สรุปตอน ตอนที่ 594 จงหยวน – จากเรื่อง ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet
ตอน ตอนที่ 594 จงหยวน ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 594 จงหยวน
ปกติแล้วเสียงระฆังที่เคาะยามรุ่งสางจะอ่อนโยนทำให้จิตใจคนสงบ แต่เวลานี้กลับดังลั่นสะเทือนแก้วหูอย่างแท้จริง ถูกเคาะอย่างต่อเนื่องดังหง่างๆ กลุ่มสมณะนอกศาลาคิดว่าเจ้าอาวาสบ้าไปแล้ว รีบยกมืออุดหูด้วยความตกใจ
พอหวงเลี่ยได้ยินเสียงก็มองไปที่หนิวโหย่วเต้า ฝ่ายหนิวโหย่วเต้าค่อยๆ ลดมือลงด้วยสีหน้าสงบราบเรียบ
กลุ่มคนบนหอคอยที่ไม่เข้าใจสถานการณ์รีบเดินเข้ามาดูทางนี้อย่างรวดเร็ว สายตาของชายในชุดลายดอกพลันจ้องเขม็งไปยังโพรงถ้ำแห่งหนึ่งที่อยู่บนหุบเขา
โพรงถ้ำนี้เป็นเขตหวงห้ามสำหรับกลั่นสุรา กลุ่มคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้มาเป็นระยะเวลายาวนานมากแล้ว แต่ในเวลานี้กลับมีคนชุดดำโพกหน้ากลุ่มหนึ่งพุ่งทะยานออกมาจากโพรงถ้ำ
ในโพรงถ้ำอื่นๆ บนเขาก็มีคนชุดดำโพกหน้าทะยานออกมาเช่นกัน พากันมุ่งหน้ามายังคฤหาสน์กระท่อมฟางที่อยู่บนยอดเขา
ไม่นานนักบนกำแพงรอบคฤหาสน์ก็มีคนชุดดำโพกหน้ายืนล้อมอยู่จนทั่ว มีคนร่อนลงบนยอดหลังคาเรือนทุกหลังในคฤหาสน์ มีคนกลุ่มหนึ่งที่ทะยานโฉบเข้ามาทางหอสูง เข้าประจำในแต่ละชั้นของหอสูง บ้างก็เฝ้าระวังรอบข้างไว้ บ้างก็จ้องมองไปยังวิหคยักษ์ที่บินสูงอยู่บนนภา
พอเห็นคนเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น หยวนฟางหยุดเคาะระฆัง โบกมือร้องสั่งเหล่าสมณะที่อุดหูมองไปมองมาอยู่รอบข้าง “รีบไปๆ!”
เขาสะบัดแขนเสื้อสองข้าง พาเหล่าสมณะหลบออกไปก่อน เตรียมจะไปซ่อนตัวหลบเลี่ยงอันตรายกับทางพวกหงจวงแม่ลูก เรื่องการหลบหนีเอาตัวรอด เขาเป็นมือวางอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน
คนส่วนใหญ่บนหอคอยไม่เข้าใจสถานการณ์ ไม่รู้เลยว่ากลุ่มคนชุดดำโพกหน้าโผล่มาจากไหน
ชายในชุดลายดอกเหลือบมองหนิวโหย่วเต้าเล็กน้อย เขาเคยมีประสบการณ์มาแล้ว ระหว่างทางตอนที่หนิวโหย่วเต้าเผชิญการลอบสังหาร เขาก็เคยพบคนชุดดำโพกหน้ากลุ่มนี้มาก่อน เพียงแต่ไม่รู้เลยว่าหนิวโหย่วเต้าลอบจัดเตรียมกำลังซุกซ่อนเอาไว้ที่นี่แล้ว
พอเห็นท่าทีความเคลื่อนไหวของคนเหล่านี้ คนจากสำนักเขามหายานก็ทราบในทันทีว่าคนชุดดำโพกหน้าเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น มีมากมายหลักหลายร้อยคน ซ้ำยังเข้าปิดล้อมทางนี้เอาไว้ พวกเขาพลันหวั่นวิตกขึ้นมาทันที
ก่อนหน้านี้คิดไว้ว่าถึงแตกหักกันขึ้น ลำพังแค่กำลังคนทางฝั่งหนิวโหย่วเต้าก็ยังไม่แน่ว่าจะขวางการหลบหนีของพวกเขาได้ ยามนี้พอเห็นคฤหาสน์กระท่อมฟางเผยไพ่ตายที่ซ่อนไว้ออกมา ในที่สุดก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกอันตรายที่คุกรุ่นแล้ว ตระหนักได้แล้วว่าหนิวโหย่วเต้าสามารถกำจัดพวกเขาทิ้งได้ทุกเมื่อ!
