่ยืนอยู่ในห้องขังจ้องมองออกไป จ้องกระบี่ล้ำค่าในมือจงหยางซวี่เดินอาดๆ เข้ามา ขบกรามจนแก้มตึงเล็กน้อย ความหวังสุดท้ายมอดดับลง

จงหยางซวี่ก็มองเงาร่างของเซ่าผิงปอที่อยู่ภายในห้องขังเช่นกัน จ้องมองพลางเดินเข้าไปหา สีหน้าหนักใจ

ทันใดนั้นเซ่าผิงปอพลันเหยียดแขนสองข้างออกไป สองมือประสานกันค้อมกายให้ คำนับพร้อมตะโกนเสียงดัง “ท่านลุง ละเว้นท่านพ่อด้วย!”

เซ่าซานเสิ่งที่ยืนอยู่หน้าตะเกียงน้ำมันอีกดวงลงมือทันที คว้าเข้าที่คันวางตะเกียงน้ำมันที่อยู่บนผนังพลางออกแรงดัน เกิดเสียงดังคลิกแว่วมาจากด้านในผนัง

ภายในทางเดินคุกใต้ดิน ลูกกรงเหล็กแถวหนึ่งพลันร่วงลงมาจากด้านบน กระแทกพื้นเสียงดังตึง

พวกจงหยางซวี่ตะลึงไปครู่หนึ่ง ขณะที่ลูกกรงเหล็กร่วงลงมา ก้อนหินที่คล้ายกับหินผากก็กระแทกลงมาเสียงดังโครมคราม สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันบดบังเงาร่างที่กำลังประสานมือค้อมคำนับนิ่งๆ อยู่

“อา!” เหล่าศิษย์สำนักเขามหายานตกใจอย่างยิ่ง

จงหยางซวี่ทั้งโมโหและตกใจ เกิดเสียงดังชิ้ง! กระบี่พ้นออกมาจากฝัง ฟันผ่าแผ่นหินเพื่อเปิดทาง

เคร้งๆ! กระบี่ล้ำค่าฟันลงบนลูกกรงเหล็กที่ขวางกั้นอยู่ แต่ก็ทำให้เกิดรอยบากขึ้นไม่กี่รอยเท่านั้น ไม่สามารถฟันให้ขาดได้ ลูกกรงเหล็กนี้สร้างขึ้นจากเหล็กหล่อชั้นดี

สุดท้าย จงหยางซวี่ซัดฝ่ามือออกไปอย่างรุนแรง ทำให้ลูกกรงเหล็กพังทลายลงพร้อมกับผนัง

รอจนกลุ่มคนฝ่าออกมาจากแผ่นหินได้ ทำลายเปิดทางขึ้นช่องหนึ่งแล้วพุ่งเข้าสู่ด้านใน ไหนเลยจะยังมองเห็นเงาร่างที่อยู่ในห้องขังสุดปลายทางเดินคุกใต้ดินอีก

เซ่าผิงปอและเซ่าซานเสิ่งอันตรธานหายไปแล้ว

เพราะจดจำฉากที่เซ่าซานเสิ่งดันตะเกียงน้ำมันได้ จงหยางซวี่จึงพุ่งเข้าไปด้านในแล้วดันตะเกียงน้ำมันอย่างรวดเร็ว ผนังเบื้องหน้าดูเหมือนจะหลวมคลายลงเล็กน้อย

ด้วยการผลักของจงหยางซวี่ ผนังเคลื่อนกลับเข้าไปด้านในเล็กน้อย พลิกหมุนเผยให้เห็นปากหลุมมืดมิดแห่งหนึ่ง มีบันไดทอดยาวลงไป

“ยังหนีไปได้ไม่ไกล ตาม! หาพบสังหารได้ทันที!” จงหยางซวี่ตวาดด้วยความโมโห

ผีเสื้อจันทราหลายตัวบินออกมา ศิษย์สำนักเขามหายานหลายคมเข้าไปในอุโมงค์ใต้ดิน จงหยางซวี่ก็ลงไปด้วยเช่นกัน

ผีเสื้อจันทรากระพือปีก โผบินอยู่ภายในอุโมงค์ใต้ดินอย่างรวดเร็ว อุโมงค์ใต้ดินทอดยาวนัก ไม่ทราบเช่นกันว่ามุ่งหน้าไปยังที่ใด

พอไล่ตามไปได้ครึ่งทาง จงหยางซวี่ตระหนักได้ถึงความผิดปกติ ด้วยความเร็วของมนุษย์ธรรมดาอย่างเซ่าผิงปอไม่มีทางหลบหนีได้ว่องไวปานนั้นและด้วยความเร็วของพวกเขา สมควรไล่ตามไปทันถึงจะถูก

