ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 581

ตอนที่ 581 ระวังคำพูด

วาจานี้เขากล่าวออกมาด้วยความจริงใจ แต่ก็มิได้ออกมาจากใจจริงเช่นกัน

ที่บอกว่าไม่ได้ออกมาจากใจจริง เพราะเขาไม่เชื่อว่าหนิวโหย่วเต้าจะยอมปล่อยเขาไป ในทางกลับกันเขาก็เชื่อด้วยว่าหนิวโหย่วเต้าเองก็คิดเช่นนี้ หนิวโหย่วเต้าไม่มีทางปล่อยเขาไป แล้วตัวเขาไหนเลยจะปล่อยหนิวโหย่วเต้าไปได้? ไม่ว่าเป็นผู้ใดที่ได้ครอบครองอำนาจล้วนแต่จะต้องเล่นงานอีกคนให้ตาย!

ที่บอกว่าจริงใจ เพราะเขารู้ว่าเป็นความต้องการของไท่ซู่สยงเพียงฝ่ายเดียว หนิวโหย่วเต้าไม่มีทางยอมสวามิภักดิ์ต่อไท่ซู่สยง

เขาต่อกรกับหนิวโหย่วเต้ามาหลายต่อหลายครั้ง ต่างฝ่ายฝ่ายเคยตกอยู่ในความเป็นความตายเพราะแผนของอีกฝ่าย ทั้งสองฝ่ายคือคนที่เคยประมือกันด้วยแผนอันละเอียดรอบคอบ ต่างฝ่ายต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี

หากว่ากันในอีกมุมหนึ่งแล้ว หนิวโหย่วเต้าและเขาเป็นคนประเภทเดียวกัน ล้วนไม่ยินดีจะถูกผู้ใดบงการ หากมิใช่เพราะเขาถูกบีบคั้นจนหมดหนทางแล้ว ไหนเลยจะยอมละทิ้งมณฑลเป่ยโจวหนีมาที่นี่ได้

หนิวโหย่วเต้าเองก็เช่นกัน เขาจัดการมณฑหลหนานโจวได้เป็นอย่างดีแล้ว ปัจจุบันยิ่งลงหลักปักฐานในมณฑลหนานโจวได้อย่างมั่นคงแล้ว ไม่มีทางจะยอมละทิ้งมณฑลหนานโจวมาเป็นข้ารองบาทที่นี่อีก

ดังนั้นเขาถึงรู้ว่าไท่ซู่สยงไม่มีทางชักจูงมาได้สำเร็จ ถูกกำหนดไว้แล้วว่าหากไม่สำเร็จก็ต้องสังหารทิ้ง แล้วไยเขาต้องทำให้ตนดูเป็นคนใจแคบในสายของไท่ซูสยงด้วยเล่า!

แต่ไท่ซู่สยงกลับมีสีหน้าตื้นตันใจอย่างยิ่ง ตื้นตันเนื่องจากเขาเอ่ยออกมาด้วยท่าทางจริงจังปราศจากความลังเล จึงเอ่ยชมอย่างพอใจว่า “หากขุนนางใหญ่ในราชสำนักมีความใจกว้างและมีวิสัยทัศน์กว้างไกลได้เท่าเจ้า แคว้นจิ้นไหนเลยจะดักดานอยู่เช่นนี้ คงผงาดคำรามไปทั่วหล้าเช่นพยัคฆ์หลุดพ้นกรงไปนานแล้ว! ได้ตัวคุณชายมานับเป็นโชคของข้า ข้าโชคดีเหลือเกิน ข้ามองคนไม่ผิดเลย ดี ดีมาก!”

“ฝ่าบาททรงชมเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ น้ำขึ้นจึงหนุนเรือสูงได้ กระหม่อมเองก็มีความเห็นแก่ตัวอยู่เช่นกัน” เซ่าเผิงปอประสาบมือค้อมคำนับ ขอบคุณคำชมเชย

“เราเข้าใจหลักเหตุผลดี ทั่วราชสำนักมีผู้ใดบ้างที่ไม่เข้าใจหลักเหตุผลนี้? ล้วนทราบกันดีทั้งสิ้น แต่ผู้ที่รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาได้กลับหายากเย็นเหลือเกิน ในแง่นี้เจ้าเหนือกว่าพวกเขานับร้อยนับพันเท่า” ไท่ซู่สยงชมเขาแล้วชมเขาอีก อีกฝ่ายยอมละวางความบาดหมางในอดีตได้ เขาย่อมไม่ตระหนี่คำชื่นชม

