ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 557

ตอนที่ 557 ได้แต่แสร้งทำเลอะเลือน

เหมิงซานหมิงถามกลับไป “แต่งกับผู้ใดเล่า?”

“….” หนิวโหย่วเต้าพูดไม่ออก จะแต่งกับผู้ใดนั้นนับว่าเป็นปัญหาจริงๆ

ปัญหาของซางซูชิงไม่ได้อยู่ที่รูปโฉมอัปลักษณ์หรือไม่ หากแต่เป็นเรื่องที่หน้าตาชวนสยอง คนธรรมดาทั่วไปไม่มีผู้ใดกล้าแต่งด้วย

แต่แน่นอน ด้วยฐานะอำนาจของสกุลซางในขณะนี้ ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าจะขายไม่ออก แต่หากจะให้ออกเรือนกับคนที่ไม่ธรรมดาหรือคนที่ละโมบในอำนาจทรัพย์สิน ตัวหนิวโหย่วเต้าเองก็พูดไม่ได้เช่นกัน

โลกภายนอกมีบุรุษหิวโหยกินไม่อิ่มนอนไม่อุ่นอยู่มากมาย ขอเพียงได้กินอิ่มท้อง คาดว่าคงยอมแต่งแม้แต่กับแม่หมูเป็นแน่ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องเกียรติยศความมั่งคั่งเลย แต่ดีร้ายอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงท่านหญิง ซ้ำยังฉลาดเฉลียว พิณหมากตำราภาพล้วนเชี่ยวชาญ อีกทั้งเกิดมาเพียบพร้อมสุขสบาย อาศัยเพียงคุณสมบัติพื้นฐานที่มีอยู่ จะให้สุ่มเลือกบุรุษหิวโซสักคนมาแต่งด้วยก็ออกจะไม่เข้าท่าเช่นกัน พื้นฐานชาติตระกูลไม่เท่าเทียมกัน มีความห่างชั้นมากเกินไป อยู่ร่วมกันนานวันเข้าจะกลายเป็นหายนะ เมื่ออีกฝ่ายได้อิ่มหนำอยู่ดีขึ้นมาก็อย่าหวังเลยว่าอีกฝ่ายจะเห็นค่าในคุณสมบัติชาติตระกูลของนางและไม่นึกรังเกียจรูปโฉมนาง

เหมิงซานหมิงถอนหายใจพลางเอ่ยไปว่า “ท่านหญิงกล่าวไว้ว่าชาตินี้นางจะไม่ออกเรือน”

“ไม่ออกเรือนหรือ? เรื่องนี้…” หนิวโหย่วเต้าลูบจมูกหัวเราะแหะๆ “ออกเรือนไปก็ใช่ว่าจะดี ไม่ออกเรือนก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้าย แต่หากไม่ออกเรือนเลยชั่วชีวิต ชีวิตนี้อาจจะหลงเหลือความรู้สึกเสียดายอย่างใหญ่หลวงอยู่ ดีร้ายอย่างไรก็ต้องลองประสบดูถึงจะเข้าใจในเส้นทางที่ตนจะเลือก ยังไม่ทันได้ลองก็บอกว่าจะปล่อยวางแล้ว ออกจะฝืนเกินไปเสียหน่อย”

เหมิงซานหมิงพยักหน้า “ที่ข้ามาครั้งนี้ก็เพราะอยากปรึกษาเรื่องนี้กับเต้าเหยี่ย”

หนิวโหย่วเต้าร้องโอ้ “หรือว่าท่านแม่ทัพเหมิงอยากจะหาคู่ครองให้ท่านหญิง?”

เหมิงซานหมิงส่ายหน้า “ไม่ได้มาคุยเรื่องนี้ หากแต่มาคุยเรื่องใบหน้าของท่านหญิง ท่านหญิงหาได้อัปลักษณ์มาแต่กำเนิดไม่ ปานดำที่เหมือนจุดด่างพร้อยบนใบหน้าเกิดจากฝีมือของมนุษย์”

หนิวโหย่วเต้าแปลกใจ “ผู้ใดกันที่ทำเรื่องไร้ศีลธรรมพรรค์นี้ออกมาได้”

เหมิงซานหมิงผงะไปเล็กน้อย โบกมือพลางเอ่ยว่า “ไม่เกี่ยวกับความไร้ศีลธรรม ผู้ที่สร้างรอยปานขึ้นบนใบหน้าของท่านหญิงก็มิใช่ใครอื่น เป็นตงกัวเฮ่าหรานอาจารย์ของเต้าเหยี่ยอย่างไรเล่า”

“เขาหรือ?” หนิวโหย่วเต้าแปลกใจยิ่งกว่าเดิม ไม่คิดเลยว่าตัวไร้ศีลธรรมที่เพิ่งก่นด่าไปจะเป็นผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์ของตน “เหตุใดเขาถึงต้องทำร้ายท่านหญิงด้วย?”