มิใช่ว่าหนิวโหย่วเต้าไม่กล้าแตกหักกับพวกเขา แต่หนิวโหย่วเต้ายังไม่คิดจะแตกหักกับพวกเขาเท่านั้น
หวงเลี่ยเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “น้องหนิว คนเหล่านี้เป็นใคร?”
สีหน้าหนิวโหย่วเต้าราบเรียบ ไม่เอ่ยตอบ
จากนั้นหวงเลี่ยก็สังเกตเห็นอาการผิดปกติของผู้อาวุโสข้างกาย เขาหันมองออกไปในทันใด มองเห็นว่าทางภูเขาที่อยู่ด้านหลังมีวิหคยักษ์สิบตัวบินเหินขึ้นมา ก่อนจะบินโฉบผ่านคฤหาสน์ดังพรึบพรับ วิหคยักษ์ทุกตัวล้วนบรรทุกคนชุดดำโพกหน้าเอาไว้กลุ่มหนึ่ง ทำให้วิหคยักษ์ไม่สามารถเร่งความเร็วในการบินได้ ฝูงวิหคบินมุ่งหน้าเข้าหาวิหคยักษ์สิบกว่าตัวที่บุกเข้ามา
เห็นได้ชัดว่าเป็นสัญญาณการเปิดศึก ความสามารถในขนาดที่นำวิหคยักษ์สิบตัวออกมาใช้ได้ในคราวเดียวชวนให้คนตกตะลึงนัก หวงเลี่ยไม่มีกะจิตกะใจจะถามอะไรอีกต่อไปแล้ว จ้องมองความเคลื่อนไหวบนท้องนภาเขม็ง
ซางซูชิงถอนสายตากลับมาจากกลางอากาศ กวาดมองไปทั่ว จากนั้นก็มองแผ่นหลังของหนิวโหย่วเต้าที่ยืนค้ำกระบี่อย่างสงบมั่นคง
อิ๋นเอ๋อร์ยังคงโอบกล่องอาหารไว้เคี้ยวหยับๆ ต่อไปตามประสาตน คนชุดดำโพกหน้าจำนวนมากที่ปรากฏตัวขึ้นมาก็เพียงทำให้นางทอดมองด้วยความสงสัยอยู่ไม่กี่ครั้ง ปากยังคงขยับต่อเนื่อง การไม่รู้สึกรู้สาอันใดก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้าย อย่างน้อยต่อให้บรรยากาศตึงเครียดแค่ไหนก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อนางเลย
หยวนกังและพวกเฟ่ยฉางหลิวที่อยู่บนยอดเขาแหงนหน้ามอง เห็นศัตรูโฉบผ่านนภาเข้ามากับตาตน ธนูโจมตีของทางนี้ยิงสูงถึงระดับนั้นไม่ได้
“แย่แล้ว! พวกเราติดกับเข้าเสียแล้ว ฝั่งคฤหาสน์ไม่ได้เตรียมการป้องกันทางอากาศไว้ พวกเขาฉวยโอกาสเข้าจู่โจมทางอากาศ ต้องรีบระดมคนเข้าไปเสริมกำลัง!” เฟ่ยฉางหลิวตะโกนด้วยความตกใจ นึกห่วงหนิวโหย่วเตาจริงๆ หากหนิวโหย่วเต้าพลาดท่า รูปการณ์ของพวกเขาสามสำนักในตอนนี้ก็จบสิ้นแล้วเช่นกัน
หยวนกังยกมือปราม เอ่ยไปว่า “เต้าเหยี่ยมิได้ไร้ความสามารถถึงขนาดนั้น เตรียมพร้อมเอาไว้แต่แรกแล้ว พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลเลย พวกเราเพียงต้องจัดการเรื่องตรงหน้าให้ดีก็พอ”
ทางนี้เพิ่งจะเอ่ยจบก็มองเห็นวิหคยักษ์สิบตัวเหินบินจากทางคฤหาสน์มุ่งสู่นภา บินเข้าล่อศัตรู ดูเหมือนจะมีกำลังคนไม่น้อยเลยด้วย ดูทรงพลังไม่ด้อยไปกว่าฝั่งศัตรูที่บุกเข้ามาโจมตีเลย
ในคฤหาสน์ไปหาคนมาจากไหนมากมายปานนี้? เตรียมพร้อมไว้แต่แรกแล้วจริงๆ ด้วย พวกเฟ่ยฉางหลิวมองด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
หยวนกังชี้ดาบลงไปทางตีนเขา “มีคนฝ่าเข้ามาแล้ว กองทัพต้านการโจมตีในระยะประชิดไม่ไหว! เจ้าสำนักเฟ่ย ศึกนี้เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของสามสำนักและคฤหาสน์กระท่อมฟาง จะต้องทุ่มกำลังทั้งหมดเพื่อขัดขวางพวกเขาให้ได้ ไม่อาจปล่อยให้พวกเขาฝ่าแนวป้องกันเข้าไปรบกวนศึกของทางเต้าเหยี่ยได้เด็ดขาด!”
