หยุนหรั่นเฟิงชื่นชมความเป็นธรรมของเขา กำลังจะกล่าวแสดงความขอบคุณ ฉินเจี่ยนรีบกล่าวว่า “แม่นางหยุนไม่ต้องเกรงใจ เจ้าถูกพวกเขาวิพากษ์วิจารณ์ จะพูดอย่างไรสาเหตุนั่นก็มีข้าอยู่ด้วย แต่ว่าน่าเสียดาย ไม่ว่าข้าจะพูดมากมายเพียงไร ก็ไม่ได้ผลเท่ากับสิ่งสกปรกถังหนึ่งของพี่สาว”
“เดิมทีคนเหล่านั้นก็เป็นพวกนักเลงอันธพาลบนถนน วาทศิลป์ที่ดีจนไร้ที่เปรียบของคุณชายฉินนี่ เอามาใช้กับพวกเขาก็ไร้ประโยชน์แล้ว” หยุนหรั่นเฟิงเผลอหัวเราะออกมา
“แต่ก็ไม่สามารถปล่อยให้พวกเขาพูดจาเพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อยได้ ชื่อเสียงของลูกผู้หญิงเป็นสิ่งสำคัญ”
“ในโลกนี้มีคำซุบซิบนินทาอยู่ตลอดเวลา จะอุดปากของทุกคนไว้ก็อุดไม่ได้ ขัดแย้งกันเพราะเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้ทั้งวัน ข้าก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ไม่รู้สึกผิดต่อตัวเอง ไม่ได้ทำผิดต่อคนภายนอก ไม่ละอายใจต่อตัวเองก็ได้แล้ว”
ฉินเจี่ยนมองดูหยุนหรั่นเฟิงนิ่งๆ ในดวงตาทั้งดวงเต็มไปด้วยประกายแห่งความชื่นชม “แม่นางหยุนพูดถูกเป็นที่สุด”
หลินหลังขยับเข้าไปใกล้ “คุณหนู สายแล้วนะเจ้าคะ”
หยุนหรั่นเฟิงมองดูเวลา และกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไม่อยู่นานแล้ว ทูลลาเพคะ”
ในจิตใจของฉินเจี่ยนเกิดความอาลัยอาวรณ์ขึ้นมาเล็กน้อยอย่างอธิบายถูก แต่ก็รู้กาลเทศะ ถอยหลังไปสองก้าว “เชิญแม่นางหยุน”
หยุนหรั่นเฟิงยิ้มและพยักหน้า เดินนำหลินหลังไปทางจวนแม่ทัพ เดินได้ไกลมากแล้ว หลินหลังจึงกล่าวกระซิบว่า “คุณหนู ซื่อจื่อยังยืนอยู่ตรงนั้นอยู่เลยน่ะเจ้าคะ ท่านว่าเขาจะชอบท่านเข้าแล้วหรือไม่? น่าเสียดายที่เขาหมั้นกับคุณหนูรองแล้ว.......”
“ที่ควรพูดก็พูด เวลาที่ควรหุบปากก็หุบปาก เข้าใจหรือไม่?” หยุนหรั่นเฟิงไม่หันกลับไปแม้สักนิด “ข้ากับเขาเป็นคนรู้จักเข้าใจกัน อย่าพูดเพ้อเจ้อ ไม่เช่นนั้นถึงเวลาแม้แต่เพื่อนก็เป็นไม่ได้แล้ว”
แม้ว่าในปกติหยุนหรั่นเฟิงจะพูดง่ายมาก แต่เมื่อจริงจังขึ้นมาก็มีพลังเป็นอย่างมาก หลินหลังแลบลิ้นออกมา “คุณหนู ข้ารู้แล้ว.......อ้า!”
ดาบหักด้ามหนึ่งแฉลบเอียงผ่านออกมา พุ่งไปทางด้านหน้าของหลินหลัง!
หลินหลังตกใจจนหน้าฉีดเผือด ไม่กล้าแม่แต่จะขยับแล้ว!
สีหน้าของหยุนหรั่นเฟิงเปลี่ยนไปทันที กอดหลินหลังแล้วโถมตัวไปด้านหลังด้วยความรวดเร็ว หลบเลี่ยงดาบหักนั้นไปอย่างหวุดหวิด แต่แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ดาบหักด้ามนั้นก็ยังแฉลบผ่านแขนของหลินหลังไป บาดเป็นรอย เจ็บปวดจนริมฝีปากของหลินหลังสั่นเทาไม่หยุด กล่าวด้วยเสียงอันสั่นเครือ “คุณหนู นี่ นี่เกิดอะไรขึ้นกันน่ะเจ้าคะ?”