“ก็ไม่อาจเรียกว่าทำร้ายได้ ตอนที่ท่านหญิงเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมา นางร้องไห้งอแงอยู่ตลอด ท่านอ๋องผู้ล่วงลับเสาะหาหมอดีมารักษาก็จนปัญญาจะแก้ไขได้ บังเอิญอาจารย์ของเต้าเหยี่ยมาหาพอดี ท่านอ๋องจึงเชิญอาจารย์ของท่านมาตรวจอาการ…” เหมิงซานหมิงเล่าต้นสายปลายเหตุในอดีตครานั้นออกมา

“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” หนิวโหย่วเต้าฟังจบก็ขมวดคิ้วพึมพำ “ฝืนลิขิตฟ้าเปลี่ยนแปลงชะตา หวานต้นจักขมปลาย แก้ให้ขมนำค่อยตามด้วยหวาน เป็นความจริงหรือ? วาจาเช่นนี้พวกท่านก็เชื่ออย่างนั้นหรือ?”

เหมิงซานหมิงถอนหายใจเอ่ยไปว่า “เรื่องนี้ฟังแล้วดูค่อนข้างงมงาย แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากประทับปานนี้แล้วท่านหญิงก็หยุดร้องไห้จริงๆ ซ้ำยังหัวเราะร่าออกมาด้วย เรื่องราวในภายหลังก็ดูเหมือนจะยืนยันคำทำนายของอาจารย์ท่านแล้ว ลองคิดดูสิ หากรูปโฉมของท่านหญิงไม่มีปัญหา เกรงว่าคงออกเรือนไปตั้งแต่สิบห้าสิบหกแล้ว จากนั้นพอจวนอ๋องประสบเหตุร้าย ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเป็นอย่างไร เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้ว เรียกได้ว่าท่านหญิงเลี่ยงเคราะห์มาได้จริงๆ!”

หนิวโหย่วเต้าพยักหน้านิดๆ รู้สึกคล้ายจะค่อนข้างสมเหตุสมผล เมื่อเกิดเหตุร้ายกับหนิงอ๋อง มีคนมากน้อยเท่าไรที่รีบตัดสัมพันธ์ไป ย่อมไม่ต้องกล่าวถึงจุดจบของซางซูชิงเลย ต่อให้ไม่ได้ออกเรือนไป แต่ถ้าหากนางเป็นสตรีรูปโฉมงดงามคนหนึ่งจริงๆ ก็ไม่รู้เลยว่าจะต้องเผชิญความอัปยศเช่นใดบ้าง บอกว่าเลี่ยงเคราะห์มาได้ก็ไม่เกินไปเลย ไอรีนโนเวล

พอได้ยินเช่นนี้ เขาคล้ายจะเข้าใจอะไรขึ้นมาแล้ว จึงลองถามออกไป “แม่ทัพเหมิงต้องการให้ข้าลบปานบนใบหน้าของท่านหญิงหรือ?”

เหมิงซานหมิงเอ่ยว่า “เต้าเหยี่ยเป็นศิษย์สืบทอดของอาจารย์ตงกัว ในเมื่อเหตุเกิดขึ้นจากอาจารย์ตงกัว คาดว่าเต้าเหยี่ยก็ต้องมีวิธียุติผลจากเหตุนี้ได้ ขอเพียงใบหน้าของท่านหญิงฟื้นฟูสู่สภาพเดิม คาดว่าคงหาคู่ครองได้ไม่ยากแล้ว”

หนิวโหย่วเต้ายิ้มแห้งๆ “พวกท่านก็ใช่ว่าจะไม่รู้ ตอนที่ข้าพบเขา ได้คุยกันไม่กี่ประโยคเขาก็ตายแล้ว ไม่ได้ถ่ายทอดสิ่งใดให้ข้าเลย ตอนอยู่ที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ข้าก็ถูกกักบริเวณไว้ มิได้ร่ำเรียนสิ่งใดเลยเช่นกัน ไม่ทราบวิธีขจัดปานออกไปจริงๆ เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ตอนนี้อย่าเพิ่งรีบร้อนไป รอให้ข้ามีโอกาสเหมาะแล้วจะสอบถามคนของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ดูว่าพวกเขามีวิธีหรือไม่ หากว่ามี ข้าจะให้ทางสำนักสวรรค์พิสุทธิ์คืนรูปโฉมอันงดงามให้ท่านหญิงแน่นอน”

“ก็คงทำได้เพียงเท่านั้นแล้ว…” เหมิงซานหมิงพยักหน้า ถ้อยคำบางอย่างจ่อขึ้นมาถึงปาก แต่ก็ต้องสะกดเก็บเอาไว้

เขาสังเกตเห็นแล้วว่าความคิดของตนรวมถึงทางฝั่งท่านอ๋องออกจะคิดไปเองแต่เพียงฝ่ายเดียว ด้วยรูปโฉมของท่านหญิงในตอนนี้ ด้วยศักดิ์ฐานะของอีกฝ่ายในยามนี้ หากจะให้อีกฝ่ายรับไว้ก็ออกจะเป็นการบังคับใจคนไปเสียหน่อย