ถึงอย่างไรขอบเขตการโจมตีของพลธนูกับหน้าไม้กลก็มีขีดจำกัด เมื่ออีกฝ่ายทุ่มสุดชีวิตเพื่อบุกเข้ามา ในที่สุดก็มียอดฝีมือที่ฝ่าคลื่นห่าศรออกมาได้ บุกเข้าโจมตีแนวป้องกันแล้ว เห็นได้ชัดว่าคิดจะทำลายแนวป้องกันของทางนี้ให้เสียขบวน
ทันทีที่แนวป้องกันวุ่นวาย ทัพหลังที่ตามมาของฝ่ายศัตรูจะกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบแน่นอน มีศิษย์ของสำนักเซียนสถิตทางฝั่งนี้ที่พุ่งออกไปสกัดขวางด้วยความร้อนใจ
ใบหน้าของเฟ่ยฉางหลิวฉายแววโหดเหี้ยมเฉียบขาด หยิบดาบวงเดือนคู่หนึ่งออกมาถือไว้ โบกมือเอ่ยสั่งการ “บุก!”
เขาเหินทะยานนำลงไปก่อน ผู้อาวุโสทั้งหลายคว้าอาวุธแล้วพุ่งตามลงไป
“ผู้ใดล่าถอยจะมีโทษฐานทรยศต่อสำนัก!” เสียงของเฟ่ยฉางหลิวดังก้องอยู่ภายในแนวป้องกัน
เมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโส ศิษย์สำนักเซียนสถิตกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาจากแนวป้องกันทันที รุกเข้าปิดล้อมผู้บำเพ็ญเพียรของหอบุปผาล่องที่บุกเข้ามาไว้ก่อน
เพื่อจะทำลายแนวป้องกันอันทรงพลังให้เสียขบวน เพื่อจะลดความเสียหายจากห่าศรที่ถาโถมเข้ามาให้แก่เหล่าศิษย์ในสำนัก ฝั่งนั้นทำได้เพียงทุ่มสุดชีวิตแล้วจริงๆ!
ส่วนทางนี้เพื่อปกป้องแนวป้องกันเอาไว้ เรื่องราวเกี่ยวพันถึงความอยู่รอดและผลประโยชน์ของสำนักตนก็ต้องย่อมทุ่มสุดกำลังเช่นกัน เมื่อกองกำลังของทั้งสองฝ่ายเข้าประชิดกันก็เกิดการฆ่าฟันนองเลือด เกิดการห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตายขึ้นมาในทันใด!
ห่าศรยังคงถาโถมเข้ามา หอกเหล็กที่กองสุมอยู่ลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว มีการปรับเปลี่ยนองศาการยิงอย่างต่อเนื่องมีแบบแผน
….
หนิวโหย่วเต้าก็สังเกตเห็นแล้วเช่นกัน สบสายตาเข้ากับอีกฝ่าย
กลุ่มคนชุดดำโพกหน้าที่อยู่บนกำแพงพลันชักกระบี่ออกมา ตวัดฟันส่งปราณกระบี่หลายสายโจมตีวิหคยักษ์ที่บินวนอยู่รอบๆ คฤหาสน์
ชายชราชุดเหลืองสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง เกิดเสียงดังปังๆๆ กระแสปราณไร้รูปลักษณ์สลายปราณกระบี่ที่ฟันเข้ามาทิ้งได้อย่างง่ายดาย
คนธรรมดามองไม่เห็น แต่สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรที่เปิดเนตรทิพย์เตรียมพร้อมไว้แล้วกลับมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากระแสปราณที่ชายชราตวัดปล่อยออกมานั้นเปล่งแสงสีส้มเรืองรอง
เมื่อวิหคยักษ์ที่บินวนต่ำๆ ได้รับแรงคุกคามมากเกินไป มันก็กระพือปีกบินสูงขึ้นไปในทันที
ชายในชุดลายดอกหรี่ตาจ้องมองชายชราชุดเหลืองที่ลอยสูงขึ้นสู่ท้องนภาพร้อมกับวิหคยักษ์ แววตาวูบไหวแฝงแววดุดัน
หวงเลี่ยที่ยื่นอยู่บนหอสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงตึงเครียด “จงหยวน คิดไม่ถึงว่าจะส่งเขามา!”
