ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 538

ตอนที่ 538 มีความเป็นไปได้สูงว่าฐานะข้าจะเปิดเผยแล้ว!

ไม่ใช่แค่ที่จวนอิงอ๋องเท่านั้น คืนนี้มีคนมากมายที่ยากจะข่มตานอนได้ ภายในเมืองหลวงอันใหญ่โตแห่งนี้ พฤติกรรมที่ผิดแผกไปใดๆ ขององค์ฮ่องเต้ล้วนส่งผลกระทบต่อคนมากมาย

พวกหนิวโหย่วเต้าที่เพิ่งเข้าสู่เมืองหลวงแคว้นฉีก็ถูกกักบริเวณเอาไว้ที่เรือนรับรองแขกต่างแคว้นเองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

เขาคิดไม่ออกเลยว่าถูกคุมตัวด้วยเหตุผลใด ไร้ซึ่งสัญญาณใดๆ

จวบจนฟ้าสาง รอจนถึงยามสายถึงได้มีเสียงกุกกักแว่วมาจากนอกเรือน รถม้าคันหนึ่งจอดอยู่หน้าประตูเรือน

ขันทีคนหนึ่งเดินเข้ามาหาหนิวโหย่วเต้า เชิญหนิวโหย่วเต้าไป

“ผู้ดูแลหลวงมาแล้วหรือ?” หนิวโหย่วเต้าถาม

ขันทียิ้มให้แต่ไม่ตอบ เพียงเชิญหนิวโหย่วเต้าออกประตูไป จากนั้นก็เชิญเขาขึ้นรถม้า

หนิวโหย่วเต้าไม่ได้รีบร้อนขึ้นรถม้าไป แต่เลิกม่านรถม้ามุมหนึ่งขึ้น มองเข้าไปด้านในเล็กน้อย ผลคือมองเห็นคนผู้หนึ่งนั่งนิ่งอยู่ด้านในอย่างสงบเยือกเย็น หากมิใช่ปู้สวินแล้วจะเป็นใครไปได้

“ให้เจ้าคอยเสียนาน ช่วยไม่ได้จริงๆ ต้องรอให้ว่าราชการเช้าจบก่อนข้าถึงจะว่าง” ปู้สวินอธิบายเล็กน้อย

หนิวโหย่วเต้ากลอกตาทีหนึ่ง เดินไปที่ข้างรถม้า ใช้กระบี่เลิกเปิดม่านหน้าต่าง ถามปู้สวินที่อยู่ด้านใน “มีอะไรกันแน่?”

ปู้สวินยิ้มละไม “ขึ้นรถเถอะ เป็นเรื่องดี”

“เรื่องดีหรือ?” หนิวโหย่วเต้ามีสีหน้าสงสัย

ปู้สวินพยักหน้านิดๆ “นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับเจ้า”

หนิวโหย่วเต้าฉงน ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรกันแน่ เขามองซ้ายมองขวา พบว่ามีรถม้าคันเดียว จึงถามขึ้นอีก “แล้วคนอื่นจะทำอย่างไร?” เขาหมายถึงก่วนฟางอี๋และลุงเฉินที่อยู่ทางนี้

“พวกเขาอยากไปไหนก็ตามสบาย ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา” พอสิ้นเสียงของปู้สวิน ขันทีติดตามที่อยู่ข้างรถม้าก็ส่งสัญญาณมือเล็กน้อย ผู้บำเพ็ญเพียรที่เฝ้าอยู่รอบเรือนทะยานจากไปคนแล้วคนเล่า ยกเลิกการจับตามองเรือนหลังนี้

หนิวโหย่วเต้าหันกลับไปส่งสายตาให้ก่วนฟางอี๋เล็กน้อย จากนั้นกระโดดขึ้นไปบนคานรถม้า มุดเข้าไปด้านใน

รถม้าเคลื่อนออกจากเรือนรับรอง มีม้าสองตัวนำอยู่ด้านหน้าคอยเปิดทางให้ มีม้าตามประกบหลังอีกสองตัว ล้วนแต่งการด้วยชุดลำลอง มีเพียงปู้สวินซึ่งอยู่ในรถม้าที่สวมชุดชาววัง

หนิวโหย่วเต้าใช้ฝักกระบี่เลิกม่านรถม้ามองผู้คนที่เดินสัญจรบนถนนด้านนอกอยู่ครู่หนึ่งถึงได้ปล่อยม่านลง หันมาเอ่ยถาม “ว่ามาเถอะ มีเรื่องใดกันแน่?”

