ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 583

ตอนที่ 583 ขอเพียงเขายินยอมมา

“แคว้นจ้าวสลายกำลังที่พุ่งเป้าไปยังจินโจวแล้ว หนานโจวและจินโจวรอดภัยไปได้!”

ภายในจวนครองฟ้า หลังจากเสวียนเวยที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานอ่านรายงานข่าวจบก็โยนลงบนโต๊ะ ถอนหายใจออกมา

เสียงถอนหายใจแฝงความเสียดายไว้หลายส่วน นางหวังให้มณฑลหนานโจวถูกแคว้นเยี่ยนยึดคืน หนิวโหย่วเต้ายังติคค้างน้ำใจนางอยู่ นางจะได้ถือโอกาสนี้ดึงตัวหนิวโหย่วเต้ามา

สภาวะของหนิวโหย่วเต้าไม่โดดเด่น แต่มีพรสวรรค์ล้ำค่า ดึงตัวมาเป็นนักวางกลยุทธ์ที่สมบูรณ์แบบได้

นักวางกลยุทธ์ที่ดีคนหนึ่งมีค่าเทียบเท่ากองทัพนับหมื่นพัน เผลอๆ อาจจะมีค่ากว่ายอดฝีมือสภาวะสูงส่งนับสิบคนด้วยซ้ำ

จ้าวสยงเกอและหนิวโหย่วเต้า หากว่านางต้องเลือกสักคนหนึ่ง นางย่อมเลือกหนิวโหย่วเต้าอย่างไม่ลังเลเลย จ้าวสยงเกอคนเดียวต่อให้สู้เก่งเพียงใด แต่เมื่อเผชิญกับกองกำลังระหว่างแคว้น สุดท้ายอานุภาพทำลายล้างก็มีขีดจำกัดอยู่ดี

แต่นางก็ไม่อยากให้มณฑลหนานโจวถูกยึดคืนไปเช่นกัน สถานการณ์เช่นในปัจจุบันนี้ดีที่สุดแล้ว นางไม่อยากให้สมดุลของสี่แคว้นทางตะวันออกถูกทำลายลง ไม่อยากให้แคว้นใดแคว้นหนึ่งทางฝั่งตะวันออกขยายอำนาจได้ ในยามที่แคว้นเว่ยไร้กำลังทำอะไรได้ไม่มาก ปล่อยให้ทางตะวันออกคานอำนาจถ่วงสมดุลกันไว้จะดีที่สุด

ดังนั้นสภาพอารมณ์ของนางจึงค่อนข้างซับซ้อนพอสมควร

ถังอี๋ที่อยู่ด้านข้างลองถามดู “ครั้งนี้แคว้นเยี่ยนถูกสถานกาณณ์บังคับให้ต้องถอนกำลังไป เช่นนั้นวันหน้าก็อาจจะหวนกลับมาได้อีกครั้งใช่หรือไม่เพคะ?”

สำหรับสถานการณ์ของแคว้นเยี่ยนในปัจจุบันนี้ เมื่อลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว ในใจของนางยังคงเอนเอียงไปหาทางมณฑลหนานโจวของหนิวโหย่วเต้า ไม่อยากให้หนิวโหย่วเต้าเผชิญปัญหาเดือดร้อน

“หากไม่เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงขึ้น น่าจะไม่กลับมาอีกสักระยะหนึ่ง” เสวียนเวยลุกขึ้นมา เดินอ้อมโต๊ะตัวยาวออกมาแล้วเดินวนไปวนมา “ในอดีตแคว้นเยี่ยนเสียเป่ยโจวไปก็พิพาทกับแคว้นหานอยู่หลายปีมิใช่หรือ? ตอนนี้กลับกันแล้ว แคว้นหานคงไม่มีทางยอมปล่อยไปง่ายๆ มิเช่นนั้นคงมอบคำอธิบายต่อทั้งแคว้นตนไม่ได้ ไหนเลยจะใช่เพียงทำวางท่าไปเท่านั้น คงต้องขัดแย้งกันต่อไป”

