ตอนที่ 577 ศิษย์หมอผี
หยวนกังเดินผ่านด้านนอกศาลา
ซางซูชิงสังเกตเห็นจึงเดินออกมาจากข้างกายอิ๋นเอ๋อร์ ออกมาจากศาลาริมน้ำ เดินไปขวางหยวนกังแล้วเอ่ยถาม “มีข่าวจากทางเต้าเหยี่ยหรือไม่?”
เรื่องที่ตอนนี้แคว้นเยี่ยนต้องการโจมตีมณฑลหนานโจวมิใช่ความลับอันใด นางย่อมทราบเช่นกัน ในใจกังวลเป็นอย่างมาก
หยวนกังมองออกถึงความกังวลในแววตาของนาง จึงเอ่ยปลอบว่า “หากว่าสถานการณ์ยากจะควบคุมได้จริงๆ ไม่มีทางที่เต้าเหยี่ยจะไม่เตรียมการให้ทางเรา ตอนนี้ยังไม่ได้รับแจ้งข่าวใดๆ จากเต้าเหยี่ย แปลว่าสถานการณ์ยังไม่หลุดจากควบคุม ท่านหญิงสบายใจได้พ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อเต้าเหยี่ยเดินทางไปที่จินโจวด้วยตัวเองแล้ว เขาก็ไม่มีทางนิ่งเฉย ต้องหาทางควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แน่นอน ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็ยังไม่แน่ชัด แต่เต้าเหยี่ยมิใช่คนไร้ความสามารถ ท่านหญิงต้องเชื่อในตัวเต้าเหยี่ยเข้าไว้พ่ะย่ะค่ะ”
นับตั้งแต่ได้มณฑลหนานโจวมาครอบครอง อีกทั้งขับไล่สำนักหยกสวรรค์ออกไปแล้ว เขาก็โล่งใจเช่นกัน เยือกเย็นขึ้นมาก ไม่ได้กังวลขนาดนั้นอีกต่อไป
เท่าที่เขารู้จักเต้าเหยี่ยมา ด้วยความสามารถของเต้าเหยี่ยแล้ว เต้าเหยี่ยที่มีช่องให้ขยับขยายมากขึ้นไม่มีทางแย่ลงไปกว่าที่ผ่านมา
ซางซูชิงคิดตามก็พบว่าจริงดั่งว่า เต้าเหยี่ยคนนั้น หากเกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ ล่ะก็ เขาไม่มีทางละเลยทอดทิ้งทางนี้แน่นอน ตอนนี้ทางนี้ยังคงเรียบร้อยไม่มีปัญหา ก็แปลว่าไม่มีปัญหาใดๆ…
….
ณ สวนไม้เลื้อย ภายให้หอสูงที่มีโต๊ะยาวตัวหนึ่งตั้งอยู่ อวี้ชางนั่งอ่านหนังสืออยู่หลังโต๊ะ
ตู๋กูจิ้งเดินขึ้นหอมา เข้าไปหยุดด้านข้างแล้วนั่งคุกเข่าลง “อาจารย์ ทางจินโจวลงมือเรียบร้อยแล้วขอรับ”
อวี้ชางถาม “ไม่ได้เผยพิรุธใดออกไปใช่หรือไม่?”
ตู๋กูจิ้งตอบว่า “อพยพล่าถอยอย่างหมดจดแล้วขอรับ ไม่ได้ทิ้งร่องรอยใดๆ ที่เชื่อมโยงกับพวกเราไว้ แต่คนผู้นั้นออกจะใจกล้าเกินไปแล้วกระมัง เขาไม่กลัวแคว้นซ่งจะสงสัยเขาแล้วมาคิดบัญชีกับเขาบ้างหรือ?”
อวี้ชางกล่าวว่า “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าคิดว่าเขาไร้พิษสงหรือไร? เขายังไม่กังวลเลย แล้วเจ้าจะกังวลไปไย?”
ตู๋กูจิ้งเอ่ยว่า “ความหมายของศิษย์คือ หากเขาถูกแคว้นซ่งเล่นงานจะสาวมาถึงพวกเราด้วยหรือไม่ขอรับ?”
