ตอนที่ 548 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ
เซี่ยลิ่งเพ่ยเดินออกมาจากห้อง เหลียวมองจางเหล่าซานที่เดินตามติดอยู่ด้านหลังตนก้าวต่อก้าว จากนั้นก็มองมองสวี่เหล่าปาซึ่งกำลังจ้องมองมาทางนี้อยู่ไม่ไกล อดขมวดคิ้วไม่ได้
ก่อนหน้านี้เป็นสตรีชื่อหงเหนียงคนนั้นที่คอยจับตามองตน ตอนนี้เปลี่ยนเป็นสองคนนี้มาแทน เขารู้สึกเหมือนตนเป็นนักโทษที่ถูกคุมประพฤติอยู่
พอมาถึงหน้าเรือน มองเห็นหนิวโหย่วเต้าที่ยืนคุยกับก่วนฟางอี๋อยู่ในลานเรือน ดวงตาเซี่ยลิ่งเพ่ยเปล่งประกายทันที รีบเดินเข้าไปหา เดินไปหยุดตรงหน้าหนิวโหย่วเต้าแล้วคารวะอย่างอ่อนน้อม “อาจารย์!” แววตาเปี่ยมด้วยความกระตือรือร้นและเลื่อมใส
อาจารย์ท่านนี้ไม่ได้สอนอะไรให้เขาเลย เพียงเขียนโคลงกลอนหลายสิบบทแล้วโยนให้เขา ให้เขาไปศึกษาด้วยตัวเอง
เริ่มแรกเขารู้สึกไม่ได้เห็นดีนัก คิดว่าหนิวโหย่วเต้าก็โตกว่าตนไม่เท่าไร แต่หลังจากได้อ่านบทกลอนทั้งหมดแล้วพลันตกตะลึงในตัวหนิวโหย่วเต้าขึ้นมา เพิ่งจะเข้าใจว่าเหตุใดท่านลุงถึงบอกว่าบทกวีของคนผู้นี้ไพเราะเลิศล้ำ คู่ควรเป็นอาจารย์ได้ เรียกได้ว่าเลื่อมใสศรัทธาอย่างหมดหัวใจ
เขาถูกประคบประหงมมาเป็นเวลานาน อยู่แต่ในบ้าน ความเข้าใจที่มีต่อโลกภายนอกส่วนใหญ่ล้วนมาจากหนังสือตำราทั้งสิ้น ย่อมกลายเป็นพวกคงแก่เรียนอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
โคลงดีงามหนึ่งบทสามารถทำให้เขาตบโต๊ะเชยชม เลือดลมพลุ่งพล่านได้
กลอนไพเราะหนึ่งบทสามารถทำให้เขาเศร้าสร้อยจมดิ่ง นอนกระสับกระส่ายทอดถอนใจทั้งคืนได้
โคลงกลอนหลายสิบบทนั้น สำหรับเขาแล้วนับเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง อ่านวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้ง
ซึ่งนี่ก็เป็นเจตนาของหนิวโหย่าวเต้า ตอนนี้หนิวโหย่วเต้าไม่มีเวลามาสนใจสั่งสอนเขา ให้เขาอ่านทบทวนทำความเข้าใจกลอนเหล่านี้ให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งไปก่อน หากจดจำจนอ่านทวนกลับหน้ากลับหลังได้ค่อยมาคุยเรื่องอื่นกัน
ถึงอย่างไรก็แค่เขียนให้เขาใช้ฆ่าเวลาไปส่งๆ เท่านั้น
หนิวโหย่วเต้าที่ยืนค้ำกระบี่อยู่ตรงนั้นตอบอืมคำหนึ่ง เอ่ยถามเสียงเยียบเย็น “ไยไม่ไปศึกษาเล่าเรียน มาวิ่งเพ่นพ่านทำไม?” มีบุคลิกท่าทางของผู้เป็นอาจารย์อย่างยิ่ง
เซี่ยลิ่งเพ่ยอึกอัก ตอบรับด้วยความละอายใจ “ศิษย์จะไปเดี๋ยวนี้ขอรับ” ประสานมือคำนับ จากนั้นถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วหันหลังเดินออกไป
ก่วนฟางอี๋มองตามแล้วหลุดขำออกมา “ก็แค่คงแก่เรียนคนหนึ่ง ไม่รู้จริงๆ ว่าไฉนพวกอวี้ชางถึงดูแลดั่งสมบัติล้ำค่า”
“คงแก่เรียนแล้วมีอะไรเสียหายกันเล่า?” หนิวโหย่วเต้ามองแผ่นหลังที่ห่างออกไปพลางเอ่ยว่า “อย่างน้อยก็ได้มีชีวิตอยู่ในโลกของตัวเอง”
“เต้าเหยี่ย!” หยวนกังเร่งเดินเข้ามาหา พลางยื่นจดหมายลับฉบับหนึ่งให้
ก่วนฟางอี๋อดไม่ได้ที่จะมองแขนคู่นั้นของหยวนกัง แววตาเหมือนเห็นสัตว์ประหลาดก็มิปาน ไม่รู้เลยว่ามองด้วยสายตาเช่นนี้มากี่ครั้งแล้ว