ปู้สวินเอ่ยว่า “จะพาเจ้าไปพบผู้สูงศักดิ์คนหนึ่ง?”

“ผู้สูงศักดิ์? ผู้สูงศักดิ์คนใด? องค์จักรพรรดิหรือ? แต่นี่มิใช่เส้นทางไปวังหลวงกระมัง? หรือว่าเป็นผู้นำสามสำนักใหญ่?” หนิวโหย่วเต้ายิงคำถามต่อเนื่องรวดเดียว

ปู้สวินวางสองมือบนเข่ามองเขาอยู่พักหนึ่ง

หนิวโหย่วเต้าถูกเขามองจนอึดอัด “ผู้ดูแลหลวงปู้ สรุปแล้วท่านเล่นอะไรอยู่กันแน่?”

ผู้ใดจะคาดว่าจู่ๆ ปู้สวินก็ค่อยๆ เอ่ยร่ายขึ้น “ธาราไหลเชี่ยวสู่บูรพา เสมือนดั่งเหล่าผู้กล้าลาจากหาย เฝ้าถกเถียงชอบชั่วมิวางวาย สุดท้ายล้วนว่างเปล่าไม่จีรัง…”

หนิวโหย่วเต้าผงะไป

“อารามท้องามงดในดงท้อ เซียนดอกท้อพักกายมิใฝ่ฝัน หวังเพียงได้เร้นกายใต้แสงจันทร์ ทุกคืนวันเก็บดอกท้อแลกสุรา…”

มุมปากหนิวโหย่วเต้ากระตุกนิดๆ หัวเราะฮ่าๆ เอ่ยไปว่า “หน่วยข่าวกรองไม่ธรรมดาจริงๆ แม้แต่เรื่องนี้ก็ยังสืบมาได้”

ปู้สวินยิ้มออกมา อีกฝ่ายเอ่ยเช่นนี้แปลว่ายอมรับแล้วว่าเป็นกลอนของเขา “มองไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเจ้าจะมีความสามารถด้านนี้ด้วย กลอนนี้แม้กระทั่งฝ่าบาทฟังแล้วก็ยังหวั่นไหวขึ้นมา ใคร่ครวญว่าควรจะเชิญเจ้าไปเป็นอาจารย์ของเหล่าองค์ชายอีกหรือไม่ หนิวโหย่วเต้า นี่คือโอกาสดีนะ!”

“หยุด!” หนิวโหย่วเต้ายกมือปฏิเสธ “ผู้ดูแลหลวง เรื่องดีที่ท่านพูดถึงคงมิใช่เรื่องนี้กระมัง? อย่าทำร้ายข้าเลย ข้าขอบอกเอาไว้ก่อน กลอนบทนั้นมิใช่ของข้า เป็นของอาจารย์ข้า คนอื่นเพียงเข้าใจผิดไปเท่านั้น”

ปู้สวินร้องโอ้ “อาจารย์ของเจ้าคือผู้ใดเล่า? มีความสามารถขนาดนี้ คู่ควรให้ข้าไปเรียนเชิญด้วยตัวเอง”

หนิวโหย่วเต้าเอ่ยตอบอย่างลื่นไหล “ทุกคนต่างทราบกันดี ตงกัวเฮ่าหรานอย่างไรล่ะ! หากท่านจะไปพบเขา ข้าก็ไม่ขัดข้อง แต่เกรงว่าไปแล้วจะกลับมาไม่ได้น่ะสิ”

“….” ปู้สวินพูดไม่ออก

หนิวโหย่วเต้าวกเข้าประเด็น “ผู้ดูแลหลวง จะให้ข้าไปพบผู้สูงศักดิ์ท่านใด?”

