ตอนที่ 574 มือสังหาร
ทางนี้มีบุคลากรไม่น้อยเลย อีกทั้งประตูเมืองมีคนมากมายผ่านเข้าออกมิใช่สถานที่เหมาะพูดคุย ถูไหวอี้จึงพาคนออกจากเมืองก่อน
พอมาถึงสถานที่โล่งกว้างนอกเมือง ถูไหวอี้จึงรั้งม้าหยุดรอเฉาเซิ่งไหวเข้ามาใกล้
“เฉาเซิ่งไหวศิษย์สำนักหมื่นสรรพสัตว์ ขอบพระคุณใต้เท้าไหวที่ช่วยคลี่คลายสถานการณ์” เฉาเซิ่งไหวที่อยู่บนหลังม้าประสานมือเอ่ยขอบคุณ
ถูไหวอี้โบกมือพลางเอ่ยยิ้มๆ “ในเมื่อชาวแคว้นซ่ง ตัวข้าในฐานะราชทูตแคว้นซ่งออกหน้าช่วยเหลือก็สมเหตุสมผลแล้ว ไม่ต้องเกรงใจ เจ้าแซ่วเฉา ไม่ทราบว่ารู้จักกับผู้อาวุโสเฉาจิ่งแห่งสำนักหมื่นสรรพสัตว์หรือไม่?”
เฉาเซิ่งไหวเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสเฉาก็คือท่านปู่ของข้าพเจ้า”
“โอ้!” ถูไหวอี้มีสีหน้ากระจ่างขึ้นมาในทันใด ลูบเคราพยักหน้าเอ่ยไปว่า “นึกถึงอดีตข้าก็เคยพบหน้าท่านปู่เจ้าที่เมืองหลวงแคว้นซ่งอยู่สองสามหน ความสง่างามของท่านปู่จำยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของข้า ไม่คิดเลยว่าจะได้พบหลานชายผู้อาวโสเฉาที่นี่”
พูดคุยสานไมตรีไปก่อนจากนั้นเอ่ยถามต่อว่า “ใช่แล้ว เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
เฉาเซิ่งไหวกล่าวว่า “เมื่อไม่นานมานี้ได้รับอนุญาตจากทางสำนักให้ออกมาท่องเที่ยวหาประสบการณ์ ข้าท่องเที่ยวมาจนถึงที่นี่ ผู้ใดจะคาดว่ากลับถูกทาสชั่วคนหนึ่งจงใจพุ่งชน แต่ดันมาปรักปรำว่าข้าเป็นฝ่ายชนเขา เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าตั้งใจสมคบคิดกับทหารยามเฝ้าประตูเมืองเพื่อรีดไถเงิน น่าโมโหจริงๆ! ตอนนี้จะปล่อยให้พวกเขาได้ใจไปก่อน วันหน้าจะกลับมาคิดบัญชีกับพวกเขาอีกครั้ง ให้พวกเขาต้องสำรอกผลประโยชน์ที่ฮุบกินไปออกมา แค่กลุ่มสุนัขตาไร้แววกลุ่มหนึ่ง กล้ามารังแกข้าได้! ใต้เท้าถูไม่ควรให้เงินพวกเขาเลย ข้าก็อยากเห็นนักว่าพวกเขาจะกล้าทำอันใดข้า!”
ถูไหวอวี้หัวเราะฮ่า โบกมือเอ่ยไปว่า “ข้าเข้าใจความรู้สึกเจ้า เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องโมเลย ผ่านไปแล้วก็แล้วกันไปเถิด ไปถือสาหาความกับคนชั้นต่ำเช่นนี้ออกจะเป็นการลดเกียรติไป กำลังจะเหตุเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นแล้ว อีกเดี๋ยวคนพวกนี้ก็ต้องน้ำตานองหน้าจ มีคนมาจัดการแทนแน่นอน เจ้าไม่จำเป็นต้องลงมือเลย”
แววตาเฉาเซิ่งไหววูบไหว “ระหว่างทางข้าได้ยินว่าแคว้นจ้าวจะเข้าโจมตีมณฑลจินโจว ฟังความหมายจากวาจาของใต้เท้าถูแล้ว หรือว่าจะเป็นความจริงกัน?”
