ตอนที่ 71 ภัยพิบัติมาเยือนสำนักสวรรค์พิสุทธิ์
เขาเองก็ทราบผลลัพธ์ของการปฏิเสธโจวโส่วเสียนดี เจ้าได้รับผลประโยชน์จากเขา แต่พอมีเรื่องกลับไม่ยอมออกหน้า โลกนี้ไหนเลยจะมีเรื่องดีเช่นนี้? วันหน้าไม่รู้ว่ายังจะได้รับผลประโยชน์จากเขาอีกหรือไม่ แต่ที่แน่ใจได้คือหลังจากเรื่องนี้แพร่ออกไป กลุ่มอำนาจอื่นๆ คงไม่กล้าจ้างวานเขาแล้ว คนที่ถอยหนีเมื่อเกิดเรื่อง ใครจะเรียกใช้คนประเภทนี้กันล่ะ?
ผลที่ตามมาเรียกได้ว่าร้ายแรงเป็นอย่างมาก นั่นเท่ากับเป็นการตัดอนาคตตัวเอง แต่เขาก็ทราบดีว่าเขาไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ถ้าไปคือไปรนหาที่ตาย มาตรว่าเขาจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองเช่นกัน แต่ก็ทราบดีว่าตนมิใช่คู่ต่อสู้ของไป๋เหยา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสำนักหยกสวรรค์ที่อยู่เบื้องหลังไป๋เหยาเลย หากเกิดเรื่องขึ้น สำนักหยกสวรรค์ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ คนในสำนักเหล่านั้นล้วนไม่อยากแตกหักกับสำนักหยกสวรรค์ ผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักตัวคนเดียวอย่างเขาไหนเลยจะมีความกล้าถึงเพียงนั้น เขายังไม่รู้สึกเบื่อที่จะใช้ชีวิต
บางทีการปฏิเสธโจวโส่วเสียนอาจจะเป็นการทำลายอนาคตตัวเอง แต่อย่างน้อยก็รักษาชีวิตเอาไว้ได้ ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ ทุกอย่างล้วนยังมีหนทาง แต่ถ้าตายก็ไม่เหลืออะไรทั้งสิ้น
การที่เขาสามารถเอ่ยคำว่า ‘ไปเชิญยอดฝีมือท่านอื่น’ ออกมา นี่ก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าเขารู้ตัวว่าทำผิดต่อความเมตตาของโจวโส่วเสียน ไม่จำเป็นต้องให้โจวโส่วเสียนขับไล่ ตัวเขาจะจากไปเอง
โจวโส่วเสียนโบกมือเล็กน้อย เอ่ยเกลี้ยกล่อมดีๆ “ฟังข้าพูดให้จบก่อน มิได้จะให้เจ้าไปเพียงลำพัง ข้าได้จัดส่งทหารชั้นยอดหนึ่งหมื่นนายมุ่งหน้าไปแอบดักซุ่มรอในเส้นทางที่พวกซางเฉาจงต้องเดินทางผ่านเพื่อสกัดขวางร่วมกับพวกเจ้าอย่างลับๆ ล่วงหน้าแล้ว ทั้งยังมีผู้บำเพ็ญเพียรอีกห้าสิบคนที่ขึ้นตรงกับเจ้าด้วย ในบรรดานั้นมีผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองอยู่นับรวมเจ้าเข้าไปก็สิบคนพอดี ไม่ว่าจะกองทัพไพร่พล หรือว่าจำนวนผู้บำเพ็ญเพียรก็ล้วนแต่มีมากกว่าอีกฝ่าย น่าจะถ่วงรั้งไพร่พลของจังหวัดกว่างอี้และพวกไป๋เหยาเอาไว้ได้โดยไม่มีปัญหาอะไร คงมีโอกาสมากพอให้เจ้าลงมือจัดการซางเฉาจงได้”
เหยียนตั๋วตะลึงไปแวบหนึ่ง ทหารชั้นยอดหนึ่งหมื่นนาย ผู้บำเพ็ญเพียรห้าสิบคน ในบรรดานั้นมีผู้บำเพ็ญเพียรระดับโอสถทองอยู่สิบคน ทั้งหมดนี้เพื่อฆ่าซางเฉาจงคนเดียว กระบวนทัพเรียกได้ว่าใหญ่โตนัก หากลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว ถ้าลงมือเช่นนี้ล่ะก็ มันก็มีโอกาสสำเร็จอยู่จริงๆ แต่เขายังคงครุ่นคิดไปมา สุดท้ายยังคงประสานมือพลางกล่าวด้วยความละอาย “ท่านผู้ว่าการมณฑล ขออภัยด้วยขอรับ!”
