ตอน บทที่ 33 งามพิลาศล้ำเป็นหนึ่งไม่มีสอง จาก ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 33 งามพิลาศล้ำเป็นหนึ่งไม่มีสอง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายย้อนยุคทะลุมิติ ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ ที่เขียนโดย เธอเป็นดาวของฉัน เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
แผงคอของม้าสีดำกระบัดไหว ตามด้วยเสียงร้อง “ฮี้” ดังลั่น กีบเท้าหน้าที่เห็น ๆ อยู่ว่ากำลังจะเหยียบลงไปบนตัวเด็กน้อยคนนั้นยกขึ้นทันที ก้าวเบี่ยงไปข้าง ๆ สองก้าวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้รถม้าที่หนักนับพันชั่งคันนั้นเอียงตามไปด้วย หลีกเลี่ยงเด็กน้อยที่ล้มอยู่บนพื้นไปได้ราวปาฎิหารย์!
"อาเทียน!"
พ่อแม่ของอาเทียนร้องไห้โฮด้วยความดีใจ รีบวิ่งมาข้างหน้าทันที กอดเด็กน้อยที่ตกใจจนเซ่อตัวแข็งทื่อเป็นหินไปแล้วเอาไว้แน่น จากนั้นก็โค้งคำนับให้กับผู้หญิงชุดดำที่อยู่บนหลังม้าไม่หยุด "ขอบคุณแม่นางท่านนี้ ขอบคุณแม่นางเหลือเกินแล้ว!"
ชั่วขณะนี้ ดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว ประกายแสงจ้าที่แยงตาเล็กน้อยปกคลุมบนร่างของหญิงสาวชุดดำ คล้ายดั่งร่างนั้นถูกเคลือบด้วยทองคำบริสุทธิ์ชั้นหนึ่ง นางนั่งตัวตรงอยู่บนหลังม้า มือข้างหนึ่งจับสายบังเหียน ก้มหน้าลงเล็กน้อย แม้ว่าจะมองเห็นดวงตาได้ไม่ชัดนัก แต่กลับพอจะมองออกได้อย่างชัดเจนว่า เป็นคนที่งามพิลาศล้ำเป็นหนึ่งไม่มีสอง!
น้ำเสียงที่สดใสของหญิงสาวผู้นั้นรื่นหูดั่งสายน้ำรินไหล กระจ่างใสราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้า “เด็กได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”
พ่อแม่ของอาเทียนผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบพูดขึ้นว่า "ไม่เลยไม่เลย! ขอบคุณแม่นางมาก ขอบคุณแม่นางมาก ๆ!"
หญิงสาวในชุดดำยิ้มแย้มเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า "หลินหลัง ไปเอาเงินมา ให้เป็นค่าทำขวัญที่เด็กคนนี้ได้รับความตื่นตกใจสักหน่อย!"
"เฮ้อ!" เด็กสาวตัวเล็กที่ดูแล้วเหมือนสาวใช้คนหนึ่งรีบออกมาจากรถม้า ล้วงหยิบเหรียญเงินออกมาหนึ่งกำ แล้วยัดใส่มือเด็กน้อยทันที "คุณหนูของข้าใจดีมีเมตตาเป็นที่สุด! รับไปสิ!"
ผู้ชมโดยรอบต่างตกอยู่ในความโกลาหลทันที!
ผู้หญิงชุดดำคนนี้ ถึงกับเป็นคุณหนูใหญ่จอมวางอำนาจ ชอบถือตนเป็นใหญ่แห่งตระกูลหยุนคนนั้นจริง ๆ น่ะหรือ?
นี่จำคนผิดคนแล้วกระมัง?!
ภายใต้สายตาเคลือบแคลงสงสัยของทุกคน หญิงสาวชุดดำก็กระโดดลงจากหลังม้าสีดำแล้วเรียบร้อย ก้าวเดินยาว ๆ ราวกระโดดตรงดิ่งไปที่ประตูจวนแม่ทัพ ก่อนจะยิ้มแย้มเจิดจ้าให้ท่านแม่ทัพใหญ่ "ท่านพ่อเจ้าขา ลูกกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!"
เมื่อครู่หยุนโม่ก็ได้เห็นฉากที่หยุนหรั่นเฟิงช่วยชีวิตคนเช่นกัน รู้สึกว่าลูกสาวของเขาตอนนี้ช่างรู้ความขึ้นมากแล้วจริง ๆ จึงหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างพออกพอใจ "ดี กลับมาก็ดีแล้วล่ะ! มีพ่ออยู่ทั้งคน ดูซิว่าจากนี้ใครหน้าไหนมันจะกล้ารังแกเจ้า!"
ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้ง!
นางคือคุณหนูใหญ่ตระกูลหยุนจริง ๆ นั่นแหล่ะ!
ไม่ใช่ใครต่อใครต่างก็พูดกันว่า นางทั้งอัปลักษณ์ทั้งดุร้ายหรอกรึ!
