เสียงผู้หญิงที่สดใสและเย็นชาดังขึ้นในทันใด ราวกับเสียงฟ้าร้อง บรรยากาศของงานเลี้ยงแต่งงานที่ยินดีหยุดชะงัก ทุกคนต่างหันมามองอย่างอัตโนมัติ
หยุนหรั่นเฟิงสวมชุดสีแดงเพลิง แววตาเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง ที่สวมผ้าคลุมหน้า ก้าวเดินมาท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน เดินเข้าไปในห้องโถง เดินมาถึงตรงหน้าพิธีกรรม แล้วก็มายืนนิ่งตรงหน้าคู่บ่าวสาว
อาจเป็นเพราะสายตาของนางที่เผยออกมาให้เห็นนั้นงดงาม หรืออาจเป็นเพราะชุดแต่งงานที่ยับยู่ยี่จนน่าตกใจ ทุกคนตกตะลึงไปชั่วขณะ
รอเมื่อได้สติกลับมา ทุกคนต่างส่งเสียงพูดขึ้นมาว่า
“คนนี้คือใครหรือ? ทำไมสวมชุดแบบนี้ออกมา?”
“สวมชุดแต่งงาน คงไม่ใช่พระชายาที่เมื่อวานองค์ชายแปดเพิ่งแต่งงานด้วยมั้ง?”
“นี่ ตั้งใจจะมาพังงานหรือ?”
……
ฉีซินจื่อที่คลุมหน้าด้วยผ้าโปร่งสีแดง แทบจะกัดฟันจนแหลกละเอียด นางเคยเห็นหยุนหรั่นเฟิงอยู่แล้ว เวลานี้กำลังจ้องมองดูร่องรอยช้ำบนตัวหยุนหรั่นเฟิง แล้วก็รู้ทันทีว่า นังสารเลวคนนี้ได้กับศิษย์พี่.....
เปลวไฟแห่งความริษยาแผดเผาจากก้นบึ้งของหัวใจ เกือบจะลบล้างสติสัมปชัญญะของนางจนหมดสิ้น
ฉีซินจื่อกำมือแน่น ความเจ็บปวดของเล็บที่ทิ่มเข้าไปในเนื้อ ค่อยทำให้นางพอมีสติอยู่บ้าง นางขยับไม่ได้ และก็ทำอะไรไม่ได้ นี่เป็นงานแต่งระหว่างนางกับศิษย์พี่ เป็นวันมงคลของนาง จะพังเพราะน้ำมือนังสารเลวคนนี้ไม่ได้
สีหน้าเซียวจิ่นหมิงดำมืดราวกับก้นหม้อ เขามองดูหยุนหรั่นเฟิงที่มาปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ดวงตาเย็นชาแฝงไปด้วยแววสังหาร พร้อมพูดขึ้นว่า “หยุนหรั่นเฟิง ไสหัวกลับไป”
หยุนหรั่นเฟิงไม่สนใจนาง ด้วยสถานะที่ตนเป็นพระชายา พูดอธิบายขึ้นมาอย่างใจกว้างสง่างามว่า “องค์ชายจะโกรธไปทำไม? วันนี้เป็นวันที่ท่านแต่งงานกับสนม ในฐานะที่หม่อมฉันเป็นพระชายา หากไม่มาดื่มน้ำชาคู่บ่าวสาวสักแก้ว คนอื่นจะกล่าวหาว่าข้าที่เป็นพระชายาไม่มีมารยาท”
เซียวจิ่นหมิงได้ยินแบบนี้ ท่าทีเยือกเย็นที่เปล่งออกมาทำให้ทั่วทั้งจวนเย็นเฉียบไปหมด พร้อมพูดขึ้นว่า “หยุนหรั่นเฟิง ข้าตกลงยอมแต่งงานกับเจ้า ถือเป็นการทำดีอย่างที่สุดแล้ว เจ้าอย่าได้คืบจะเอาศอก”
หยุนหรั่นเฟิงทำเป็นหูทวนลม ไม่สนใจคำพูดของเขา เพียงจ้องมองฉีซินจื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายารอง เจ้าว่าอย่างไร?”