ความหมายในวาจายังคงเป็นการปฏิเสธอยู่ดี ปัญหาสำคัญยังคงอยู่ที่สำนักหยกสวรรค์ เขามีครอบครัวแล้ว ผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักคนหนึ่งหาเรื่องสำนักหยกสวรรค์ไม่ไหว
โจวโส่วเสียนหรี่ตาลงเล็กน้อย เอ่ยด้วยสุ้มเสียงเนิบช้า “เหยียนตั๋ว หลายปีมานี้แซ่โจวเคยเอาเปรียบเจ้าหรือเปล่า?”
“พระคุณของท่านผู้ว่าการ วันหน้าต้องทดแทนแน่นอน ไม่มีทางผิดคำพูดเด็ดขาด ขอลาขอรับ!” เหยียนตั๋วประสานมือคารวะ หันหลังหมายจากไป
โจวโส่วเสียนตะโกนขึ้นมา “ช้าก่อน มีของบางอย่างจะให้เจ้าดู ดูสักหน่อยแล้วค่อยไปก็ยังไม่สาย” คนสองคนปราดเข้ามาจากนอกหอ ยืนขนาบเขาสองฝั่งซ้ายขวา เป็นฝ่าซือติดตามคนสนิทของเขา
เหยียนตั๋วที่เดินไปถึงบันไดหอพลันหยุดชะงัก ค่อยๆ หันกลับมา ตั้งท่าระวังภัยในระดับสูงสุด กังวลว่าอีกฝ่ายจะฆ่าเขาปิดปาก
ผู้ใดจะทราบว่าคนที่อยู่ทางขวามือของโจวโส่วเสียนจะโยนของสองสิ่งมาให้ เหยียนตั๋วกางนิ้วมือทั้งห้า ดูดของสองสิ่งเข้ามาในมือ เขาเหลือบมองเพียงแวบหนึ่ง สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนในทันใด เงยหน้าถามทันทีว่า “ท่านผู้ว่าการมณฑล ท่านหมายความว่าอย่างไรขอรับ?”
สิ่งที่อยู่ในมือคือจี้หยกสองชิ้น คนอื่นอาจจะไม่รู้จัก แต่เขากลับคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง เป็นจี้หยกของภรรยาและบุตรสาวเขา
โจวโส่วเสียนลอบยิ้มหยันอยู่ในใจ ปกติได้รับทรัพยากรอยู่เป็นประจำ แต่พอมีเรื่องกลับสะบัดหน้าหนีทันที ไหนเลยจะมีเรื่องดีเช่นนี้อยู่ เห็นข้าเป็นของตาย นึกอยากจะมาก็มา นึกอยากจะไปก็ไปอย่างนั้นหรือ? แต่ภายนอกเขายังคงเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “วางใจเถอะ ฮูหยินและธิดารักของเจ้าสบายดี ในมณฑลหนานโจวของข้ามีสถานที่สวยสดงดงามอยู่หลายแห่ง มีคนพาพวกนางออกไปท่องเขาล่องลำธารแล้ว พวกนางสุขสำราญเบิกบานดี ไม่รู้เรื่องอันใดทั้งสิ้น รอจนน้องเหยียนกลับมา ครอบครัวย่อมได้พร้อมหน้าสุขสันต์ ไม่ปล่อยให้พวกนางได้รับความตระหนกตกใจใดๆ แน่นอน”
ความหมายคืออีกฝ่ายได้จับลูกเมียของตนเป็นตัวประกันแล้ว เห็นได้ชัดว่ากำลังเตือนเขาอยู่ พูดดีๆ ไม่ชอบก็คงต้องใช้กำลังบังคับ! เหยียนตั๋วโกรธเกรี้ยวโทสะสุมเต็มทรวง อยากพุ่งเข้าไปจับตัวโจวโส่วเสียนไว้เพื่อแลกเปลี่ยนกับลูกเมียตนใจแทบขาด แต่พอเห็นองครักษ์ที่อยู่สองฝั่งซ้ายขวาของเขาก็ทราบดีว่าอีกฝ่ายได้เตรียมการมาล่วงหน้าแล้ว ตนเองแทบจะไม่มีโอกาสทำสำเร็จเลย
เรื่องราวชัดเจนแล้ว ถ้าตนไม่ตอบตกลง อย่าว่าแต่ลูกเมียจะไม่รอดเลย เกรงว่าตัวเขาเองก็อย่าหวังว่าจะรอดไปได้ง่ายๆ
หลังจากไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่ เขาก็จำเป็นต้องสะกดเพลิงโทสะไว้ เอ่ยถามเสียงขรึม “ไม่ทราบว่าผู้บำเพ็ญเพียรห้าสิบคนนั้นเป็นศิษย์ของสำนักใด?”