“แคว้นซ่งได้ข้ออ้างแล้ว สามารถส่งกองทัพออกไปได้ทุกเมื่อ แต่จะให้ปะทะกับแคว้นเยี่ยนตัวต่อตัวแบบตายกันไปข้างก็ยังไม่กล้าเช่นกัน แบบนั้นจะสร้างความเสียหายต่อกำลังของแคว้นมากเกินไป หากประมาทไปเพียงนิดเดียวอาจถูกคนรวบเอาแคว้นซ่งและแคว้นเยี่ยนไปพร้อมกันได้ แคว้นซ่งจะต้องใช้ข้ออ้างนี้พัวพันแคว้นเยี่ยนไม่หยุด แต่ก็ไม่มีทางบุ่มบ่ามลงมือ ลับหลังจะต้องไปยุยงให้แคว้นหานลงมือเป็นแน่ แคว้นจ้าวยังไม่เกิดสงครามภายใน คงคอยจับจ้องตาเป็นมันอยู่ห่างๆ แคว้นหานก็ไม่กล้าหุนหันพลันแล่น คงยุยงให้แคว้นซ่งลงมือเช่นกัน”

ถังอี๋ลองถามออกไปอีกครั้ง “ทั้งสองแคว้นจะไปร่วมมือกับแคว้นจ้าว กลายเป็นสามแคว้นร่วมมือกันแบ่งแคว้นเยี่ยนหรือไม่เพคะ?”

เสวียนเวยหันกลับไปมองนางเล็กน้อย ยิ้มนิดๆ แล้วกล่าวว่า “เจ็ดแคว้นรบรากันมานานถึงเพียงนี้ ต่างทราบแผนการในใจของแต่ละฝ่ายดี หากแคว้นจ้าวกล้าเข้าไปร่วมวงกับแคว้นซ่งและแคว้นหานจัดการแคว้นเยี่ยนล่ะก็ แคว้นแคว้นฉีและแคว้นเว่ยของข้าก็ไม่มีทางนิ่งดูดายได้ ทางตะวันตกของแคว้นหานคือทะเลทรายกว้างไพศาล มีแมงป่องทรายนับไม่ถ้วน ทัพใหญ่ไม่อาจข้ามผ่านไปได้ หากแคว้นฝั่งตะวันออกต้องการยกทัพเข้าสู่ฝั่งตะวันตกก็ต้องผ่านเข้าทางแคว้นจ้าวไปเท่านั้น”

“แคว้นจิ้นที่อยู่ตรงข้ามก็ทำให้คนปวดหัวมากพออยู่แล้ว ไหนเลยจะปล่อยให้แคว้นจ้าวขยายอำนาจได้อีก? แคว้นจ้าวเรียกได้ว่าเป็นด่านสกัดภัยหลังบ้านให้แคว้นเว่ยและแคว้นฉี เป็นด่านสำคัญที่ขัดขวางแคว้นฝั่งตะวันออกไว้ให้ทั้งสองแคว้น ทางฝั่งตะวันออกแคว้นใดจะเป็นใหญ่ขึ้นมาก็ได้ แต่มีเพียงแคว้นจ้าวที่แคว้นฉีและแคว้นเว่ยไม่มีทางยอมให้ได้เป็นใหญ่ขึ้นมา นี่คือยุทธศาสตร์สำคัญของทั้งสองแคว้น”

“หากยอมถอยแม้เพียงก้าวเดียวก็จะมีปัญหาต่างๆ ประเดประดังตามมาไม่หยุด ทันทีที่แคว้นจ้าวเรืองอำนาจ เพื่อจะป้องกันแคว้นจิ้นไว้ เกรงว่าภายหน้าคงต้องยอมลดตัวลงไปเอาใจแคว้นจ้าว แล้วต้องจ่ายไปมากเพียงใดกันเล่าถึงจะเติมเต็มความละโมบของอีกฝ่ายได้? เลี้ยงดูอีกฝ่ายจนอ้วนท้วนสมบูรณ์แล้ว อีกฝ่ายไม่มีทางมาสำนึกในน้ำใจของเจ้าหรอกก สุดท้ายยังจะหันดาบมาทางเจ้าด้วย!”