เซ่าผิงปอได้แต่ค้อมคำนับอีกครั้ง ไม่กล้ารับเอาไว้

ไท่ซู่สยงยื่นมือไปประคองเขาขึ้นมา จากนั้นก็ยกมือไพล่หลังเอ่ยไปว่า “เรื่องแผนทางแคว้นฉีและแคว้นเว่ย ข้ารู้ว่าเจ้ายังตัดสินใจไม่ได้ แต่สมควรจะเร่งมือได้แล้วกระมัง? หรือว่าทางหอหยดหมึกไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้า? ผู้ใดกล้าถ่วงรั้งแผนงานใหญ่ เจ้าบอกออกมาได้เต็มที่เลย!”

เขาหมายถึงเรื่องยุแยงสองพี่น้องผู้ปกครองแคว้นเว่ยและเรื่องความสัมพันธ์ของฮ่องเต้แคว้นฉีกับเหล่าโอรส เขายกเรื่องนี้ให้เซ่าผิงปอรับผิดชอบดูแล

ตอนนี้เซ่าผิงปอยังไม่มีภาระหน้าที่อื่นใด หลักๆ คือทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาข้างกายเขาเท่านั้น ไม่มีผลงานก็ไม่สะดวกจะจัดสรรตำแหน่งที่เหมาะสมให้เซ่าผิงปอ

เซ่าผิงปอมาอยู่ที่นี่ เขาก็ได้ฝืนกฎเกณฑ์ปฏิบัติด้วยอย่างเป็นพิเศษแล้ว เกิดเสียงวิจารณ์ขึ้นในราชสำนักแล้วด้วย จู่ๆ จะให้แต่งตั้งคนนอกอย่างเซ่าผิงปอให้อยู่ในตำแหน่งสูงอีกก็คงจะไม่เหมาะสมนัก

ตอนนี้แผนการใหญ่นี้จำเป็นต้องดำเนินการอย่างลับๆ ไม่อาจปล่อยให้รั่วไหลออกไปได้ จะให้คนในราชสำนักทราบไม่ได้ อีกทั้งเป็นบททดสอบสำหรับเซ่าผิงปอด้วย

หากแผนการของเซ่าผิงปอสัมฤทธิ์ผล ช่วยทำลายรูปการณ์หลังบ้าน เป็นผลดีต่อการบุกโจมตีของทัพใหญ่ได้ เช่นนั้นจะนับว่ามีคุณูปการใหญ่หลวง เมื่อมีผลงานใหญ่เช่นนี้แล้ว จะตกรางวัลให้ผู้ใดยังจะคัดค้านได้อีก สามารถแต่งตั้งตำแหน่งให้เซ่าผิงปอได้อย่างชอบธรรม

เขาทราบถึงหลักการข้อนี้ดี เซ่าผิงปอเองก็ทราบเช่นกัน

เซ่าผิงปอฟังแล้วเอ่ยชี้แจงอย่างจริงจังทันที “มิใช่ว่าผู้ดูแลเถาไม่ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่เป็นกระหม่อมเองที่ไม่อยากทำงานอย่างขอไปที ถึงแม้ฮ่องเต้แคว้นเว่ยจะประพฤติตัวเหลวไหล แต่สตรีอย่างเสวียนเวยแห่งแคว้นเว่ยก็เก่งกล้าไม่แพ้บุรุษ ส่วนเฮ่าอวิ๋นถูฮ่องเต้แคว้นฉีก็หาใช่คนธรรมดาไม่ หากแหวกหญ้าให้งูตื่นจนพวกเขาสังเกตเห็น นั่นจะก่อให้เกิดการเฝ้าระวังขึ้นได้ ต่อไปก็ไม่อาจใช้ลูกไม้นี้ได้อีก จะไม่ก่อประโยชน์ใดๆ อีก แผนนี้หากไม่ใช้ก็แล้วไป แต่หากใช้แล้วต้องทำให้สัมฤทธิ์ผลได้ในครั้งเดียว คนที่หอหยดหมึกเสนอมาในตอนนี้ยังไม่ถูกใจกระหม่อม จำเป็นต้องให้หอหยดหมึกเฟ้นหาโฉมงามมาอย่างละเอียดรอบคอบ จำเป็นต้องเตรียมการอย่างรอบคอบไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้น คนที่จะจัดส่งไปต้องไร้ประวัติด่างพร้อย ทำให้อีกฝ่ายสืบค้นแล้วไม่พบปัญหาใดๆ ทั้งสิ้นพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม ที่พูดมาก็มีเหตุผล ข้าใจร้อนไปเสียแล้ว” ไท่ซู่สยงพยักหน้าพลางเอ่ยชมเชย “เจ้าคิดได้รอบคอบนัก ด้วยความสามารถของเจ้า มอบหมายเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการข้าก็วางใจแล้ว!”