โจวโส่วเสียนเอ่ยตอบ “ก็เหมือนกับเจ้า ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนัก ตอนนี้พวกเขายังไม่รู้ตัวว่าต้องทำอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวรั่วไหลออกไป เรื่องแบบนี้ไม่ควรป่าวประกาศให้ทราบล่วงหน้า”
ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักอย่างนั้นหรือ? เหยียนตั๋วเอ่ยเสียงขรึม “ท่านผู้ว่าการมณฑลแน่ใจหรือว่าหลังจากพวกเขาทราบเรื่องแล้ว พวกเขาจะกล้าลงมือกับคนของสำนักหยกสวรรค์?”
โจวโส่วเสียนตอบอย่างเฉยชา “คนที่ถูกรวบรวมมาล้วนผ่านการคัดเลือกมาแล้ว ไม่มีทางรับคนมาส่งเดช ก่อนลงมือ เจ้าเอาบางสิ่งให้พวกเขาดู พวกเขาย่อมเชื่อฟังเจ้าแน่นอน” คนที่อยู่ทางขวาของเขาหยิบถุงใบหนึ่งออกมาจากด้านหลังแล้วโยนให้
เหยียนตั๋วรับไว้ในมือ เปิดถุงออกแล้วมองดูเล็กน้อย ด้านในมีของกระจุกกระจิกจำพวกจี้หยกและเครื่องประดับผมสารพัดอย่าง มองแวบเดียวก็เข้าใจแล้ว ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านั้นก็โดนข่มขู่เหมือนอย่างเขา พวกเขาจะไม่ทำก็คงไม่ได้ สามารถกุมจุดอ่อนของผู้บำเพ็ญเพียรมากมายขนาดนี้ได้ในคราวเดียว นี่มิใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้เด็ดขาด เขาพอจะนึกออกเช่นกัน นี่จะต้องเป็นฝีมือของคนในสำนักเหล่านั้นอย่างแน่นอน เกรงว่าคงจะมีมากกว่าสองสำนักขึ้นไป เขานึกชิงชังอยู่ในใจ คนของสำนักเหล่านั้นไม่กล้าแตกหักกับสำนักหยกสวรรค์ตรงๆ เกรงว่าจะถูกสำนักหยกสวรรค์ล้างแค้น จึงบังคับพวกเขามากระทำเรื่องเช่นนี้!
“ท่านผู้ว่าการมณฑลช่างมีฝีมือโดยแท้!” เหยียนตั๋วแค่นเสียงเอ่ยถากถาง
“รับเงินเดือนจากฝ่าบาท ย่อมต้องทำงานเพื่อฝ่าบาท! ฝ่าบาทมีราชโองการลงมา ในฐานะที่เป็นข้าราชบริพาร ข้าย่อมต้องทำงานอย่างเต็มที่!” โจวโส่วเสียนก้มหน้าก้มตาเอ่ยตอบไป ไม่สนใจคำถากถางของอีกฝ่าย เขาเงยหน้าขึ้นแวบหนึ่ง เอ่ยเตือนอย่างจริงจัง “ขอเอ่ยวาจาระคายหูเอาไว้ก่อนแล้วกัน ทุกคนที่ปฏิบัติภารกิจต้องปกปิดตัวตนไว้ ไม่ว่าเรื่องนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลว ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับข้าและราชสำนัก”
เหยียนตั๋วเอ่ยประชด “คำสั่งของท่านผู้ว่าการมณฑล ข้าไหนเลยจะกล้าขัดขืน!”
โจวโส่วเสียนเอ่ยสั่ง “อย่าได้รั้งรออีก ออกเดินทางเดี๋ยวนี้ พอไปที่นั่นจะมีคนมารอรับพวกเจ้าไปยังสถานที่ซุ่มโจมตี” เห็นได้ชัดเจนว่าตอนนี้ยังคงไม่มีทางบอกรายละเอียดให้เขาทราบทั้งหมด
พอเอ่ยจบ ฝ่าซือคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายก็เดินมาหยุดข้างกายเหยียนตั๋ว ผายมือเชื้อเชิญ “พี่เหยียน เชิญ!”
เหยียนตั๋วประสานมือคารวะโจวโส่วเสียน หันหลังสาวเท้าก้าวจากไป โกรธเกรี้ยวภายในดวงตายังคงยากจะลบเลือนได้…
….
ฟิ้ว! ปัง!
ศรดอกหนึ่งพุ่งออกมาจากในป่า ระเบิดตัวกลางอากาศ ส่งสัญญาณเตือนภัย!
หลังจากนั้น หน่วยเฝ้าระวังภัยที่อยู่ด้านหลังสังเกตเห็น จึงรีบยิงศรออกไปอีกครั้ง สัญญาณเตือนภัยพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้าอย่างต่อเนื่อง ไล่ไปจนถึงพื้นที่ส่วนกลางของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า