“จงหยวนหรือ?” หนิวโหย่วเต้าไม่รู้จัก เขาหันไปเอ่ยถาม “ยอดฝีมืออันดับเจ็ดบนทำเนียบโอสถคนนั้นน่ะหรือ?”
หวงเลี่ยตอบว่า “ข้ายังไม่เคยพบ แต่ดูจากที่เขาลงมือเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนจะเป็นเขา!”
หนิวโหย่วเต้าหันไปมองชายในชุดลายดอก “ท่านรู้จักหรือไม่?”
ชายในชุดลายดอกเอ่ยว่า “เคยได้ยินชื่อ แต่ยังไม่เคยพบตัว แต่ดูแล้วน่าจะใช่เขา เพื่อจัดการเจ้าถึงกับเชิญให้คนผู้นี้ออกโรง นับว่าลงทุนนัก!”
หวงเลี่ยและคนผู้นี้ล้วนสงสัยว่าจะเป็นจงหยวน เช่นนั้นก็คงจะไม่ผิดไปแน่
หนิวโหย่วเต้าค่อนข้างแปลกใจ เขาไม่รู้จักแต่ก็เคยได้ยินชื่อมาก่อน ไม่คิดเลยว่าราชสำนักจะเชิญผู้ปลีกวิเวกที่หากไม่จำเป็นจะไม่เข้ามายุ่งเรื่องแก่งแย่งชิงดีทางโลกให้ออกโรงได้ เพื่อจัดการเขา ราชสำนักยอมทุ่มทุนมากกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ เขาพบว่าตนเองยังคงประมาทไปหน่อย จึงอดถามไม่ได้ “เห็นทีว่าจงหยวนคนนี้จะถูกส่งมาสังหารข้าโดยเฉพาะ ท่านมีความมั่นใจหรือไม่?”
หากว่ากันตามลำดับบนทำเนียบโอสถ เขาทราบดีว่าคนผู้นี้มีลำดับต่ำว่าจงหยวน คนอย่างจงหยวนที่ขึ้นไปถึงระดับนั้นได้ล้วนพึ่งพากำลังจนได้มาทั้งสิ้น ไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องบังเอิญไปได้ ชื่อเสียงที่มีหาใช่เสียงเล่าอ้างไม่ นั่นคือยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือของโลกบำเพ็ญเพียรอย่างแน่นอน
เดิมทีคิดว่าเชิญชายในชุดลายดอกให้ช่วยออกโรงแล้ว ประกอบกับแผนการอันรัดกุมของตนแล้ว ในใจยังคงมีความมั่นใจในการรับมืออยู่พอสมควร แต่มองจากตอนนี้แล้ว เกรงว่าคงต้องเตรียมการหลบหนีให้ดีแล้ว
ชายในชุดลายดอกจ้องเขม็งขึ้นไปบนฟ้า ใบหน้าไม่ได้ฉายแววขลาดกลัวเลย แต่ในวาจาที่ตอบกลับแฝงความกระตือรือร้นอยากจะลองท้าทายไว้ “ลองดูก่อนได้!”
พอเขาเอ่ยวาจานี้ออกมา พวกหวงเลี่ยต่างจ้องมองไปที่เขา ไม่รู้ว่าตนฟังผิดไปหรือไม่ หรือว่าจะเข้าใจบทสนทนาระหว่างทั้งสองผิดไป นี่คิดจะประมือกับจงหยวนอย่างนั้นหรือ? ด้วยพลังของจงหยวน ต่อให้เป็นทั่วทั้งสำนักเขามหายานก็คาดว่าคงมีเพียงผู้อาวุโสรุ่นก่อนเพียงไม่กี่คนที่เก็บตัวบำเพ็ญเพียรมานานหลายปีถึงจะพอต่อกรได้ แล้วคนผู้นี้เป็นใครกัน ไยจึงพูดจาวางโตถึงเพียงนี้?
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า