ฉีซินจื่อที่ถูกขานชื่อโซเซเล็กน้อย ราวกับไม่สามารถรับได้ เซียวจิ่นหมิงรีบเดินมาข้างหน้า ขวางอยู่ตรงหน้าฉีซินจื่อ ส่งเสียงเมินอย่างดัง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “อย่าคิดข้องเกี่ยวกับจื่อเอ๋อ เจ้าไม่คู่ควร”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรังเกียจอย่างไม่บดบัง ทำให้สายตาหยุนหรั่นเฟิงเยือกเย็นลง นางหัวเราะเย้ย พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่คู่ควรจริงๆ ยังไงข้าก็เป็นถึงบุตรสาวแม่ทัพใหญ่ เป็นพระชายาแปดตามพระราชโองการ พระชายารองเป็นเพียงชาวบ้านในยุทธภพ สถานะต่ำต้อย ข้าพูดคุยด้วยสักคำยังเปื้อนปาก ต้องขอบคุณที่องค์ชายพูดเตือน”
หยุนหรั่นเฟิงพูดพร้อมกับหันไปนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง ผ้าคลุมหน้าไม่สามารถปกปิดดวงตาคู่นั้น มองไปที่พวกเขาอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อพระชายารองไม่มีความเห็น งั้นก็ทำตามธรรมเนียม รินน้ำชา”
ฉีซินจื่อโกรธจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว อดกลั้นไฟแห่งความโกรธไว้ แล้วพูดขึ้นด้วยทำเสียงที่น่าสงสารว่า “ศิษย์พี่ ทำไมพี่พระชายาถึงยังยอมรับข้าไม่ได้? ทั้งๆที่นางก็แย่งทุกอย่างของข้าไปหมดแล้ว ทำไมยังจะบีบบังคับกันขนาดนี้....”
ความโกรธระหว่างคิ้วของเซียวจิ่นหมิงทวีความรุนแรงมากขึ้น เขาโอบกอดฉีซินจื่อไว้ ต่อหน้าแขกมากมาย พยายามยับยั้งความโกรธไว้ แล้วพูดขึ้นว่า “หยุนหรั่นเฟิง”
เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?
หยุนหรั่นเฟิงไม่แม้แต่จะมองเซียวจิ่นหมิง จับจ้องมองดูฉีซินจื่อ พร้อมพูดขึ้นว่า “คำพูดของข้า ยังไม่ชัดเจนหรือ? ข้าต้องการ....ให้พระชายารองยกน้ำชามาให้”
เซียวจิ่นหมิงขมวดคิ้วเข้ม ฉีซินจื่อกลับร้องไห้ขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่พระชายา ข้าเคารพที่ท่านเป็นพระชายาของศิษย์พี่ แต่วันนี้เป็นวันมงคลของข้ากับศิษย์พี่ ท่านจำเป็นต้อง เหยียดหยามข้าถึงขนาดนี้หรือ?”
หยุนหรั่นเฟิงใช้สายตาอุกอาจกวาดมองดูนาง พร้อมถามขึ้นอย่างน่าขำว่า “ดังนั้น ความหมายของพระชายารองก็คือ นางสนมยกน้ำชาให้กับพระชายา เป็นการเหยียดหยาม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ...
รอตอนต่ออยู่นะค่ะ...
รบกวนอัพเดทตอนใหม่ให้ด้วยนะคะ รอรอรอ...
สนุกมาก รอตอนใหม่อยู่ค่ะ...
รอการอัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ😭...
รอการอัพเดทอยู่นะคะ...
❤❤❤...
รออ่านเรื่องนี้ตั้งหลายวันนนน...