ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ นิยาย บท 35

คุณชายผู้งามสง่าถอยหลังไปสองก้าวเล็ก ๆ "คุณหนูเกรงใจแล้ว"

หยุนหรั่นเฟิงยิ้ม ขณะที่กำลังจะพูด ผู้หญิงคนหนึ่งก็วิ่งออกมาด้วยท่าทางตื่นตระหนก แล้วเข้ามากอดเด็กน้อยที่ทะเล่อทะล่าพุ่งออกมาจนเกือบจะเกิดเรื่อง "อาเทียน!"

ชื่อนี้ฟังดูค่อนข้างคุ้นหูอยู่นะ

หยุนหรั่นเฟิงหันหน้ากลับไปมอง ผลคือได้พบแม่ลูกที่ดูแล้วคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่หลายส่วนคู่หนึ่ง เด็กน้อยดูแล้วอายุน่าจะซักห้าหกขวบได้ ท่าทางแข็งแรงกำยำแต่น่าเอ็นดู  เห็นได้ชัดว่าเป็นเด็กที่ล้มกลิ้งมาขวางหน้าล้อรถม้าวันนั้นนั่นเอง

ก็....ช่างบังเอิญอะไรอย่างนี้

ทั้งอาเทียนกับแม่ต่างก็มองนางด้วยสีหน้าวิตกกังวล ด้วยความกลัวว่าหยุนหรั่นเฟิงจะแผลงฤทธิ์อาละวาดใส่ คนแม่กอดลูกชายแน่นโดยไม่รู้ตัว "คุณ คุณหนูใหญ่ ลูกข้ายังเด็กไม่รู้ความ ขอท่าน โปรดอย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับเขาเลยนะเจ้าคะ!"

นี่มันเวรกรรมอะไรล่ะเนี่ย? ทำไมถึงได้มาชนใส่ท่านผู้นี้อีกแล้ว!

หยุนหรั่นเฟิงมองเห็นความหวาดกลัวที่ฉายชัดอยู่ในดวงตาของสองแม่ลูก นางกลอกสายตาเล็กน้อย กระแอมไอเบา ๆ เสียงหนึ่ง ทำหน้านิ่งขรึม แล้วย่อตัวลงไปมองสบตาเด็กน้อย "นี่มันอะไรกัน? เป็นเพราะถังหูลู่เลยเกิดเรื่องอีกแล้วรึ? ระวังจะปวดฟันล่ะ!"

เมื่ออาเทียนได้ยินหยุนหรั่นเฟิงสบประมาทขนมสุดโปรดของเขา ก็ลืมกลัวทันที พูดว่า "ถังหูลู่ของร้านลุงหวังเคี่ยวด้วยน้ำตาลทรายแดงทั้งหมด ไม่มีทางปวดฟันเด็ดขาด!"

พอเขาอ้าปาก ก็เผยแผงฟันสีกระดำกระด่างที่ฟันหน้าหายไปสองซี่ให้เห็น!

หยุนหรั่นเฟิงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ เสียงหัวเราะของนางสดใสราวกับแสงเรืองรองจากดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าต่างสาดส่องมาที่นาง สว่างไสวจนใครที่ได้เห็นไม่อาจละสายตาไปได้

สายตาของผู้ชายที่อยู่ข้างหลังนาง ก็ยังอดจ้องมองมาที่นางไม่ได้

เดิมทีทุกคนคิดว่าหยุนหรั่นเฟิงจะต้องอาละวาดแน่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่านางจะใจดีและเป็นมิตรกับผู้คนขนาดนี้ อาการใจเต้นไม่เป็นส่ำของพวกเขาพลันสลายหายไปทันที จากนั้นก็ถูกเสียงหัวเราะอันสดใสของนางแพร่เชื้อใส่ แต่ละคนจึงค่อย ๆ เผยรอยยิ้มบนใบหน้า!

แม่ของอาเทียนเงื้อมือได้ก็ฟาดเพี๊ยะลงบนแก้มก้นน้อย ๆ ของลูกชาย "บอกว่าให้กินน้อย ๆ หน่อยก็ไม่ฟัง! ดูฟันผุของเจ้าซิ!"

“ไม่เป็นไรหรอก เขาแค่ยังไม่เคยเจอดีน่ะ รอให้เขาได้เจ็บจริง ๆ สักครั้งก่อน ก็จะรู้เองนั่นแหล่ะว่ามันหนักหนาขนาดไหน” หยุนหรั่นเฟิงถอนหายใจเฮือก “เราทุกคนต่างก็เคยมีประสบการณ์มาแล้วทั้งนั้น”

บรรยากาศอบอวลไปด้วยกระแสความแช่มชื่นยินดี อาเทียนจ้องมองไปที่แผงขายถังหูลู่ที่อยู่ไม่ไกล พูดด้วยน้ำเสียงอาลัยอาวรณ์ว่า "ถ้า...ถ้าอย่างนั้นข้าขอกินเป็นครั้งสุดท้ายได้หรือไม่? ต่อจากนี้ไปข้าจะไม่กินอีกแล้ว ได้หรือไม่?"