นี่มันเห็น ๆ อยู่ว่าทั้งสวยทั้งใจดีต่างหาก!
หยุนหรั่นเฟิงยิ้มน้อย ๆ จากนั้นก็หันไปกล่าวทักทายหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หยุนโม่ ซึ่งนับว่าเป็นนายหญิงที่มีหน้าที่ดูแลภายในตระกูลหยุนคนปัจจุบันอย่างสุภาพว่า "คารวะฮูหยิน"
นางพอจำได้ลาง ๆ ว่าเจ้าของร่างเดิมไม่ชอบแม่เลี้ยงคนนี้เอามาก ๆ ตั้งแต่เล็กจนโต นางไม่เคยเรียกอีกฝ่ายว่าแม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว จะเรียกว่าฮูหยินเท่านั้น ส่วนหยุนโม่ด้วยความที่รักนาง สุดท้ายจึงปล่อยให้เรียกแบบนี้มาโดยตลอด
นี่เท่ากับแสดงเจตนารมณ์ของหยุนหรั่นเฟิงอย่างชัดเจนแล้ว
เพราะหยุนโม่รักใคร่เอ็นดูนางจริง ๆ นางจึงเต็มใจที่จะเรียกเขาว่าพ่อได้เต็มปาก แต่นางไม่มีความตั้งใจที่จะเรียกผู้หญิงที่ไม่คู่ควรจะได้เป็นแม่ของตัวเองว่าแม่เด็ดขาด
สีหน้าของลู่ซื่อดูน่าเกลียดลงไปเล็กน้อย แต่เพราะหยุนโม่อยู่ข้าง ๆ จึงต้องฝืนยิ้มให้ ก่อนจะทักทายกลับไปว่า "กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว!"
นางฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่หยุนหรั่นเฉินที่อยู่ข้าง ๆ กลับแสดงท่าทางละมุนละม่อมไปเสียทุกด้าน ประดุจดั่งน้ำกลิ้งบนใบบอนก็ไม่ปาน รีบเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายหยุนหรั่นเฟิงก่อนทันที "หรั่นเฉินคารวะพี่สาว พี่สาวเร่งเดินทางมาคงจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย คงอยากกลับให้ถึงบ้านเร็ว ๆ ใช่หรือไม่?”
ขณะที่พูดไปพลาง ก็เข้ามาจับมือของหยุนหรั่นเฟิงไปพลาง แสดงท่าทีอบอุ่นกลมเกลียวเสียราวกับว่าทั้งสองเป็นพี่น้องที่รักใคร่สนิทสนมกันมาก ไม่มีร่องรอยขุ่นเคืองใจที่ถูกนางตีแสกหน้ากลางร้านขายเครื่องสำอางจนหน้าหงายคราวก่อนให้เห็นเลย
ฮูหยินเฒ่าพูดอย่างเย็นชา "นางถูกหย่ามา ถ้ายังคิดจะจัดงานเลี้ยงฉลองอีก แบบนี้คือเจ้าตั้งใจจะตบหน้าราชวงศ์ หรือตั้งใจจะตบหน้าตระกูลของเรากันแน่ล่ะ? เป็นเพราะเจ้าตามใจนางเกินไปจนเสียคนนั่นแหล่ะ นางถึงได้กลายเป็นพวกไม่เห็นกฎหมายในสายตา ทั้งบุ่มบ่ามเอาแต่ใจ นี่ถ้าฝ่าบาทไม่เห็นแก่ความดีความชอบของเจ้าตลอดหลายปีที่ผ่านมาล่ะก็ แค่ความผิดที่นางทำเพียงอย่างเดียว ก็พอจะส่งนางไปบวชที่สำนักนางชีเพื่อขัดเกลานิสัยใหม่ได้แล้ว"
แววตาของหยุนหรั่นเฟิงคมปลาบ ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นช้า ๆ
กว่าจะหาทางหลุดพ้นออกมาจากจวนองค์ชายได้ ก็ลำบากจนเลือดตาแทบกระเด็นแล้ว นางยังไม่ทันมีเวลาดื่มด่ำกับรสชาติของอิสรภาพอย่างเป็นสุขเลย ฮูหยินเฒ่าคนนี้ก็โผล่มาราดน้ำเย็นใส่นางเต็มอ่างใหญ่ยักษ์ซะแล้ว นี่คิดจะหาเรื่องนาง หรือคิดจะหาเรื่องนางไม่ทราบ?
ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมก็มีฮูหยินเฒ่าคนนี้อยู่ด้วย ฮูหยินเฒ่าคนนี้ไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของหยุนโม่ และก็เป็นภรรยาที่แต่งเข้าใหม่หลังจากที่ภรรยาเดิมตายจากไปเช่นกัน แต่เพราะนางไม่มีลูกของตัวเอง จึงได้แต่ต้องพึ่งพาหยุนโม่ให้มาคอยปรนนิบัติเลี้ยงดูนาง
ฮูหยินเฒ่าผู้นี้นับว่าชาติกำเนิดไม่เลว เป็นลูกสาวตระกูลผู้ดีมีฐานะ ให้ความสำคัญกับกฎเกณฑ์และธรรมเนียมปฏิบัติ ดังนั้นจึงไม่ค่อยเห็นค่าภรรยาคนเดิมของหยุนโม่ แม่แท้ ๆ ของเจ้าของร่างเดิม เมื่อเกลียดคนแม่ก็ย่อมพาลไปถึงคนลูก เป็นธรรมดาที่นางจะไม่เห็นเจ้าของร่างเดิมที่ทั้งหยิ่งยโสและชอบวางอำนาจระรานคนไปทั่วอยู่ในสายตา
แม้ว่าเจ้าของร่างเดิมก็ไม่ชอบขี้หน้าฮูหยินเฒ่า แต่สุดท้ายในสมองก็ยังพอจะรู้จักคำว่ากตัญญูอยู่บ้างเล็กน้อย บวกกับไม่อยากให้หยุนโม่ตะขิดตะขวงใจจนต้องทำตัวแบบในใจเคารพนับถืออยู่ แต่ก็ไม่ขออยู่ใกล้กับคนมีศักดิ์เป็นแม่ เมื่อไหร่ที่เกิดความขัดแย้งกันขึ้นมาจริง ๆ นางจะเป็นฝ่ายยอมถอยให้หนึ่งก้าวเสมอ
แต่นางไม่ใช่เจ้าของร่างเดิมซะหน่อย ทำไมต้องทนด้วยล่ะ?
หยุนหรั่นเฟิงยกยิ้มน้อย ๆ พูดว่า "ฮูหยินเฒ่าอายุมากแล้ว เกรงว่าคงจะเริ่มสับสนเลอะเลือนแล้วเป็นแน่ เห็น ๆ อยู่ว่าบนหนังสือหย่า เขียนเอาไว้ชัดเจนว่าข้าเป็นฝ่ายหย่าเซียวจิ่นหมิง ทำไมพอมาถึงท่าน กลับกลายเป็นว่าเซียวจิ่นหมิงหย่าข้าไปเสียล่ะ? หรือท่านกำลังสงสัยในพระประสงค์ของฝ่าบาทรวมถึงพระราชเสาวนีย์ของไทเฮา? ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ไม่สู้พรุ่งนี้ท่านก็เข้าวังไปถามดูต่อเบื้องพระพักตร์เลยดีหรือไม่?”
หนังตาของฮูหยินเฒ่าถึงกับกระตุก จ้องไปที่หยุนหรั่นเฟิงด้วยสายตาโกรธเคือง "นี่เจ้ากล้าพูดกับผู้อาวุโสแบบนี้เชียวรึ!"
หยุนหรั่นเฟิงพูดด้วยสีหน้าไร้เดียงสาว่า "ข้าแค่มีเจตนาดีอยากเตือนฮูหยินเฒ่าก็เท่านั้นเอง ทำไมแค่พูดความจริงสองสามประโยคก็ยังไม่ได้ล่ะ? ครั้งนี้เป็นท่านที่พูดผิดไป แค่คนในบ้านมาได้ยินก็ถือว่าไม่เป็นไรหรอก ถ้าถ้าเกิดคนนอกมาได้ยินเข้าล่ะก็ ...... นี่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นเบื้องสูงเชียวนะ! ท่านเป็นถึงเสาหลักของตระกูลเรา จะปล่อยให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!"
ฮูหยินเฒ่าถึงกับสำลัก คิดอยากจะพูดอะไรโต้กลับไปบ้าง แต่ก็พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว ในดวงตายิ่งผุดแววรังเกียจขึ้นมาอีกหลายส่วน “เจ้านี่มัน.....”
"เฟิงเอ๋อพูดได้ถูกต้องแล้ว" หยุนโม่ผู้ที่มีฐานะเป็นเสาหลักของตระกูลตัวจริงพูดขึ้นทันที "ท่านแม่ เรื่องนี้ไม่ควรมองข้ามจริง ๆ เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นเซียวจิ่นหมิงนั่นที่ทำผิดต่อเฟิงเอ๋อ หากพูดผิดไป จนกลายเป็นเฟิงเอ๋อถูกหย่าแทน คนที่ไม่รู้ก็อาจจะคิดว่าเป็นเพราะเฟิงเอ๋อลูกข้าทำอะไรผิด นั่นต่างหากที่ถือเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้าอย่างแท้จริง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ...
รอตอนต่ออยู่นะค่ะ...
รบกวนอัพเดทตอนใหม่ให้ด้วยนะคะ รอรอรอ...
สนุกมาก รอตอนใหม่อยู่ค่ะ...
รอการอัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ😭...
รอการอัพเดทอยู่นะคะ...
❤❤❤...
รออ่านเรื่องนี้ตั้งหลายวันนนน...