ราชินีหงสาร้อยเล่ห์ นิยาย บท 33

แผงคอของม้าสีดำกระบัดไหว ตามด้วยเสียงร้อง “ฮี้” ดังลั่น กีบเท้าหน้าที่เห็น ๆ อยู่ว่ากำลังจะเหยียบลงไปบนตัวเด็กน้อยคนนั้นยกขึ้นทันที ก้าวเบี่ยงไปข้าง ๆ สองก้าวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้รถม้าที่หนักนับพันชั่งคันนั้นเอียงตามไปด้วย หลีกเลี่ยงเด็กน้อยที่ล้มอยู่บนพื้นไปได้ราวปาฎิหารย์!

"อาเทียน!"

พ่อแม่ของอาเทียนร้องไห้โฮด้วยความดีใจ รีบวิ่งมาข้างหน้าทันที กอดเด็กน้อยที่ตกใจจนเซ่อตัวแข็งทื่อเป็นหินไปแล้วเอาไว้แน่น จากนั้นก็โค้งคำนับให้กับผู้หญิงชุดดำที่อยู่บนหลังม้าไม่หยุด "ขอบคุณแม่นางท่านนี้ ขอบคุณแม่นางเหลือเกินแล้ว!"

ชั่วขณะนี้ ดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว ประกายแสงจ้าที่แยงตาเล็กน้อยปกคลุมบนร่างของหญิงสาวชุดดำ คล้ายดั่งร่างนั้นถูกเคลือบด้วยทองคำบริสุทธิ์ชั้นหนึ่ง นางนั่งตัวตรงอยู่บนหลังม้า มือข้างหนึ่งจับสายบังเหียน ก้มหน้าลงเล็กน้อย แม้ว่าจะมองเห็นดวงตาได้ไม่ชัดนัก แต่กลับพอจะมองออกได้อย่างชัดเจนว่า เป็นคนที่งามพิลาศล้ำเป็นหนึ่งไม่มีสอง!

น้ำเสียงที่สดใสของหญิงสาวผู้นั้นรื่นหูดั่งสายน้ำรินไหล กระจ่างใสราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้า “เด็กได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”

พ่อแม่ของอาเทียนผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบพูดขึ้นว่า "ไม่เลยไม่เลย! ขอบคุณแม่นางมาก ขอบคุณแม่นางมาก ๆ!"

หญิงสาวในชุดดำยิ้มแย้มเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า "หลินหลัง ไปเอาเงินมา ให้เป็นค่าทำขวัญที่เด็กคนนี้ได้รับความตื่นตกใจสักหน่อย!"

"เฮ้อ!" เด็กสาวตัวเล็กที่ดูแล้วเหมือนสาวใช้คนหนึ่งรีบออกมาจากรถม้า ล้วงหยิบเหรียญเงินออกมาหนึ่งกำ แล้วยัดใส่มือเด็กน้อยทันที "คุณหนูของข้าใจดีมีเมตตาเป็นที่สุด! รับไปสิ!"

ผู้ชมโดยรอบต่างตกอยู่ในความโกลาหลทันที!

ผู้หญิงชุดดำคนนี้ ถึงกับเป็นคุณหนูใหญ่จอมวางอำนาจ ชอบถือตนเป็นใหญ่แห่งตระกูลหยุนคนนั้นจริง ๆ น่ะหรือ?

นี่จำคนผิดคนแล้วกระมัง?!

ภายใต้สายตาเคลือบแคลงสงสัยของทุกคน หญิงสาวชุดดำก็กระโดดลงจากหลังม้าสีดำแล้วเรียบร้อย ก้าวเดินยาว ๆ ราวกระโดดตรงดิ่งไปที่ประตูจวนแม่ทัพ ก่อนจะยิ้มแย้มเจิดจ้าให้ท่านแม่ทัพใหญ่ "ท่านพ่อเจ้าขา ลูกกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!"

เมื่อครู่หยุนโม่ก็ได้เห็นฉากที่หยุนหรั่นเฟิงช่วยชีวิตคนเช่นกัน รู้สึกว่าลูกสาวของเขาตอนนี้ช่างรู้ความขึ้นมากแล้วจริง ๆ จึงหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างพออกพอใจ "ดี กลับมาก็ดีแล้วล่ะ! มีพ่ออยู่ทั้งคน ดูซิว่าจากนี้ใครหน้าไหนมันจะกล้ารังแกเจ้า!"

ทุกคนตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้ง!

นางคือคุณหนูใหญ่ตระกูลหยุนจริง ๆ นั่นแหล่ะ!

ไม่ใช่ใครต่อใครต่างก็พูดกันว่า นางทั้งอัปลักษณ์ทั้งดุร้ายหรอกรึ!

นี่มันเห็น ๆ อยู่ว่าทั้งสวยทั้งใจดีต่างหาก!

หยุนหรั่นเฟิงยิ้มน้อย ๆ จากนั้นก็หันไปกล่าวทักทายหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หยุนโม่ ซึ่งนับว่าเป็นนายหญิงที่มีหน้าที่ดูแลภายในตระกูลหยุนคนปัจจุบันอย่างสุภาพว่า "คารวะฮูหยิน"

นางพอจำได้ลาง ๆ ว่าเจ้าของร่างเดิมไม่ชอบแม่เลี้ยงคนนี้เอามาก ๆ ตั้งแต่เล็กจนโต นางไม่เคยเรียกอีกฝ่ายว่าแม่เลยแม้แต่ครั้งเดียว จะเรียกว่าฮูหยินเท่านั้น ส่วนหยุนโม่ด้วยความที่รักนาง สุดท้ายจึงปล่อยให้เรียกแบบนี้มาโดยตลอด

นี่เท่ากับแสดงเจตนารมณ์ของหยุนหรั่นเฟิงอย่างชัดเจนแล้ว

เพราะหยุนโม่รักใคร่เอ็นดูนางจริง ๆ นางจึงเต็มใจที่จะเรียกเขาว่าพ่อได้เต็มปาก แต่นางไม่มีความตั้งใจที่จะเรียกผู้หญิงที่ไม่คู่ควรจะได้เป็นแม่ของตัวเองว่าแม่เด็ดขาด

สีหน้าของลู่ซื่อดูน่าเกลียดลงไปเล็กน้อย แต่เพราะหยุนโม่อยู่ข้าง ๆ จึงต้องฝืนยิ้มให้ ก่อนจะทักทายกลับไปว่า "กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว!"

นางฝืนยิ้มต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่หยุนหรั่นเฉินที่อยู่ข้าง ๆ กลับแสดงท่าทางละมุนละม่อมไปเสียทุกด้าน ประดุจดั่งน้ำกลิ้งบนใบบอนก็ไม่ปาน รีบเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายหยุนหรั่นเฟิงก่อนทันที "หรั่นเฉินคารวะพี่สาว พี่สาวเร่งเดินทางมาคงจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย คงอยากกลับให้ถึงบ้านเร็ว ๆ ใช่หรือไม่?”

ขณะที่พูดไปพลาง ก็เข้ามาจับมือของหยุนหรั่นเฟิงไปพลาง แสดงท่าทีอบอุ่นกลมเกลียวเสียราวกับว่าทั้งสองเป็นพี่น้องที่รักใคร่สนิทสนมกันมาก ไม่มีร่องรอยขุ่นเคืองใจที่ถูกนางตีแสกหน้ากลางร้านขายเครื่องสำอางจนหน้าหงายคราวก่อนให้เห็นเลย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์