หยุนหรั่นเฟิงรีบหยิบยาจินชวงออกมาทำแผลให้หลินหลัง มองดูใบหน้าอันเจ็บปวดจนซีดขาวของแม่สาวน้อย ก็ทั้งสงสารและทั้งเดือดดาลในทันที
ไม่ง่ายกว่าจะออกมาจากจวนองค์ชายมาได้ นางยังคุยโวว่าจะพาหลินหลังไปกินดื่มให้สนุกอยู่เลย นี่เพิ่งจะไม่กี่วันก็ทำให้นางได้เห็นเลือดอีกแล้ว นี่เป็นการตบหน้านางหรือว่าตบหน้านางกันนะ?
นางเหลือบมองเข้าไปในตรอกแคบๆ มีเสียงวัสดุแข็งๆกระทบกันดังออกมารางๆ ราวกับว่ามีคนกำลังสู้กันอยู่ด้านใน
หลินหลังรู้ว่าคุณหนูของตัวเองกล้าหาญเป็นอย่างมาก จึงคว้ามือของหยุนหรั่นเฟิงด้วยความหวาดกลัว กล่าวขอร้องว่า “คุณหนู พวกเรากลับบ้านกันเถอะเจ้าค่ะ”
อย่าได้ก่อปัญหาอะไรขึ้นมาอีกเลย!
“ไม่เป็นไร” หยุนหรั่นเฟิงถือโอกาสปลอบใจสาวน้อย แล้วลูบคลำไปตรงช่วงเอวของตัวเอง
สุดท้ายแล้วปืนกลเป็นสิ่งที่ผลิตขึ้นในยุคสมัยนี้หรือไม่กันแน่ พลังการทำลายล้างยิ่งใหญ่เกินไป และสะดุดตาเกินไปอีกด้วย รับประกันได้ยากว่าจะไม่ถูกผู้อื่นจับจ้อง ดังนั้นก่อนที่นางจะออกจากบ้านจึงได้ตั้งใจขอหน้าไม้ขนาดเล็กกับหยุนโม่มา ขนาดเท่าฝ่ามือ ประณีตงดงามเป็นที่สุด บวกกับเข็มโอสถที่ทำขึ้นด้วยตัวเอง ก็ยังพอมีความสามารถในการปกป้องตัวเองได้อยู่
ทำร้ายคนของนาง อย่างน้อยก็ต้องให้คำอธิบายกับนาง
“เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปดูหน่อย มือเท้าเจ้าหนักเกินไป เข้าไปกลับแต่จะทำให้เสียเวลา อย่าตามมา”
“คุณหนู คุณหนู”
หยุนหรั่นเฟิงโบกมือ คลำทางเข้าไปในตรอกเปลี่ยวๆอย่างเงียบๆ ยิ่งเดินเข้าไปด้านใน เสียงมีดและดาบกระทบกันก็ยิ่งดังขึ้น ทั้งยังเคล้าไปด้วยเสียงร้องอันน่าเวทนา นางสูดหายใจเล็กน้อย ฝีเท้าช้าลง คลำทางเดินแนบชิดติดกับมุมกำแพงเข้าไปด้วยความระมัดระวัง
เมื่อคลำทางเข้าไปแล้วเพ่งมอง สีหน้าของนางเต็มก็ไปด้วยความตะลึง
แสงของมีดและประกายของดาบในที่เกิดเหตุ ผู้ที่ถูกคนชุดดำลักษณะท่าทางเหมือนนักฆ่าสิบกว่าคนรุมล้อมรอบไว้ตรงกลาง ไม่ใช่เซียวจิ่นหมิงคนดวงซวยนั่นแล้วยังจะเป็นใครได้อีก?
ทำไมไม่ว่าที่ไหนๆก็มีเขาอยู่ไปหมด? ตามหลอกตามหลอนไม่เลิก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ...
รอตอนต่ออยู่นะค่ะ...
รบกวนอัพเดทตอนใหม่ให้ด้วยนะคะ รอรอรอ...
สนุกมาก รอตอนใหม่อยู่ค่ะ...
รอการอัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ😭...
รอการอัพเดทอยู่นะคะ...
❤❤❤...
รออ่านเรื่องนี้ตั้งหลายวันนนน...