“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงไว้วางพระทัย กระหม่อมจะไม่ทำให้ฝ่าบาทต้องผิดหวังแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

….

ณ จวนผู้ว่าการมณฑลหนานโจว ภายในโถงองอาจ เหมิงซานหมิงนั่งอยู่หน้าแผนที่ ส่วนซางเฉาจงยืนอยู่

แม้จะทราบว่าแคว้นเยี่ยนถอนกำลังทหารและล้มเลิกแผนการเข้าโจมตีมณฑลหนานโจวไปแล้ว แต่เรื่องราวทางแคว้นจ้าวยังไม่จบลง มณฑลจินโจวยังคงเผชิญหน้ากับแรงกดดันมหาศาลอยู่ ทันทีที่มณฑลจินโจวพลาดท่า หลังจากนั้นมณฑลหนานโจวจะต้องเผชิญสถานการณ์ที่ถูกกระหนาบโจมตีจากสองฝั่งแน่นอน

สัญลักษณ์ที่ปักไว้บนแผนที่ในยามนี้คือสถานการณ์โยกย้ายกำลังทหารของฝั่งแคว้นจ้าว หากเปิดศึกขึ้นมาจะสู้อย่างไร ทางนี้ก็ต้องหารือเอาไว้เช่นกัน หามาตรการป้องกันไว้ล่วงหน้า

หลานรั่วถิงถือจดหมายเดินเข้ามา หลังจากคารวะแล้วก็ยื่นจดหมายให้ซางเฉาจง “จดหมายจากเต้าเหยี่ยพ่ะย่ะค่ะ ต้องการให้ท่านอ๋องระดมกำลังกององครักษ์เลิศล้ำห้าวหาญหนึ่งหมื่นนายเดินทางมุ่งสู่จินโจว ขณะเดียวกันก็ขอให้ระดมทัพใหญ่เข้าประชิดทางฝั่งจินโจวเอาไว้ แสดงจุดยืนว่ายินดีจะให้การสนับสนุนจินโจวในการต่อกรกับราชสำนักแคว้นจ้าวอย่างเต็มที่ ข่มขวัญให้หวั่นใจพ่ะย่ะค่ะ”

เหมิงซานหมิงที่จ้องมองแผนที่อยู่ผงกหัวรับ “เป็นไปตามที่คาดการณ์เอาไว้”

หลานรั่วถิงก็พยักหน้าให้ “จินโจวและหนานโจวเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิด พึ่งพาอาศัยกันและกัน ตอนนี้ใม่อาจปล่อยให้มีผู้ใดพลาดท่าลงได้ มิเช่นนั้นอีกฝ่ายที่เหลืออยู่ก็ยากจะรับมือจากการโจมตีของทั้งแคว้นได้”

“ดูเหมือนข้าจะกลายเป็นผู้สนองประสงค์ของเต้าเหยี่ยไปเสียแล้ว” จู่ๆ ซางเฉาจงก็เอ่ยโพล่งออกมา

เหมิงซานหมิงและหลานรั่วถิงต่างตกใจ พากันหันกลับไปมองเขาทันที ตะลึงงันพูดไม่ออกทั้งคู่ ต่างอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองรอบข้างเล็กน้อย คล้ายกังวลว่าหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง

ทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกมาก็ทำให้ทั้งสองตกใจขวัญหาย

