สรุปเนื้อหา บทที่ 18 คนหนุนหลังมาแล้ว – ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ โดย เธอเป็นดาวของฉัน
บท บทที่ 18 คนหนุนหลังมาแล้ว ของ ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ ในหมวดนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เธอเป็นดาวของฉัน อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
สายตาเยือกเย็นของเซียวจิ่นหมิงรีบกวาดไปมองหัวหน้าทหารจวน หัวหน้าทหารจวนรีบคุกเข่าลง แล้วก็รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นออกมาให้ฟังอย่างละเอียด
ฉีซินจื่อกัดริมฝีปากเล็กน้อย พร้อมรีบพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่ พวกเราเป็นคนฝึกวรยุทธค่อนข้างมีแรงเยอะ ข้าเพียงแค่ควบคุมตัวเองไม่ได้ ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายเสด็จพี่พระชายา”
หยุนหรั่นเฟิงนั่งดูอยู่ด้านข้างด้วยสายตาเย็นชา ปรบมือพร้อมพูดขึ้นว่า “มีเหตุผลมีหลักฐาน ข้ารู้สึกสมเพช เรียนการแสดงมาจากไหนหรือ? แสดงบทบาทได้ดีจริงๆ เปลี่ยนหน้าได้เร็วขนาดนี้ ทำไมเจ้าไม่ไปเรียนการแสดงละคร”
สีหน้าฉีซินจื่อขาวซีด ร่างกายโอนเอนเหมือนจะทนไม่ไหวแล้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่ นาง....ทำไมนางถึงได้รังแกข้าขนาดนี้”
เดิมเพราะเมื่อเช้าเซียวจิ่นหมิงก็ถูกหยุนหรั่นเฟิงทำให้โกรธอยู่แล้ว ในใจมีไฟแห่งความโกรธ เมื่อกี้ก็เห็นหยุนหรั่นเฟิงกำลังจะลงมือทำร้าย เชื่อและยอมรับในสิ่งที่ได้ยินได้เห็นมาก่อน เวลานี้หยุนหรั่นเฟิงยิ่งวางตัวหยิ่ง ยิ่งโกรธโมโหแล้วพูดขึ้นว่า “หยุนหรั่นเฟิง เจ้าทำร้ายคนยังไม่พอ ยังพูดจาเสียดสี วันนี้ข้าไม่สนว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่ เจ้าจะต้องขอโทษซินจื่อ”
หยุนหรั่นเฟิงอึ้งเล็กน้อย จากนั้น ไฟแห่งความโกรธลุกโชนพุ่งตรงมาที่หัวใจของนาง นางพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ขอโทษ ขอโทษเหี้ยอะไร ต้องทำร้ายข้า ยังอยากจะให้ข้าขอโทษนาง เจ้าฝันไปเถอะ เซียวจิ่นหมิง เจ้าเป็นผู้ชายสารเลว ทั้งที่หัวหน้าทหารจวนก็พูดแล้ว ฉีซินจื่อลงมือทำร้ายข้า เจ้ายังจะให้ข้าขอโทษ เจ้าเห็นว่าข้าเป็นโคลนหรือ?”