“ทันทีที่แคว้นจ้าวได้เข้าร่วมวงแบ่งปันผลประโยชน์แคว้นเยี่ยน ไม่ว่าอย่างไรแคว้นฉีและแคว้นเว่ยเราก็ต้องส่งกำลังทหารออกไปร่วมมือกันกำราบแคว้นจ้าวเอาไว้แน่ เมื่อเป็นเช่นนี้ แคว้นจ้าวก็คงต้องมองเฉยๆ หรือไม่ก็…หากไม่อยากเห็นแคว้นหานได้รับประโยชน์จากแคว้นเยี่ยนจนแกร่งกล้าขึ้นแล้วมารุกรานตนต่อ ก็คงทำได้เพียงฉวยโอกาสส่งกำลังเข้าโจมตีแคว้นหาน ด้วยเหตุนี้แคว้นหานกก็จะตกอยู่ในสภาวะห่วงหน้าพะวงหลังอีก เมื่อโยงใยกันไปเป็นวงเช่นนี้ก็จะเกิดการถ่วงสมดุลขึ้น หากมิใช่เพราะเช่นนี้ หลังจากหนิงอ๋องซางเจี้ยนปั๋วสิ้นชีพ ด้วยสถานกาณณ์ในปัจจุบันของแคว้นเยี่ยนเกรงว่าคงล่มสลายไปนานแล้ว”

ถังอี๋ใคร่ครวญตามแล้วพยักหน้ารับ หลังจากมาติดตามเสวียนเวย นางจำเป็นต้องยอมรับเลยว่าได้เปิดโลกขึ้นมากนัก

พอเอ่ยมาถึงตรงนี้ เสวียนเวยเหลือบมองถังอี๋ “กลับเป็นตัวหนิวโหย่วเต้าเองที่ตอนนี้ใครๆ ก็มองว่าเขาเป็นที่พึ่งสำคัญของซางเฉาจงไปแล้ว เกรงว่าซางเจี้ยนสยงคงไม่มีทางปล่อยเขาไปง่ายๆ แน่”

ถังอี๋ถาม “เขามีกำลังทหารของหนานโจวในมือ ซางเจี้ยนสยงจะกล้าแตะต้องส่งเดชหรือเพคะ?”

เสวียนเวยส่ายหน้าพลางแย้มยิ้ม “สงครามที่มีผู้บำเพ็ญเพียรเข้าร่วมวง ฝ่ายใดบ้างเล่าที่ไม่มีผู้บำเพ็ญเพียรติดตามอยู่ มิเช่นนั้นแม่ทัพในกองทัพนับหมื่นพันคงถูกศัตรูเด็ดหัวไปได้ง่ายๆ ต่อให้เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งเพียงใด แต่หากไร้ผู้บัญชาการ แล้วจะต่อสู้ได้อย่างไร? สำนักเขามหายานให้ความร่วมมือติดตามทัพของซางเฉาจงเข้าประชิดทางจินโจวก็เพื่อขู่ขวัญทางแคว้นจ้าว โดยสรุปแล้วก็ทำไปเพื่อปกป้องหนานโจวไว้ แคว้นเยี่ยนยอมถอนกำลังไปแล้ว เจ้าคิดว่าสำนักเขามหายานจะยังเป็นฝ่ายไปหาเรื่องใส่ตัวอีกหรือ? อีกอย่าง…”

นางชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อ “ตัวพวกเขาเองก็ไม่กล้าปะทะกับหนิวโหย่วเต้าตรงๆ เพราะกลัวจะก่อให้เกิดความโกลาหลใหญ่โตขึ้นในหนานโจว แต่หากว่ามีคนอื่นเข้ามารับหน้าที่แทนล่ะก็…เกรงว่าสำนักเขามหายานคงอดใจรอที่จะยืมดาบสังหารคนแทบจะไม่ไหวแล้วเช่นกัน อยากฉวยโอกาสนี้ยืมมือซางเจี้ยนสยงกำจัดหนิวโหย่วเต้าทิ้งแทบแย่แล้ว! หากสำนักเขามหายานไม่ให้ความร่วมมือกับซางเฉาจงขึ้นมา ทัพใหญ่ของซางเฉาจงก็จะไร้พิษสงไปทันที หากกล้าบุกเข้ารุกรานราชสำนักก่อนนับว่ารนหาที่ตาย เจ้าว่าซางเจี้ยนสยงจะกล้าลงมือส่งเดชหรือไม่เล่า?”

ถังอี๋เงียบไป ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ลึกๆ ในใจนึกกังวลแทนหนิวโหย่วเต้าขึ้นมาแล้ว

“แต่ข้ากลับยินดีจะให้ที่พักพิงคุ้มภัยแก่หนิวโหย่วเต้า ข้าเองก็ชื่นชมเขามากเช่นกัน ขอเพียงเขายินดีมาช่วยเป็นกำลังให้ข้าที่แคว้นเว่ย ปัญหายุ่งยากทั้งหมดของเขาล้วนจะได้รับการคลี่คลาย หากว่ากันในแง่กำลังทรัพย์ ในเจ็ดแคว้นไม่มีผู้ใดเทียบแคว้นเว่ยได้ ขอเพียงเขายินยอมมา ข้ารับประกันเลยว่าจะจัดหาทรัพยากรบำเพ็ญเพียรให้เขาอย่างพรั่งพร้อม อีกทั้งอาจจะช่วยอำนวยประโยชน์ให้เขามากขึ้นด้วย”

เสวียนเวยกล่าวพลางเดินไปหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าถังอี๋ จ้องมองนางแล้วเอ่ยว่า “หากเจ้าสามารถโน้มน้าวให้เขามาได้ ข้าก็ยินดีจะช่วยสะกดสำนักอื่นให้แก่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ แล้วก็แบ่งอาณาเขตหนึ่งมณฑลให้แกก่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์!”

นางเป็นคนแรกที่นึกอยากจะดึงตัวหนิวโหย่วเต้าเข้ามา แต่ช่วงแรกยังไม่ได้มีความคิดที่แรงกล้าขนาดนี้ เพราะว่านางก็ใช่ไท่ซูสยง ไม่ได้ทราบเรื่องราวมากมายจากปากเซ่าผิงปอเหมือนอย่างเขา

แต่นางคือคนแรกที่ให้ความสนใจต่อหนิวโหย่วเต้า เริ่มขึ้นตอนที่หนิวโหย่วเต้าปล้นม้าศึกแล้วนางได้พบหยวนกังในทะเลทราย ในฐานะคนที่อยู่เบื้องหลังชายที่สามารถควบคุมราชาแมงป่องได้ จะไม่ให้นางเกิดความสนใจเขาก็คงเป็นไปได้ยาก

แต่เรื่องราวที่นางทราบก็ไม่ได้มากไปกว่าคนอื่นๆ สักเท่าไร ในแง่หนึ่งแล้ว หนิวโหย่วเต้าค่อนข้างเก็บตัว ส่วนใหญ่จะหลบอยู่ในมณฑลหนานโจวไม่ออกไปไหน แม้แต่ซางเฉาจงที่เป็นพวกเดียวกับหนิวโหย่วเต้าก็ไม่ทราบว่าหนิวโหย่วเต้าไปที่ไหนอยู่บ่อยครั้ง จึงยากมากที่คนนอกจะสืบพบข้อมูลอันใดได้

แต่นับตั้งแต่ที่มณฑลหนานโจวและมณฑลเป่ยโจวเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เซ่าผิงปอและหนิวโหย่วเต้าก็ได้ถูกแคว้นต่างๆ พากันจับตามองทั้งคู่

เรื่องของมณฑลหนานโจวและมณฑลจินโจวในครานี้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นฝีมือของหนิวโหย่วเต้าอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า