ตอนที่ 75 ซุ่มโจมตี
จังหวัดชิงซาน เทือกเขาเขี้ยวหมาป่า เขาสูงป่าทึบ ภูเขาเล็กใหญ่ตั้งตระหง่านเรียงรายคล้ายเหล็กหมาด[1] ทิวทัศน์นับว่าค่อนข้างแปลกพิสดาร
ภายในป่าลึก เซี่ยงอู่เหรินแม่ทัพประจำกองทหารม้าซุ่มโจมตีขั้นสี่แห่งมณฑลหนานโจวที่พากองกำลังมาถึงอย่างลับๆ กำลังเข้าสำรวจสภาพแวดล้อมภายในหุบเขาพร้อมกับพวกเหยียนตั๋ว
เขายืนอยู่บนเนินเขาที่มีพฤกษาหนาทึบบดบัง มองดูไพร่พลที่บ้างนั่งบ้างนอนอยู่ใต้ร่มไม้บริเวณรอบๆ ทุกคนล้วนผลัดเปลี่ยนจากชุดเครื่องแบบของทางราชสำนักมาสวมใส่เสื้อผ้าที่มีรูปแบบสีสันแตกต่างกันไป หากมิใช่เพราะมีอาวุธวางอยู่ข้างกาย ก็ไม่มีทางมองออกเลยว่าเป็นกองกำลังกลุ่มเดียวกัน แต่ละคนถือขนมเปี๊ยะแป้งหมี่ค่อยๆ กัดกิน ไม่กล้าก่อไฟให้เกิดควัน
“เดิมทีในเทือกเขาเขี้ยวหมาป่ามีกองโจรภูเขาอยู่กลุ่มหนึ่ง ผู้คนเรียกขานว่ากองโจรเขี้ยวหมาป่า เมื่อวานข้านำกำลังเข้าปราบปรามจนสิ้นซากแล้ว เดี๋ยวพอเป้าหมายมาถึง พวกเราจะเชิดธงของกองโจรเขี้ยวหมาป่าขึ้น สวมรอยเป็นโจรภูเขาเข้าโจมตี” เซี่ยงอู่เหรินชี้ให้ดูเหล่าทหารที่แต่งกายคละรูปแบบพลางอธิบายให้ฟัง
เหยียนตั๋วเอ่ยเยาะหยัน “พวกเขามีไพร่พลนับหมื่น ทหารม้าอีกนับพัน แต่เห็นแบบนั้นแล้วก็ยังกล้าลอบโจมตี ต่อให้เป็นข้าที่ไม่เข้าใจเรื่องการทหารก็ยังรู้เลยว่ามีคนสวมรอยมา”
เซี่ยงอู่เหรินส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “ข้อนี้ไม่สำคัญ ทันทีที่ลงมือ อีกฝ่ายก็คงคาดเดาออกแล้ว เพียงใช้เป็นข้ออ้างเท่านั้น หากทำไม่สำเร็จจริงๆ ฝ่ายข้าจะยอมรับผิดว่าตนสมคบกับกองโจรภูเขาไว้ก่อนแล้ว พวกลูกน้องแค่ปฏิบัติตามคำสั่ง ไม่ทราบถึงสถานการณ์ที่แท้จริง” กล่าวจบก็ผายมือเชิญเขาไปอีกทาง
เมื่อข้ามเนินเขาลูกหนึ่งไป ด้านล่างจะเป็นถนนหลวงที่ตัดผ่านภูเขาสูง เซี่ยงอู่เหรินชี้ออกไปพร้อมเอ่ยว่า “นี่คือเส้นทางที่จำเป็นต้องผ่านเพื่อเข้าสู่อำเภอชางหลู เมื่อกลุ่มเป้าหมายมาถึง พวกข้าจะตีโอบเข้ามาจากซ้ายขวาทันที พัวพันพวกเขาไว้ ส่วนเรื่องเด็ดหัวเป้าหมายในช่วงชุลมุนวุ่นวายคงต้องฝากไว้กับฝ่าซืออย่างพวกท่านแล้ว”
เหยียนตั๋วสำรวจดูภูมิประเทศเล็กน้อย พยักหน้านิดๆ
ทั้งสองลงมาจากเนินเขา เดินข้ามถนนหลวง ขึ้นไปบนเนินเขาอีกฝั่ง มุ่งหน้าเข้าไปในป่าครู่หนึ่งก็มาถึงสถานที่อีกแห่งที่มีไพร่พลซ่อนตัวอยู่
เหยียนตั๋วโบกมือสื่อให้เซี่ยงอู่เหรินไปจัดการเรื่องทางฝั่งตัวเองได้แล้ว ส่วนตัวเขาเดินไปที่เชิงเขา มีผู้บำเพ็ญเพียรหลายสิบคนอยู่ที่นี่ บ้างก็นั่งบ้างก็ยืน สีหน้าแต่ละคนไม่สู้ดี บางคนยังคงถือของใช้ต่างหน้าตัวประกันที่นำมาขู่เข็ญพวกเขาไว้ในมือ เหยียนตั๋วถอนหายใจเบาๆ
ซ่อนตัวอยู่ในภูเขามาครึ่งค่อนวัน ในช่วงใกล้พลบค่ำ ไพร่พลที่ดักซุ่มอยู่พลันขยับกาย ทยอยลุกขึ้นมา
พวกเหยียนตั๋วที่นั่งสมาธิอยู่ตรงเชิงเขาก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน เหยียนตั๋วไหวกายคราหนึ่ง ทะยานไปหยุดข้างกายเซี่ยงอู่เหริน ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยถาม เซี่ยงอู่เหรินก็พยักหน้าพลางกล่าวขึ้นมาว่า “สายสืบในแนวหน้าส่งข่าวมา เป้าหมายน่าจะมากันแล้ว ฝ่าซือโปรดเตรียมตัวให้พร้อมด้วย”
เหยียนตั๋วหันหลังกลับไปเรียกรวมตัวผู้บำเพ็ญเพียรให้เตรียมตัวพร้อม…
…….