“มีความเป็นไปได้กระมัง” ถูไหวอี้ไม่ได้ตอบแน่ชัด มีฐานะราชทูตแคว้นซ่งจึงไม่อยากคุยเรื่องแว่นแคว้นกับคนนอกส่งเดช ดังนั้นจึงเบี่ยงหัวข้อไป “เจ้าจะไปที่ใดหรือ?”
เฉาเซิ่งไหวกล่าวว่า “ออกท่องไปทั่วหล้า มาเยือนแคว้นจ้าวทั้งทีย่อมต้องไปเที่ยวเล่นในเมืองหลวงแคว้นจ้าว กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงแคว้นจ้าว ไม่มทราบว่าใต้เท้าถูจะไปที่ใดหรือ?”
ถูไหวอี้หัวเราะฮ่าๆ กล่าวว่า “กำลังจะกลับไปยังจวนราชทูต ณ แคว้นจ้าว หากไม่รังเกียจ มิสู้ร่วมทางไปด้วยกันเถิด จะได้คอยดูแลกันและกันด้วย”
หากเป็นศิษย์สำนักหมื่นสรรพสัตว์ธรรมดาไม่มีทางได้รับคำเชิญเช่นนี้ แต่หลานชายของเฉาจิ่งย่อมต่างออกไป สามารถอาศัยโอกาสสานสัมพันธ์กับเฉาจิ่งได้
ในเมื่อยืนยันภูมิหลังฐานะของเฉาจิ่งมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลอันใดอีก
ไหนเลยจะทราบว่าเฉาเซิ่งไหวมีความคิดแอบแฝงอยู่ ทำให้เขาไม่ต้องเอ่ยขอด้วยตัวเองแล้ว “เคารพมิสู้คล้อยตาม อาตามที่ใต้เท้าถูว่ามาเถิด”
“ดี!” ถูไหวอวี้ยิ้มพลางโบกมือ ขบวนม้าออกเดินทางต่อ
ตลอดการเดินทางนี้ ผู้มาเยือนและเจ้าถิ่นพูดคุยยิ้มหัว
ในช่วงเที่ยงวัน เมื่อทั้งคณะเดินทางผ่านแถบป่าเขาแห่งหนึ่งก็เกิดเหตุขึ้นอย่างกะทันหัน
“ผู้ใดกัน?” องครักษ์ประจำตัวถูไหวอวี้สังเกตเห็นความผิดปกติเป็นรายแรก
สังเกตเห็นไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว คนที่ก่อเหตุผิดปกติขึ้นมาไม่มีทางยอมล่าถอย แต่ดาหน้าเข้ามา
วินาทีนั้น คนชุดดำโพกหน้าสิบกว่าคนพุ่งโจมตีเข้ามา กระบวนท่าโจมตีร้ายกาจ พลังน่าหวาดหวั่น ทำให้ทางนี้เกิดความโกลาหลยกใหญ่ มีเสียงดังครึกโครมแว่วขึ้นไม่ขาดสาย
มือสังหารไม่สนใจคนอื่น พุ่งตรงเข้าหาถูไหวอวี้ที่ถูกทุกคนคุ้มกันอยู่
ทางฝั่งนี้พยายามขัดขวางสุดกำกลัง กลุ่มหนึ่งคอยสกัดกั้น อีกกลุ่มคุ้มกันถูไหวอวี้ให้หลบหนีออกไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว
ถูไหวอวี้ตกใจจนใบหน้าแก่ๆ ถอดสีแล้ว
แต่ในจังหวะนี้เอง พลันมีคนโพกหน้าอีกหลายสิบคนปรากฏตัวขึ้นในเขตพื้นที่หลบหนี มุ่งตรงเข้าหาถูไหวอี้ พลังแกร่งกล้าจนทำให้ทางนี้ยากจะสกัดได้