พอซางเฉาจงเห็นสถานการณ์ก็โบกมือพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “อย่าเข้าใจผิดไป ข้าไม่ได้มีเจตนาอื่นใด ข้าก็ทราบเช่นกันว่าเต้าเหยี่ยจำเป็นต้องช่วยหนุนจินโจวไว้ ทว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เต้าเหยี่ยไม่เคยเปิดเผยแผนการใดๆ ต่อทางเราเลย แค่ส่งกระดาษมาแผ่นเดียวก็จะให้ทางนี้เคลื่อนทัพใหญ่ มันก็ออกจะเหมือนเด็กน้อยเล่นขายของเกินไปกระมัง ดีที่สถานการณ์กระจ่างชัดเจน หากสถานการณ์ยังคงไม่แน่ชัด ข้าจะออกคำสั่งอย่างคลุมเครือได้อย่างไร เหล่าทหารแม่ทัพจะเดินทัพกันอย่างไร จะตั้งฐานทัพกันเช่นใด แล้วจะต้องเคลื่อนพลอย่างไร หรือว่าต้องขนกันไปที่จินโจวทั้งหมด?”

เหมิงซานหมิงเอ่ยเนิบๆ ว่า “เต้าเหยี่ยไม่สันทัดในด้านนี้ อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้สั่งการเช่นนี้ หากมีโอกาสกระหม่อมจะอธิบายกับเขาเอง เขาน่าจะเข้าใจได้ แต่ว่า…ท่านอ๋องต้องพึงระวังคำพูดเอาไว้นะพ่ะย่ะค่ะ!”

“ระงับเอาไว้พ่ะย่ะค่ะ!” หลานรั่วถิงกดสองมือลงเล็กน้อย เอ่ยเตือนเสียงเบา “สมัยที่อาจารย์ยังอยู่ เคยกล่าวกับหนิงอ๋องไว้ว่าผู้เป็นกษัตริย์ต้องมีใจเปิดกว้าง ใช้งานคนอื่นอย่าได้เผยความคิดทั้งหมดออกมา วางตัวเรียบง่ายเข้าไว้ อีกฝ่ายจะได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่! หากต้องการควบคุมด้วยตัวเองไปเสียทุกเรื่อง ให้คนเขารอฟังคำสั่งเท่านั้น คนเขาจะแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ได้อย่างไร หากต้องคอยพยักหน้ารับคำสั่งอย่างเดียว แล้วจะยินยอมทำงานอย่างเต็มกำลังได้หรือ?”

“ความสามารถของเต้าเหยี่ยท่านอ๋องก็รู้ซึ้งดี อีกทั้งเป็นสิ่งที่ท่านอ๋องขาดไปเช่นกัน จุดบกพร่องของท่านอ๋องได้รับการเติมเต็มจากเขา เรื่องที่ท่านอ๋องไม่ควรลงมือเอง ท่านอ๋องก็ทำเป็นหลับตาไปข้างเสีย ส่วนเรื่องที่ท่านอ๋องสมควรตัดสินใจเอง ท่านอ๋องสามารถแสดงความเห็นออกมาได้เต็มที่! ในจุดนี้ เต้าเหยี่ยนับเป็นผู้ปราดเปรื่องอย่างแท้จริง เรื่องของทางนี้ที่เขาไม่สมควรยุ่ง เต้าเหยี่ยก็แทบไม่เคยถามถึงเลยด้วยซ้ำ ท่านอ๋อง สำรวมตัวไว้ สงบไว้เถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

ซางเฉาจงยิ้มเจื่อน “ข้าจำได้ว่าตอนที่เพิ่งถูกปล่อยตัวออกจากเมืองหลวงในปีนั้น หลังจากข้าใช้ดาบสังหารทหารเฝ้าประตูเมืองไป อาจารย์หลานก็เคยเตือนว่าข้าเผยความคิดโจ่งแจ้งเกินไป เฝ้าเตือนให้ข้าสำรวมไว้เสมอมา เอ่ยเตือนอยู่บ่อยครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้ว เจตนาของอาจารย์หลานข้าเข้าใจดี แล้วก็ทราบดีว่าสมควรทำอย่างไร ข้าเพียงเอ่ยไปอย่างนั้น หาได้มีเจตนาอื่นใดไม่ แม่ทัพเหมิงและอาจารย์หลานคิดมากไปแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า