เขตพื้นที่ทุรกันดาร ไร่นารกร้าง ซากกระดูกกองอยู่ข้างทาง ขบวนคนหลายพันคนเดินทางกันอย่างไม่เร่งร้อน ทหารราบสี่พันนายที่เฟิ่งรั่วเจี๋ยจัดสรรให้น้องสาวก็อยู่ในขบวนแล้ว
หนิวโหย่วเต้าที่นั่งอยู่บนหลังม้ามองสำรวจรอบข้างเป็นระยะๆ หลังจากเข้าเขตจังหวัดชิงซาน สภาพแวดล้อมที่ประสบพบเจอเลวร้ายกว่าทางจังหวัดกว่างอี้อย่างเห็นได้ชัด ภาพที่เห็นล้วนแต่เป็นสภาพแวดล้อมที่ประชาชนไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้ ระหว่างทางมองเห็นซากศพโชยกลิ่นเหม็นเน่ากองอยู่บนถนนเป็นครั้งคราว ไร้ซึ่งคนสนใจไยดี โครงกระดูกขาวโพลนเกลี้ยงเกลาเนื่องจากถูกสัตว์บางชนิดกัดแทะมีอยู่เกลื่อนกลาดทั่วไป
จากจุดนี้ทำให้เห็นแล้วว่าความสามารถของผู้ว่าการจังหวัดนี้ย่ำแย่กว่าเฟิ่งหลิงปอมากนัก มิน่าเล่าทางฝั่งเฟิ่งหลิงปอถึงได้มีกำลังคนพรั่งพร้อม กล้าต่อกรกับราชสำนัก หากประชาชนของทางนี้อยากมีชีวิตรอด ก็จำเป็นต้องขวนขวายหาทางไปเข้าร่วมกับทางจังหวัดกว่างอี้
หลานรั่วถิงที่อยู่บนหลังม้าก็หยิบแผนที่ขึ้นมาตรวจดูเป็นระยะๆ เช่นกัน จู่ๆ เขาก็หันไปพูดบางอย่างกับซางเฉาจงซางเฉาจงมองยอดเขาที่ตั้งตระหง่านเรียงรายอยู่สุดปลายเขตรกร้างกันดารเบื้องหน้า ยกมือขึ้นพลางตะโกนว่า “หยุด!” พร้อมส่งสัญญาณบอกเฟิ่งรัวหนานให้หยุดทัพชั่วคราวเช่นกัน
เฟิ่งรั่วหนานโบกมือสั่งหยุดทัพ รอคอยให้ซางเฉาจงและหลานรั่วถิงเข้ามา จากนั้นเอ่ยถามอย่างเฉยชาว่า “มีอะไรอีก?”
หลานรั่วถิงชี้ไปทางทิวเขาที่อยู่สุดปลายด้านหน้า “พระชายา พื้นที่ภูเขาเบื้องหน้ามีชื่อว่าเทือกเขาเขี้ยวหมาป่า สภาพภูมิประเทศอันตราย เป็นเส้นทางที่จำเป็นต้องผ่านเพื่อเข้าสู่อำเภอชางหลู หากมีคนไม่ประสงค์ดีต่อพวกเรา บริเวณนี้จะเป็นตำแหน่งที่เหมาะสำหรับลงมือที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งรั่วหนานกวาดตามองสำรวจแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเฉยเมย “สามารถนำทัพหลายพันคนมาซุ่มโจมตีอยู่ที่นี่ได้ นอกจากราชสำนักแล้วคงไม่มีผู้ใดอีก เจ้าคิดว่าราชสำนักจะกล้าหรือ? สายสืบที่ล่วงหน้ามาก็ไม่พบพิรุธใดๆ เช่นกัน เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”
หลานรั่วถิงยิ้มพลางเอ่ยว่า “พระชายา ระวังไว้หน่อยจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ” เขามองไป๋เหยาที่อยู่ข้างๆ “หากสามารถส่งฝ่าซือสักสองสามท่านมุ่งหน้าไปตรวจสอบยืนยันจากมุมสูงก่อนได้ นั่นจะเป็นการดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”
“เฮอะ!” เฟิ่งรั่วหนานแค่นเสียงหยันคราหนึ่ง อันที่จริงนางก็รู้สึกเช่นกันว่าระวังไว้หน่อยก็ไม่เสียหายอะไร นางเพียงแค่ไม่ชอบที่พวกซางเฉาจงมาชี้ไม้ชี้มือกะเกณฑ์อะไรนางเท่านั้น นางชี้ไปทางหนิวโหย่วเต้า “ฝั่งพวกเจ้าก็มีฝ่าซืออยู่มิใช่หรือ? ให้ฝ่าซือของพวกเจ้าไปสำรวจสิ”
หนิวโหย่วเต้าเหลียวมองแวบหนึ่ง ใช้กำปั้นข้างหนึ่งทุบบั้นเอวทันที บ่นอุบอิบว่า “ขี่ม้ามาตั้งนาน เมื่อไรจะหยุดพักสักที เอวจะหักอยู่แล้ว!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า