อวี้ชางกล่าวว่า “หากไม่เข้าตาจนจริงๆ เขาไม่มีทางทำเช่นนั้นแน่นอน ตอนนี้อย่างน้อยๆ ก็มีเรื่องที่พวกเราวางใจได้แล้ว มีจุดอ่อนเช่นนี้อยู่ในมือพวกเรา เขาไม่กล้าเปิดเผยฐานะของพวกเราส่งเดชแน่นอน เมื่อดูจากเรื่องนี้แล้ว ข้ากลับหวังอยากให้เขาครองอำนาจในหนานโจวอย่างเบ็ดเสร็จโดยเร็ว เสี่ยงหน่อยก็ไม่เป็นไร ในอนาคตจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเรา ใช่แล้ว ทางพระนางกับคุณชายเป็นอย่างไรบ้าง?”
ตู๋กูจิ้งตอบว่า “สบายดีขอรับ ตามที่ศิษย์น้องสิงซานรายงานมา คุณชายตั้งใจศึกษาเล่าเรียน พระนางใช้ชีวิตอิสระเสรี ได้รับการปรนนิบัติดูแลเป็นอย่างดี อยู่ทางนั้นพระนางเข้าออกได้อย่างอิสระ ออกจากหุบเขาไปเที่ยวอยู่บ่อยครั้ง มีคนคอยติดตามอารักขาตลอดขอรับ”
“เฮ้อ! อันว่าสตรีล้วนอดทนต่อความเหงาโดดเดี่ยวไม่ไหว” อวี้ชางถอนหายใจ ไม่มีอารมณ์อ่านหนังสือต่อแล้ว โยนหนังสือลงบนโต๊ะ เอ่ยถามว่า “ศิษย์หมอผีคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
ตู่กูจิ้งส่ายหน้า “ยื่นเทียบด้วยนามของท่านอาจารย์แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังคงไม่ยอมพบขอรับ ศิษย์สงสัยว่าอาจจะกินปูนจึงร้อนท้อง จะใช่ศิษย์ของหมอผีจริงหรือไม่ก็ยังต้องลองคุยดูก่อน”
อวี้ชางเอ่ยว่า “ประกาศฐานะว่าเป็นศิษย์หมอผีอย่างโจ่งแจ้งเปิดเผย น่าจะมิใช่ตัวปลอม เว้นแต่หน่ายจะมีชีวิตอยู่แล้วเท่านั้น ต่อให้เป็นการแอบอ้างแต่ก็คาดว่าคงมีความเกี่ยวข้องกับหมอผีอยู่เช่นกัน ยื่นเทียบต่อไป หากครบสามครั้งแล้วยังไม่ยอมให้พบ ข้าจะลองไปหาเขาด้วยตัวเองดู”
“ขอรับ!” ตู๋กูจิ้งพยักหน้ารับ จากนั้นก็เอ่ยอย่างค่อนข้างฉงน “ในเมื่อเขาวางท่าไม่ยอมพบ แล้วไยท่านอาจารย์ต้องยอมลดเกียรติไปพบให้ได้เล่าขอรับ?”
อวี้ชางปรายตามองเขาเล็กน้อย “โอสถเทพระทม! ข้าก็อยากเห็นเช่นกันว่าคนผู้นี้ออกมาท่องโลกเพื่อฝึกฝนประสบการณ์ หรือว่าอยากจะเข้ามามีส่วนร่วมในคลื่นมรสุมด้วย โลกหล้าลึกล้ำ หวังว่าศิษย์หมอผีคนนี้จะปกป้องตัวเองไว้ได้”
ตู๋กูจิ้งมีสีหน้าเคร่งขรึม กระจ่างขึ้นมาแล้ว มีคนมากมายในหอจันทร์กระจ่างที่ถูกควบคุมไว้ด้วยโอสถเทพระทม โอสถเทพระทมยังไม่มียาถอนพิษอย่างเด็ดขาดได้ หมอผีจะสามารถถอนพิษโอสถเทพระทมได้หรือไม่ ทางนี้ก็ยังไม่ทราบ แต่ขนาดพิษของกุมารแดงก็ยังแก้ได้ ทำให้จำเป็นต้องกังวลเอาไว้ก่อน หากสามารถถอนพิษโอสถเทพระทมได้จริง เช่นนั้นก็เป็นปัญหาใหญ่แล้ว
ที่ผ่านมาไม่ต้องกังวล เนื่องจากหาตัวหมอผีพบได้ยาก อีกทั้งหมอผีก็ไม่มีทางลงมือช่วยรักษาง่ายๆ ทุกคนต่างทราบกันดีว่าหมอผีเจรจาด้วยยาก แต่ตอนนี้ศิษย์ของหมอผีกลับเผยตัวออกมาอย่างโจ่งแจ้ง หากสามารถถอนพิษได้จริง อีกทั้งอีกฝ่ายก็เผยตัวโดดเด่นอยู่ในที่แจ้งเช่นนี้ คนที่หอจันทร์กระจ่างควบคุมเอาไว้อย่างลับๆ จะต้องไปขอความช่วยเหลือแน่นอน นี่จะส่งผลกระทบต่อหอจันทร์กระจ่างอย่างใหญ่หลวงเอาได้
อาจารย์ทำเช่นนี้เพราะอยากไปลองหยั่งเชิงดูว่าศิษย์หมอผีคนนี้จะยอมทำการรักษาให้ง่ายๆ หรือไม่ แล้วจะแก้พิษได้หรือไม่ เพื่อให้เตรียมรับมือได้สะดวก
….