ปู้สวินเอ่ยว่า “ตอนนั้นเจ้าไปโดยไม่ลา ทางข้าสกัดเจ้าไว้ที่พื้นที่เลี้ยงสัตว์เพื่อเชิญเจ้ากลับมาด้วยเจตนาดี แต่เจ้ากลับทำงามหน้านัก เผาพื้นที่เลี้ยงสัตว์จนวอด ตอนนี้มาคิดดูแล้ว ในเรื่องราวมีสาเหตุอยู่ เกรงว่าเจ้าคงรีบไล่ตามไปปล้นม้าศึกของเซ่าผิงปอกระมัง? เรื่องในอดีตแล้วกันไปเถอะ ฝ่าบาททรงใจกว้างไม่ถือสาหาความเจ้า แต่เรื่องราวยังไม่จบลง ฝ่าบาทรับปากเป็นธุระให้คนเขาไว้ ครั้งนี้เจ้าก็ช่วยไว้หน้าฝ่าบาทหน่อยเถอะ”

หนิวโหย่วเต้าขบขันนัก เรื่องราวเป็นอย่างไรจะสืบสาวเอาความหรือไม่ก็ต้องพิจารณาตัวบุคคลด้วย ด้วยอิทธิพลที่เขามีต่อมณฑลหนานโจวในยามนี้ เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เฮ่าอวิ๋นถูคิดสืบสาวเอาความสิถึงจะแปลก พูดเหมือนเขาไปติดค้างน้ำใจอีกฝ่ายไว้มากมายนัก แต่ก็ฟังเข้าใจแล้ว “ความหมายของผู้ดูแลหลวงคือ ตอนนั้นที่ดักสกัดข้ากลางทางเพื่อให้ข้ากลับมา เป็นเพราะมีธุระกับข้าอย่างนั้นหรือ?”

ปู้สวินพยักหน้า “เคยได้ยินชื่ออาจารย์อวี้ชางแล้วกระมัง?”

คนที่อยู่ในโลกบำเพ็ญเพียรมาหลายปีล้วนคุ้นเคยกับนามนี้ หนิวโหย่วเต้ายังไม่เคยพบ แต่ก็นับว่าได้ยินชื่อเสียงมานาน เขาตอบอืมคำหนึ่งแล้วเอ่ยออกไป “ยอดฝีมืออันดับที่ห้าบนทำเนียบโอสถ ได้ยินว่าเป็นนักปราชญ์ทรงปัญญา อีกทั้งเชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ ศิษย์ในสังกัดมั่งคั่งมีเกียรติ ได้ยินว่าแม้แต่แม่ทัพบัญชาการฮูเหยียนอู๋เฮิ่นแห่งแคว้นท่านก็เป็นนักเรียนของเขา ดูเหมือนจะมีชื่อเสียงอย่างยิ่ง ผู้สูงศักดิ์ที่ผู้ดูแลหลวงกล่าวถึงคือเขาหรือ?”

ปู้สวินตอบอืม “ตอนนั้นฝ่าบาททรงพบปะกับเขา เขาเอ่ยถึงเจ้า…” เรื่องราวคร่าวๆ ที่พอจะบอกเล่าได้ล้วนถูกเล่าออกมา จุดสำคัญคืออวี้ชางชื่นชมในความสามารถของหนิวโหย่วเต้าอย่างยิ่ง อยากจะเชิญหนิวโหย่วเต้าไปเป็นอาจารย์ให้แก่ลูกชายของน้องชายเขาที่ล่วงลับไปแล้ว

หนิวโหย่วเต้าฟังแล้วแววตาวูบไหว ตกอยู่ในความเงียบ

ขบคิดเงียบๆ อยู่สักพัก จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “หยุดรถ!”

แต่รถม้าเคลื่อนต่อไป แล้วก็ไม่มีทางยอมทำตามคำสั่งเขา ปู้สวินเอ่ยอย่างเฉยชา “สร้างสายสัมพันธ์กับอาจารย์อวี้ชางได้ วันหน้าจะมีประโยชน์ต่อเจ้าอย่างมหาศาลเวลาที่ทำอะไรในโลกของผู้บำเพ็ญเพียร เป็นสิ่งที่คนมากมายเฝ้าปรารถนาแต่ก็มิอาจได้มาครอง อีกอย่าง อาจารย์อวี้ชางมิใช่คนที่จะบังคับสร้างความลำบากใจให้ผู้ใด ถึงเจ้าจะไม่ตอบตกลงก็ไม่เป็นไร อีกฝ่ายไม่มีทางบังคับแน่ แต่อย่างน้อยเจ้าก็ช่วยชดเชยเรื่องครานี้ให้ฝ่าบาททีเถอะ คงมิใช่ว่าแม้แต่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เจ้าก็ไม่ยินดีทำให้กระมัง?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า