เช้าวันรุ่งขึ้น
เซียวจิ่นหมิงฟื้นตื่นขึ้นมา รู้สึกแข็งไปทั้งหลัง ยังรู้สึกชื้น เหมือนนอนอยู่บนพื้น อยากที่จะลุกขึ้นมา กลับพบว่าไม่สามารถขยับตัว
สายตาฉายแววอาฆาต หลังจากหันไปเห็นรองเท้าปักลวดลายดอกไม้ข้างเตียง ค่อยจำเรื่องราวต่างๆขึ้นมาได้ว่า เมื่อคืนเขามาเอายาถอนพิษที่หยุนหรั่นเฟิง กลับทะเลาะกับผู้หญิงคนนี้ จากนั้นเขาก็ถูกหยุนหรั่นเฟิงลอบทำร้าย....
สมควรตาย
ผู้หญิงบ้าคนนี้ กล้าให้เขานอนหมดสติอยู่บนพื้นทั้งคืน
จำสิ่งแปลกประหลาดที่อยู่ในมือหยุนหรั่นเฟิงเมื่อคืนนั้นขึ้นมา สายตาเซียวจิ่นหมิงมืดครึ้มลง หยุนหรั่นเฟิงมีอาวุธลับแบบนั้นได้อย่างไร แม้แต่เขายังถูกลอบทำร้าย
“จุยเฟิง” ในที่สุดเซียวจิ่นหมิงก็ล้มเลิกดิ้นรน ร้องเรียกองครักษ์เงาด้วยเสียงเข้ม จนหยุนหรั่นเฟิงที่นอนหลับอยู่บนเตียงตกใจตื่นขึ้นมา
หยุนหรั่นเฟิงลืมตาขึ้น แล้วก็เห็นเงาดำเพิ่มมาในห้องอย่างกะทันหัน อีกฝ่ายกำลังพยายามขนย้ายเซียวจิ่นหมิง หยุนหรั่นเฟิงพูดห้ามอย่างไม่แม้แต่จะคิดว่า “เดี๋ยวก่อน”
องครักษ์เงาหันกลับมา ใบหน้าปกคลุมไว้เผยให้เห็นเพียงดวงตาคู่หนึ่ง จ้องมองดูหยุนหรั่นเฟิงอย่างระแวดระวัง
หยุนหรั่นเฟิงกวาดสายตามองดูเขาอย่างเย็นชา สายตามองจากบนลงล่าง มองไปที่เซียวจิ่นหมิง นางพูดขึ้นอย่างน่าขำว่า “เจ้าเรียกคนมา? ให้เขาออกไปก่อน”
เซียวจิ่นหมิงหรี่ตาลงอย่างอันตราย
หยุนหรั่นเฟิงกลับไม่รอให้เขาพูดตอบ ดึงชุดนอนตัวบางบนกาย เลิกคิ้ว พร้อมพูดขึ้นอย่างยั่วยุว่า “องค์ชายแปด เจ้าคงไม่ได้อยากให้องครักษ์เงาของเจ้า ชมข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าใช่ไหม?”
นางทำทีท่าจะดึงผ้าห่มออก พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ถือสา ยังไงก็ไม่ใช่ข้าเสียหน้า”
เซียวจิ่นหมิงจำภาพปล่อยเนื้อปล่อยตัวของหยุนหรั่นเฟิงขึ้นมา สีหน้ามืดครึ้มลง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “ออกไป”
จุยเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็หายตัวไปทันที หยุนหรั่นเฟิงมองดูอยู่อย่างแปลกใจ
หยุนหรั่นเฟิงไม่สนใจสีหน้าเซียวจิ่นหมิงที่ดูหมิ่นและความโกรธโมโหอย่างเปิดเผย เดินลงมาจากเตียง ไปเอาเสื้อผ้ามาจากในตู้อย่างน่าสงสาร กลับมาที่เตียงเอาม่านลงมาแล้วเปลี่ยนผ้าอยู่อย่างเชื่องช้า แล้วค่อยเดินมาหาเซียวจิ่นหมิง คุกเข่าก้มลงตบหน้าเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “มาสิ เรามาคุยกันอย่างมีเหตุผล”
เพราะท่าทางดูถูกเหยียดหยามนี้ เซียวจิ่นหมิงจ้องมองดูนางด้วยสายตาดุดัน อยากที่จะยกดาบขึ้นมาฆ่าคน
หยุนหรั่นเฟิงกลับลากเก้าอี้มานั่งลงหน้าเขาอย่างเชื่องช้า พร้อมพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ในเมื่อเจ้าไม่พูด ข้าก็ฟังข้าพูด”
“เรามาคิดบัญชีกัน ที่ผ่านมายังไม่พูดถึง เอาเรื่องเมื่อคืน เจ้าเป็นคนบุกเข้ามาในห้องนอนของข้า ยังคิดจะทำร้ายข้า ใช่ไหม?”
เห็นเซียวจิ่นหมิงไม่พูดอะไร หยุนหรั่นเฟิงดื่มน้ำชาหนึ่งคำ ส่ายเท้าเตะเขาหนึ่งทีอย่างไม่เกรงใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ดังนั้นคนที่ผิดคือเจ้า ข้าลอบทำร้ายบ้างก็เพื่อปกป้องตนเอง ท่าทีของเจ้าในตอนนี้ล้วนเป็นเพราะทำตนเอง เข้าใจไหม?”
เซียวจิ่นหมิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “.....เจ้าใช้วิธีสกปรก”
หยุนหรั่นเฟิงหัวเราะ ไม่รู้สึกอับอายกลับเห็นเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่ต้องสนใจว่าข้าใช้วิธีสกปรกหรือไม่ สามารถล้มเจ้าได้ ก็ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด”
คิดบัญชีที่หนึ่งเสร็จแล้ว หยุนหรั่นเฟิงก็เริ่มคิดบัญชีที่สองว่า “ต่อมาพูดถึงศิษย์น้องของเจ้า ในงานเลี้ยงเมื่อคืน ข้าก็แค่ทำตามขนบธรรมเนียมประเพณี ให้นางเคารพยกน้ำชาให้ข้า เป็นเรื่องที่สมควร นางกลับฉวยโอกาสยกน้ำชามาให้ ผลักข้าต่อหน้าผู้คน จนข้าได้รับบาดเจ็บ ข้ายังไม่เอาเรื่องนาง ในคืนวันเข้าห้องหอ องค์ชายกลับวิ่งมาหาข้า ทิ้งขว้างพระชายารองของเจ้า ทำไม? เจ้าเป็นม้าคึกจะกลับมากินหญ้าเดิมหรือ?”
เซียวจิ่นหมิงถูกหยุนหรั่นเฟิงพูดเปรียบเทียบจนหัวใจเต้นแรงอย่างโกรธจัด ลุกขึ้นมาด้วยนิ้วมือสั่นเทาอยากจะบีบคอผู้หญิงบ้าคนนี้ให้ตาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีหงสาร้อยเล่ห์
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ...
รอตอนต่ออยู่นะค่ะ...
รบกวนอัพเดทตอนใหม่ให้ด้วยนะคะ รอรอรอ...
สนุกมาก รอตอนใหม่อยู่ค่ะ...
รอการอัพเดทตอนใหม่อยู่นะคะ😭...
รอการอัพเดทอยู่นะคะ...
❤❤❤...
รออ่านเรื่องนี้ตั้งหลายวันนนน...