ประกอบกันมีคนจำนวนหนึ่งถูกล่อให้คอยสกัดกั้นอยู่ด้านหน้า พอทางนี้เผชิญการโจมตีที่แข็งแกร่งกว่าขึ้นมาอีกก็ยากจะตามมาสนับสนุนได้
เฉาเซิ่งไหวที่ปะปนอยู่ในกลุ่มคนที่ต่อสู้อยู่ขวัญหนีดีฝ่อ ตกใจกำลังกองกำลังของหนิวโหย่วเต้า ไม่คิดเลยว่าหนิวโหย่วเต้าจะมียอดฝีมือในสังกัดมากมายปานนี้
“อ๊าก!” ระหว่างการต่อสู้ดุเดือด ถูไหวอวี้แผดร้องโหยหวนขึ้นมา ถูกปราณกระบี่สายหนึ่งฟันร่างขาดเป็นสองท่อน
เขาเบิกตาโพลง นึกเสียใจก่อนตายที่ไม่ได้เรียกวิหคพาหนะมาใช้เดินทางกลับเมืองหลวงแคว้นจ้าว
ไหนเลยจะทราบว่าต่อให้เรียกวิหคพาหนะมาก็ไร้ประโยชน์ จำนวนที่เขาเรียกใช้งานได้มีจำกัด ผู้คุ้มกันติดตามไปได้ไม่มาก แต่ทางฝั่งมือสังหารกลับมิใช่เช่นนั้น มีแต่จะประสบภัยเร็วขึ้นกว่าเดิม
ต้องทราบด้วยว่า กองกำลังที่ใครบางคนเรียกใช้งานมิใช่มือสังหารธรรมดา แต่เป็นมือสังหารที่มีไว้ใช้รับมือตามกำลังของเป้าหมาย
“ไป!” เมื่อมือสังหารลงมือสำเร็จก็มีคนตะโกนขึ้นมาทันที กลุ่มมือสังหารรวมตัวกันแล้วล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว ใช้ซากศพที่อยู่ทางฝั่ง มีการคุ้มกันเพื่อพาศพของคนฝั่งตนจากไปด้วย
“ตาม!” องครักษ์ของฝั่งนี้ตวาดกร้าว
คนกลุ่มหนึ่งไล่ตามไปทันที เพิ่งไล่ตามเข้าป่าไป มือสังหารที่หลบหนีอยู่ด้านหน้าได้โยนเงาดำๆ มากมายออกมาอย่างเนืองแน่น มีควันโขมงฟุ้งขึ้นในอากาศ
ควันตลบอบอวลไปทั่วป่าและในอากาศ ไม่ทราบว่ามีพิษหรือไม่ ทางนี้ตกใจรีบหยุดเท้าพลางล่าถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าเข้าใกล้อีก
เห็นได้ชัดว่ามือสังหารกลุ่มนั้นผ่านประสบการณ์ลอบสังหารมาอย่างโชกโชน หลังจากลงมือครานี้ ทางนี้รอจนควันทึบสลายตัวไปไหนเลยจะยังมองเห็นเงาร่างของกลุ่มมือสังหารอีก ไม่รู้ว่าหนีไปหลบซ่อนตามที่ใดในป่าลึกตั้งนานแล้ว
เมื่อตามไม่ได้ก็ทำได้เพียงย้อนกลับมา
ซากศพเกลื่อนกลาด ผู้นำของกลุ่มฝ่าซือติดตามค่อยๆ ย่อตัวลงข้างศพของถูไหวอวี้ที่ตายตาไม่หลับ อดไม่ได้ที่จะกัดฟันขบริมฝีปาก ถึงขั้นที่หนังหัวชาไปหมดแล้วแล้ว เช่นนี้จะให้เขากลับไปอธิบายต่อทางราชสำนักแคว้นซ่งอย่างไรเล่า?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า