พวกลุงเฉินบาดเจ็บสาหัส ถึงได้รับโอสถสมานฟ้าแล้วก็ยังยากจะหายดีได้ในระยะเวลาสั้นๆ ทั้งหมดจึงถูกส่งตัวกลับไปยังแหล่งกบดานที่ใช้ซ่อนตัว ผลัดเปลี่ยนสวี่เหล่าเอ้อร์ จางเหล่าซานและสวี่เหล่าปามาแทน แต่เจ้าคนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้บาดเจ็บสาหัสจนอยู่ในสภาพเช่นนั้น แม้แต่โอสถวิญญาณก็ไม่เอา สองแขนหักบิดผิดรูปไป เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน พอเจอหน้ากันอีกครั้งกลับพบว่าหายดีแล้ว
เมื่อคนประจำตำแหน่งพร้อมแล้ว ทางนี้จึงจัดตั้งช่องทางติดต่อสื่อสารขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
หนิวโหย่วเต้าอ่านจดหมายแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย เป็นข่าวจากทางสำนักเขามหายาน แจ้งว่าเจรจากับทางสามสำนักใหญ่ของแคว้นเยี่ยนแล้ว เริ่มดำเนินการได้เลย ทางสำนักเขามหายานจึงขอความร่วมมือจากทางนี้
เขายื่นจดหมายคืนหยวนกัง เอ่ยสั่งการไป “ติดต่อไปหาท่านอ๋อง ให้ท่านอ๋องเตรียมการทางนั้นไว้ ให้ความร่วมมือในการเข้ามารับช่วง”
หยวนกังหันหลังเดินออกไป
ก่วนฟางอี๋เอ่ยว่า “เรื่องสำนักหยกสวรรค์ได้ข้อสรุปแล้ว แต่ดูเหมือนเจ้าจะไม่ดีใจสักนิดเลยนะ”
“เรื่องราวไปตามที่คาดการณ์ไว้ มีอะไรต้องดีใจกันเล่า เซ่าผิงปอยังยุ่งยากกว่าสำนักหยกสวรรค์มากนัก” หนิวโหย่วเต้าถอนหายใจ
ในเวลานี้เอง มีแขกสูงศักดิ์คนหนึ่งมาเยือน ปู้สวินมาหา
หนิวโหย่วเต้าออกไปต้อนรับแขกสูงศักดิ์หน้าประตูด้วยตัวเองแล้วพาเข้ามา จากนั้นก็เงยหน้ามองตะวันยามบ่าย มาหาในเวลานี้หรือ?
ทั้งสองเดินเข้าไปในศาลา พอนั่งแล้วก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จู่ๆ ผู้ดูแลหลวงมาเยือนกะทันหัน ทำให้ผู้เยาว์หวาดหวั่นว้าวุ่นเสียแล้ว!”
“ทำให้เจ้าหวาดหวั่นว้าวุ่นอย่างนั้นหรือ? เฮอะๆ!” ปู้สวินยิ้มคล้ายมิยิ้ม มองซ้ายมองขวาเล็กน้อย “ลูกศิษย์คนนั้นของเจ้ามิใช่ว่ารับใช้เจ้าแค่สามวันแล้วหรือ? นี่มันกี่วันเข้าไปแล้ว?”
หนิวโหย่วเต้าเอ่ยว่า “ผู้ดูแลหลวงคงมิได้มาเพื่อไล่แขกกระมัง? พวกเราอยู่ที่นี่วันๆ หนึ่งก็สิ้นเปลืองแค่ไม่เท่าไร ผู้ดูแลหลวงไหนเลยจะขาดแคลนเงินเล็กน้อยเท่านี้ได้?”
ปู้สวินไม่เถียงกับเขาแล้ว ทราบดีว่าคนผู้นี้ไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องลับลมคมนัยที่มีกับอวี้ชางออกมาง่ายๆ เเถียงไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา จึงเอ่ยเตือนว่า “เซ่าผิงปอศัตรูคนนั้นของเจ้าไปที่แคว้นจิ้นแล้ว”
หนิวโหย่วพยักหน้ารับช้าๆ เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ทราบข่าวแล้ว ฉลองพระองค์ห่มกาย ได้รับเกียรติอย่างยิ่ง!”
ปู้สวินถอนหายใจ “อันที่จริงตอนตามสืบช่วงเกิดเรื่องก็พบเบาะแสแล้ว คืนนั้นที่เขาหนีไปไม่เพียงแต่ไปพบราชทูตแคว้นเว่ยเท่านั้น แต่ยังไปพบราชทูตแคว้นจิ้นด้วย เป็นพวกเราที่สะเพร่าไปเอง”
วาจานี้ทำให้หนิวโหย่วเต้าหน่ายแหนงอย่างยิ่ง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียดสี “มาพูดเรื่องนี้เอาตอนนี้จะมีประโยชน์ ไร? ก่อนหน้านี้มัวทำอะไรอยู่เล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า