“บังอาจ เจ้าวางยาพิษแม่นมฉาง เมื่อกี้เจ้าก็ลงมือตบซินจื่อ ข้าเชื่อสายตาของตนเอง” เซียวจิ่นหมิงพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
หยุนหรั่นเฟิงรู้สึกไฟแห่งความโกรธลุกโชนไปทั่วทั้งร่างกาย อยากที่จะเอามีดผ่าตัดผ่าหัวเซียวจิ่นหมิงเสียเดี๋ยวนี้ ดูว่าภายในหัวสมองของผู้ชายสารเลวคนนี้จะเป็นสีอะไร
“ควาย....” น้อยครั้งที่หยุนหรั่นเฟิงถูกทำให้โกรธอย่างบ้าคลั่ง ยกขาขึ้นมาแล้วจะลั่นไกปืน นางไม่เล่นด้วยแล้ว ข้าผู้ชายสารเลวคนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
เซียวจิ่นหมิงกลับรู้ความเคลื่อนไหวของหยุนหรั่นเฟิงขึ้นมาก่อน คว้าจับมือหยุนหรั่นเฟิงไว้ทั้งสองข้างด้วยมือเดียว แล้วพูดขึ้นด้วยสายตาเป็นประกายว่า “ขอโทษ”
“เจ้าฝันไปเถอะ” หยุนหรั่นเฟิงเงยหน้าถลึงตาใส่เขา แววตาแทบจะพ่นเป็นไฟออกมา ทั้งสองคนมองสบตากัน ต่างคนต่างก็ไม่ยอมแพ้ คนอื่นแทบไม่กล้าหายใจแรง บรรยากาศรอบข้างดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
“บังอาจ ใครบีบบังคับให้เฟิงเอ๋อของข้าขอโทษ” เสียงคล้ายระฆังดังขึ้นทำลายความเงียบราวกับฟ้าร้องในทันใด
สายตาทุกคนพร่ามัว หยุนโม่พุ่งพรวดเข้ามา มองเห็นภาพตรงหน้า สายตาแดงก่ำ พร้อมพูดขึ้นอย่างโกรธโมโหว่า “เซียวจิ่นหมิง เจ้าปฏิบัติต่อเฟิงเอ๋อแบบนี้หรือ”
ความคับแค้นใจที่เมื่อกี้ยังซ่อนเร้นอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของหยุนหรั่นเฟิง พวยพุ่งออกมาในทันที น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “พ่อ....”
ภายใต้สายตาจับจ้องมองของหยุนโม่ เซียวจิ่นหมิงปล่อยมือ หยุนหรั่นเฟิงรีบวิ่งไปหาหยุนโม่ สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร หยุนโม่เห็นแล้วก็อัดอั้นใจขึ้นมาทันที
ในที่ลับ หยุนหรั่นเฟิงหยุดน้ำตา แอบยกนิ้วโป้งให้กับหลินหลังที่ไปตามผู้ช่วยมาได้ทัน
เซียวจิ่นหมิงมองดูท่าทีน่าสงสารของหยุนหรั่นเฟิง รู้สึกเหมือนเส้นเลือดบนหน้าผากของตนกระตุกไม่หยุด
เขาพยายามระงับอารมณ์อย่างสุดความสามารถ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ล้วนเป็นเรื่องภายในบ้าน แม่ทัพใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วง”
หยุนโม่พูดขึ้นอย่างโกรธโมโหว่า “ลูกสาวของข้าเป็นสุดที่รักของข้า อยู่บ้านก็ถูกประคบประหงมอย่างล้ำค่าที่สุด พอมาอยู่กับเจ้า ถูกพวกเจ้ารังแกเช่นนี้ เพียงคำว่าเรื่องภายในบ้านก็สามารถบอกปัดไปได้หรือ ข้าเป็นพ่อของนาง ไม่ใช่คนอื่น”
เซียวจิ่นหมิงก็รู้ว่าหยุนโม่รักและทะนุถนอมหยุนหรั่นเฟิงอย่างมาก สีหน้าจึงอ่อนโยนลง กำลังจะพูดขึ้นมา ฉีซินจื่อที่อยู่ด้านข้างก็ร้องห่มร้องไห้พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ทัพใหญ่ช่างมีบารมียิ่งใหญ่นัก เสด็จพี่พระชายามีพ่ออย่างท่านคอยหนุนหลัง ก็สามารถที่จะรังแกข้าที่เป็นลูกกำพร้าไม่มีพ่อไม่มีแม่หรือ?”
เซียวจิ่นหมิงเคารพนับถืออาจารย์ที่จากไปแล้วอย่างที่สุดมาตลอด มองดูท่าทีน่าสงสารของฉีซินจื่อแล้ว ก็ถอนหายใจเล็กน้อย พร้อมพูดปลอบนางว่า “เจ้าวางใจ ถึงแม้อาจารย์จะจากไปแล้ว เจ้าก็ยังมีศิษย์พี่คอยปกป้อง”
ฉีซินจื่อเงยหน้ามองดูอย่างซาบซึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ศิษย์พี่.....”