สุดท้ายแล้วก็คิดว่าเอ่ยเรื่องเช่นนั้นขึ้นมาคงไม่เหมาะ หากพูดไปแล้วถูกอีกฝ่ายปฏิเสธขึ้นมา ทุกคนจะกระอักกระอ่วนกันหมด

พอคิดๆ ไปแล้วก็ตัดสินใจทำตามที่อีกฝ่ายกล่าวมา รอดูก่อนว่าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์จะสามารถรักษาปานบนหน้าท่านหญิงได้หรือไม่แล้วค่อยว่ากัน

พอเปลี่ยนประเด็นไปได้แล้ว เขาก็ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เต้าเหยี่ยเองก็ทราบดี ถึงแม้ท่านหญิงจะคุ้นเคยกับรูปโฉมของตัวเองไปแล้ว แต่พระองค์ก็มิใช่คนที่ชอบความครึกครื้นอันใด จะอยู่ในจังหวัดชิงซานหรือว่าอยู่ในตัวเมืองสำหรับท่านหญิงแล้วไม่ต่างกันเลย อีกทั้งมีท่านหญิงอยู่กับทางฝั่งเต้าเหยี่ยก็คอยเป็นหูเป็นตาให้ทางนี้ได้มิใช่หรือ มีเรื่องใดก็สามารถอาศัยท่านหญิงเป็นตัวกลางติดต่อระหว่างสองฝ่ายได้”

หนิวโหย่วเต้าดูลังเลอย่างเห็นได้ชัด เรื่องบางอย่างเขาทราบแก่ใจดี แต่ไม่กล้าเปิดโปงออกไป ได้แต่แสร้งทำเลอะเลือน สุดท้ายยังคงพยักหน้ารับเอาไว้

พอเห็นว่าเขาตอบตกลงแล้ว เหมิงซานหมิงก็ไม่พูดอะไรอีก เอ่ยเรื่องอื่นขึ้นมาแทน “เพิ่งได้รับข่าวจากทางมณฑลจินโจวมา ไห่หรูเยวี่ยให้กำเนิดบุตรชายอีกคนแล้ว ไม่รู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อความเป็นพันธมิตรระหว่างทั้งสองฝ่ายหรือไม่”

หนิวโหย่วเต้าค่อนข้างแปลกใจ “เพิ่งแต่งกับหลีอู๋ฮวาได้ราวครึ่งปีเองมิใช่หรือ? ไยถึงคลอดบุตรเร็วปานนี้ คลอดก่อนกำหนดหรือ?”

เหมิงซานหมิงกล่าวว่า “เห็นบอกว่าคลอดก่อนกำหนด แต่ทางนั้นมีข่าวลือบางอย่างอยู่ น่าจะมิใช่คลอดก่อนกำหนด แต่คงเป็นเพราะมีความสัมพันธ์กับหลีอู๋ฮวามาแต่แรกแล้ว”

หนิวโหย่วเต้าส่ายหน้าพลางหัวเราะ “สตรีนางนี้ใช้ได้เลยจริงๆ เลือกใช้วิธีการเช่นนี้เพื่อปกป้องตัวเอง น่าจะไม่กระทบต่อเรื่องการเป็นพันธมิตรหรอก ขอเพียงจินโจวยังอยู่ในสถานะรัฐอิสระ ก็ไม่มีทางละทิ้งกำลังสนับสนุนจากทางหนานโจวไปง่ายๆ วันหน้าข้าจะต้องไปเยือนจินโจวด้วยตัวเองสักรอบแล้ว ไปร่วมแสดงความยินดีพร้อมถือโอกาสสอดส่องสถานการณ์ดูหน่อย”

เหมิงซานหมิงคล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ถอนหายใจออกมาเบาๆ “สตรีนางนี้ก็ลำบากเช่นกัน นึกถึงว่าในอดีตเป็นสาวน้อยเรียบง่ายใสซื่อคนหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าปัจจุบันนี้จะก้าวมาถึงจุดนี้ได้”

หลังจากทั้งสองสนทนากันต่อไปอีกสักพัก เหมิงซานหมิงก็ขอตัวอำลาไป

หนิวโหย่วเต้าออกมาส่งที่ประตูเรือนด้วยตัวเอง ก่อนจะลาจากกัน เหมิงซานหมิงเอ่ยเตือนขึ้นมาอีกประโยค “เมื่อไม่นานมานี้ท่านอ๋องสั่งให้คนพาตัวอนุสองคนนั้นไปส่งยังเป่ยโจวแล้ว บอกว่าส่งตัวคืนแก่ตระกูลเฟิ่ง” ว่าจบก็โบกมือเล็กน้อยให้หลัวต้าอันเข็นรถเข็นจากไป

หนิวโหย่วเต้ายืนอยู่นอกประตูเรือนพลางใคร่ครวญตาม วิธีจัดการของซางเฉาจงค่อนข้างเหมาะสมทีเดียว หากว่าสังหารทิ้งเลยก็ออกจะไร้เมตตาและโหดร้ายเกินไปหน่อย ส่งตัวคืนให้ตระกูลเฟิ่งจัดการ การปล่อยให้ตระกูลเฟิ่งไปจัดการเอาเองนั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า