“เหลวไหล! มีครั้งไหนบ้างที่เจ้าไม่พูดว่าขอกินเป็นครั้งสุดท้ายน่ะ!” แม่ของอาเทียนฟาดก้นลูกชายไปอีกเพี๊ยะด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์!

หยุนหรั่นเฟิงหลุดหัวเราะ ส่งสัญญาณให้หลินหลังพาอาเทียนไปซื้อขนม เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าสุภาพบุรุษที่เพิ่งช่วยนางไว้ยังไม่จากไป แต่เพราะเห็นเขาสวมเสื้อผ้าสีขาวพิสุทธิ์ดุจหิมะ กริยาดูงามสง่า ท่าทางอ่อนโยน แววตาใสกระจ่าง ยืนนิ่งแบบเว้นระยะอยู่ห่าง ๆ ทำให้ดูแล้วเป็นอะไรที่เหมาะสมกับคำว่าสุภาพบุรุษมากจริง ๆ

หยุนหรั่นเฟิงทะลุมิติมาที่นี่นานขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอผู้ชายที่มีคุณสมบัติสูงส่งแบบนี้มาก่อนเลย นางยกยิ้มเล็กน้อย พูดอย่างเป็นกันเองว่า "ข้าชื่อหยุนหรั่นเฟิง บุญคุณที่ช่วยเหลือวันนี้ ข้าจะทดแทนให้ในภายหลัง"

ชายคนนั้นยิ้มน้อย ๆ “คุณหนูหยุนเกรงใจเกินไปแล้ว แค่ออกแรงช่วยเหลือเล็กน้อย ไม่ถึงกับเป็นบุญคุณอะไรหรอก นอกจากนี้ครอบครัวของพวกเราสองฝ่าย ต่างก็ถือว่าเป็นสหายเก่าแก่กัน” หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็แนะนำตัวเองอีกครั้ง “ข้าชื่อฉินเจี่ยนจากจวนซีเป่ยโหว”

ชั่วขณะหนึ่งหยุนหรั่นเฟิงยังคิดไม่ออก แต่หลินหลังที่เดินเข้ามาได้ยินคำพูดนั้นเข้า ก็เบิกตาจนกว้าง ก่อนจะโพล่งขึ้นมาว่า "จวนซีเป่ยโหว ? ไม่ใช่ซื่อจื่อที่มีสัญญาหมั้นหมายกับคุณหนูรอง.......คุณชายไร้เทียมทามคนนั้นหรอกรึ?”

หยุนหรั่นเฟิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

ในที่สุดนางก็จำได้ ว่าจริง ๆ แล้วหยุนหรั่นเฉินนั้นมีสัญญาแต่งงานอยู่ เป็นสัญญาที่หยุนโม่เป็นคนกำหนดให้เมื่อนานมาแล้ว แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งสองตระกูลกลับไม่เคยมีการติดต่อไปมาหาสู่กันเลย กระทั่งสัญญาแต่งงานที่ว่านี้ก็ยังมีเพียงไม่กี่คนที่รู้

คุณชายไร้เทียมทามเรอะ?

แม้ว่าชื่อจะนี้จะฟังดูเบียวไปหน่อย แต่ในแง่ของรูปร่างหน้าตาและกริยาท่าทางของเขาแล้ว ก็ถือว่าคู่ควรกับชื่อไร้เทียมทามนี้จริง ๆ ติดแค่ว่าแม่ดอกบัวขาวจอมสร้างภาพว่าเป็นดั่งแม่พระมาโปรดอย่างหยุนหรั่นเฉิน ได้มาจับคู่กับคุณชายที่งามสง่าเปี่ยมล้นด้วยคุณภาพระดับสูงขนาดนี้ ช่างเป็นพรหมลิขิตดั่งสวรรค์สั่งนรกสร้างเกินไปหน่อยแล้วจริง ๆ

"แค่เรื่องเก่า ๆ ไม่มีค่าให้ต้องพูดถึง" ฉินเจี่ยนกลับยิ้มน้อย ๆ ไม่ถึงกับถ่อมตัวหรือเย่อหยิ่งอะไร

ดวงตาของหยุนหรั่นเฟิงผุดประกายวาบ

นี่แปลได้ว่า..... สัญญาตบแต่งที่ว่านั่นมันสิ้นสุดลงแล้วสินะ?

นางพูดอย่างจริงใจว่า "อะไรที่สูญเสียไป อาจจะไม่ใช่เรื่องไม่ดีก็ได้นะ"

ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย พ่อหนุ่มน้อย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์