ณ เรือนหลังหนึ่งที่ดูไม่ค่อยโดดเด่นสะดุดตาในเมืองหลวงแคว้นฉี ทำเลที่ตั้งนับว่าเงียบสงบดี แต่ยามนี้กลับมีคนแห่มาหนาแน่น
นอกประตูใหญ่ที่ปิดสนิท มีข้ารับใช้ที่ถือเทียบนามของคหบดีชนชั้นสูงมายืนออกันอยู่เป็นกลุ่ม แต่ละคนจับตามองประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิทอยู่
โดยรวมแล้วทุกคนยังคงรักษาความสงบไว้ ไม่ได้เสียงดังโวยวาย
มีเสียงฝีเท้าม้าแว่วดังมาจากหัวถนน บุรุษชุดม่วงเรือนร่างกำยำคนหนึ่งนั่งเหยียดตัวตรงอยู่บนหลังม้า ใบหน้าคมสันมีเหลี่ยมมุมชัดเจน บนศีรษะสวมกวานผมสีทองไว้
“เป็นซีย่วนต้าอ๋อง” ใครบางคนที่อยู่ในกลุ่มคนพึมพำออกมา
ซีย่วนต้าอ๋องเฮ่าอวิ๋นเซิ่งปรากฏตัวขึ้น ทำให้กลุ่มคนในตรอกพากันถอยแหวกออกเป็นสองฝั่ง เปิดทางให้
พอถึงหน้าประตูก็ลงจากม้า ขาข้างหนึ่งที่มีโครงโลหะดามไว้ ยามเดินเกิดเสียงดังกรอกแกรกๆ มองเห็นอาการเดินกะเผลกที่ผิดปกติได้ชัดเจน
คนที่มุงอยู่หน้าประตูก็หลบทางให้ทั้งสิ้น ยกที่พื้นที่ตรงหน้าประตูให้แก่เฮ่าอวิ๋นเซิ่ง
ผู้ติดตามคนหนึ่งของเฮ่าอวิ๋นเซิ่งก้าวขึ้นบันไดไปหมายจะเคาะประตู
เฮ่าอวิ๋นเซิ่งตวัดมือฟาดแส้เฆี่ยนม้าออกไปเสียงดังเพียะ! เฆี่ยนอาภรณ์ด้านหลังของเขาจนขาด ชี้แส้พลางตวาดว่า “ผู้ใดใช้ให้เจ้าวู่วามไปรบกวนท่านหมอ? ยื่นรออยู่หน้าประตูเสีย!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ผู้ติดตามที่ถูกเฆี่ยนไม่กล้าบ่น ถอยลงมารอคอยอยู่ที่ด้านล่างบันไดทันที
เฮ่าอวิ๋นเซิ่งก็ยืนรออยู่หน้าประตูอย่างเป็นจริงเป็นจังเช่นกัน มีความอดทนเป็นอย่างมาก มีมาดของนายทหารผู้เปี่ยมมารยาทอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้เขาก็เคยส่งคนมายื่นเทียบเข้าพบเช่นกัน แต่อีกฝ่ายกลับไม่ไยดีท่านอ๋องอย่างเขาเลย
เขาก็โมโหมากเช่นกัน แต่พอนึกถึงภูมิหลังของคนที่อยู่ในเรือนผู้นี้แล้ว เขาก็ล่วงเกินไม่ได้เช่นกัน ได้แต่ต้องมาด้วยตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า