หยุนโม่จ้องมองดูคนทั้งสองตรงหน้า แล้วก็หันไปมองดูลูกสาวของตนที่อยู่ด้านหลังตนอย่างโดดเดี่ยว ทั้งโกรธทั้งเสียใจว คว้าจับมือหยุนหรั่นเฟิงพร้อมพูดขึ้นว่า “ไป พ่อพาเจ้ากลับบ้าน เราไม่อยู่ที่นี่ให้เศร้าโศกเสียใจ”
หยุนหรั่นเฟิงหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “คนอื่นมารังแกข้า ข้าไม่สามารถที่จะตอบโต้เลยหรือ ในโลกนี้มีหลักการแบบนี้ด้วยหรือ? ฉีซินจื่อ เจ้ามีวรยุทธสูงส่ง ยังเป็นคนที่เซียวจิ่นหมิงรักใคร่ที่สุด ส่วนข้า เป็นพระชายาที่ยอมเสนอตัวมาอย่างไร้ยางอาย ไม่เป็นที่รักใคร่ และก็ไม่มีวรยุทธ อะไรนิดอะไรหน่อยก็ร้องห่มร้องไห้ฟ้องว่าข้ารังแกเจ้า เจ้าเสแสร้งให้ใครดูหรือ?”
ตอนที่พูด นางเหลือบหางตามองดูเซียวจิ่นหมิง สีหน้าเซียวจิ่นหมิงยิ่งมืดครึ้ม
ฉีซินจื่อกับเซียวจิ่นหมิงรู้จักกันมากว่าสิบปี จึงดูออกอยู่แล้วว่าเซียวจิ่นหมิงมีความลังเล จึงรีบพูดขึ้นอย่างกระวนกระวายใจว่า “ต่อให้เจ้าไม่มีวรยุทธ แต่เจ้าชำนาญการใช้ยาพิษ.....”
หยุนหรั่นเฟิงพูดแทรกขึ้นมา หันไปมองหัวหน้าทหารจวน แล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่ได้ตาบอด น่าจะดูออกว่า เมื่อกี้ฉีซินจื่อ ควบคุมกำลังของตนเองไม่ได้จริงหรือ? หรือนางอาศัยที่ตนเองมีวรยุทธ ตั้งใจคิดอยากที่จะทำร้ายข้า”
หัวหน้าทหารจวนพูดไม่ออก “คือ.....”
เซียวจิ่นหมิงพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “เจ้าพูดความจริง”
หัวหน้าทหารจวนกัดฟันพูดขึ้นว่า “พระชายารอง ตั้งใจที่จะทำร้ายเหนียงเหนียง.....”
สีหน้าฉีซินจื่อจางหายไปอย่างสะอาดสะอ้าน พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดไปเรื่อย ศิษย์พี่ เขาเข้าข้างหยุนหรั่นเฟิงใส่ร้ายข้า ข้าไม่ได้ทำ”
เซียวจิ่นหมิงเงียบไปสักพัก สุดท้ายแกะมือของฉีซินจื่อออก หันไปยกมือประสานให้กับหยุนโม่ พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ทัพใหญ่ เรื่องนี้เกิดขึ้นภายในจวนของข้า ยังไงข้าก็จะต้องคืนความยุติธรรมให้กับหยุนหรั่นเฟิง ท่านไม่ต้องเป็นห่วง"
สีหน้าหยุนโม่โกรธโมโห อยากที่จะอาละวาด แต่หางตาเหลือบไปมองหยุนหรั่นเฟิงที่อยู่ด้านหลัง แล้วก็ถอนหายใจ
เฟิงเอ๋ออยากที่จะแต่งงานเข้ามาในจวนองค์ชายตั้งแต่แรก หากเขาไม่ไว้หน้าเซียวจิ่นหมิง ถึงตอนนั้นคนที่ทุกข์ทรมาน ยังคงเป็นเฟิงเอ๋อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ...
รอตอนต่ออยู่นะค่ะ...
รบกวนอัพเดทตอนใหม่ให้ด้วยนะคะ รอรอรอ...
สนุกมาก รอตอนใหม่อยู่ค่ะ...
รอการอัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ😭...
รอการอัพเดทอยู่นะคะ...
❤❤❤...
รออ่านเรื่องนี้ตั้งหลายวันนนน...