ณ ปลายทาง ทั้งกลุ่มมาถึงปลายอุโมงค์แล้ว พบว่าเป็นห้องศิลาไม่มีเส้นทางไปต่ออีก

ภายใต้แสงของผีเสื้อจันทรา มีโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางห้องศิลาเรียบง่าย

ทั้งกลุ้มรีบสำรวจผนังสี่ด้านและพื้นห้อง ใช้พลังค้นหาว่ามีเส้นทางลับอื่นใดหรือไม่

จงหยางซวี่เดินเข้าไปที่ข้างโต๊ะ มองเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะ บนกระดาษมีอักษรเขียนไว้แถวหนึ่ง ‘จะไว้ชีวิตพวกเจ้า อย่าทำร้ายท่านพ่อ เลี่ยงไม่ให้สำนักเขามหายานเผชิญภัยล่มจมทั้งสำนัก!’

เมื่อประกอบเข้ากับสถานการณ์แล้ว สามารถเข้าใจความหมายในกระดาษได้ไม่ยากเลย

คล้ายต้องการจะบอกว่า สามารถล่อพวกเจ้ามาถึงที่นี่ได้ หากต้องการสังหารพวกเจ้าก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ ที่ไม่สังหารพวกเจ้าก็เพราะเห็นแก่ท่านพ่อของข้า ข้าจึงยอมละเว้นพวกเจ้า พวกเจ้าก็อย่าได้แตะต้องท่านพ่อข้าเช่นกัน มิเช่นนั้นข้าจะทำให้สำนักเขามหายานล่มจมทั้งสำนัก!

“ไอ้เด็กคนนั้นเล่นข้าเข้าแล้ว!” จงหยางซวี่ตวาดเสียงดัง ขยำกระดาษในมือแน่น โกรธจนตัวสั่นไปหมด

เห็นได้ชัดเจนนักว่าคำเตือนนี้ไม่ได้เพิ่งเขียนขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ มองจากร่องรอยความสดใหม่ของตัวอักษรที่เขียนไว้ก็รู้แล้วว่าถูกเขียนเตรียมไว้ที่นี่ล่วงหน้าเพื่อวันนี้ หากว่าเซ่าผิงปอไม่หลบหนี พวกเขาก็จะไม่ได้พบจดหมายฉบับนี้ เพราะเขาทำตรงกันข้ามถึงได้เห็น

กล่าวก็คือ การคุมขังจับตามองของสำนักเขามหายานเป็นเรื่องตลกทั้งเพ หากอีกฝ่ายคิดจะหลบหนีก็สามารถหลบหนีออกไปได้ตั้งนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงตอนนี้เลย

จากนั้นก็หวนนึกถึงฉากตอนที่เซ่าผิงปอคำนับอำลาอย่างไม่ตระหนกลนลาน สงบเยือกเย็นถึงเพียงใด สุขุมลุ่มลึกถึงเพียงใด ราวกับไม่เห็นสำนักเขามหายานเลย การกระทำเสมือนตบหน้าผู้อาวุโสของสำนักเขามหายานอย่างเขาที่ประจำการอยู่ในจวนผู้ว่าการมณฑลเข้าเต็มเปา แล้วจะไม่ให้จงหยางซวี่โมโหได้อย่างไรเล่า

หากปล่อยให้เซ่าผิงปอหนีรอดไปได้ภายใต้จมูกเช่นนี้ เขาจะไปอธิบายต่อทางสำนักอย่างไรเล่า?

“ต้องมีทางลับอื่นซ่อนอยู่ระหว่างทางแน่ ค้นหาให้ข้าซะ!” จงหยางซวี่ตวาดอย่างกราดเกรี้ยว สั่นสะเทือนไปทั่วห้องศิลาจนเกิดเสียงดังหึ่งๆ

เป็นอย่างที่เขากล่าวไว้จริงๆ ทั้งกลุ่มใช้เวลาย้อนกลับไปค้นครู่หนึ่ง พบเส้นทางลับอีกสายภายในอุโมงค์จริงๆ

อันที่จริงแล้วเส้นทางลับอยู่ภายในจุดหนึ่งซึ่งไม่ห่างจากปากทางเข้าของอุโมงค์ใต้ดิน เพียงแต่ไม่ทราบว่ากลไกเปิดอยู่ตรงไหนก็เท่านั้น

เกิดเสียงครืน ผนังที่ปิดทางเข้าเส้นทางลับถูกพังจนถล่ม พวกจงหยางซวี่ไล่ตามเข้าไปอีกครั้ง บนผนังอุโมงค์ภายในเส้นทางลับปรากฏคราบเลือดอยู่ บนพื้นก็มีคราบเลือดหยดเป็นดวงๆ…

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า