เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของจี้หลิงชวนก็มืดมนลง และเมื่อเขาเหลือบดูวันที่ เขาก็พบว่าตั้งแต่มู่อวี๋เฟยกระโดดลงไปในแม่น้ำก็เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว
ในช่วงเวลาสัปดาห์นี้ มู่อวี๋เฟยจะเป็นตายร้ายดียังไง คนก็หาไม่เจอร่างก็หาไม่เจอ ทำให้จี้หลิงชวนขมวดคิ้วแน่นด้วยความเครียด
ในขณะที่จี้หลิงชวนคิดอยู่นั้นนิ้วชี้ของจี้หลิงชวนก็เคาะบนโต๊ะเป็นจังหวะ จี้หลิงชวนเงยหน้าขึ้นมองฟานเซิ่ง และสั่งทันทีว่า: "สั่งให้คนที่กำลังออกตามหาตามริมฝั่งแม่น้ำเลิกภารกิจเถอะ และรอฟังข่าวจากสถานีตำรวจเมืองแถว ๆนั้นก็พอแล้ว"
ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ถ้าคนคนนั้นยังไม่ตาย คงหนีไปไหนต่อไหนแล้วล่ะ ถึงจะออกตามหาตามริมแม่น้ำต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ถ้าคนตายแล้ว ไม่ช้าก็เร็วศพก็ต้องลอยขึ้นมาสักวันหนึ่ง และสถานีตำรวจในเมืองนั้นคงจะมีคำตอบให้เราอย่างแน่นอน
“ตกลงครับ คุณชายจี้ครับผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ครับ” ฟานเซิ่งก้มคำนับให้เขาแล้วออกไปทันที
จี้หลิงชวนก้มศีรษะลงพร้อมหยิบแฟ้มที่กองอยู่บนโต๊ะมาอ่านต่อ
จี้หลิงชวนอ่านแฟ้มที่กองอยู่บนโต๊ะได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้าง ๆ เขาก็ดังขึ้น
จี้หลิงชวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นการโทรทางไกลระหว่างประเทศ สายเรียกเข้าคือเวินจิ่ง
จี้หลิงชวนอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วเล็กน้อย คราวนั้นเวินจิ่งรีบกลับจากต่างประเทศเพื่อมาร่วมงานแต่งงานระหว่างเขากับมู่ซีซี และซูอวี่โม่ก็รีบกลับจากเขตทหารในเมืองใกล้ ๆ แล้วยังมีลู่เฉิงฮ่าวทั้งสามคนมาร่วมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กับจี้หลิงชวน
ใครจะรู้ว่าจู่ ๆ มู่อวี๋เฟยก็ปรากฏตัวขึ้นที่งานแต่งงานและทำลายงานแต่งในวันนั้น หลังจากที่เวินจิ่ง ซูอวี่โม่ ลู่เฉิงฮ่าว ได้ช่วยงานเสร็จแล้ว เดิมทีพี่น้องทั้งสี่คนจะไปสังสรรค์กันสักหน่อย สุดท้ายแล้วต่างคนต่างมีธุระเลยไม่ได้รวมตัวกันสังสรรค์เลย
เวินจิ่งกลับไปที่สหรัฐอเมริกา และซูอวี่โม่กลับไปที่เขตทหารเมืองที่อยู่ไม่ไกล แม้แต่ลู่เฉิงฮ่าวก็ถูกคุณพ่อลู่ส่งไปประเทศอังกฤษเป็นเวลาหนึ่งเดือน เนื่องจากในบริษัทของตระกูลตัวเองเกิดปัญหาขึ้น
เวลานี้ในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลาดึกดื่นแล้ว และเวินจิ่งไม่ค่อยโทรมาในช่วงเวลานี้สักเท่าไหร่ เว้นแต่จะเป็นเรื่องเร่งด่วนเท่านั้น
ในขณะที่คิดอยู่นั้นจี้หลิงชวนขมวดคิ้วและรีบกดปุ่มรับสายอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่วางโทรศัพท์ไว้แนบหูของเขา น้ำเสียงที่รีบร้อนตื่นตระหนกของเวินจิ่งก็ดังขึ้น: "จี้หลิงชวน! คืนนี้ที่นี่รายงานข่าวเกี่ยวกับผู้หญิงชาวจีนคนหนึ่งที่ถูกขังอยู่ในโรงรถร้างแห่งหนึ่งมีคนไปเห็นเข้าจึงนำตัวเธอส่งโรงพยาบาล และบังเอิญคืนนี้ฉันไปโรงพยาบาลกับครูฝึกเพื่อไปช่วยการผ่าตัด เมื่อฉันออกจากโรงพยาบาล ก็บังเอิญเห็นหญิงชาวจีนที่หมดสติคนนั้นถูกอุ้มออกจากรถโรงพยาบาลฉุกเฉิน"
เมื่อพูดถึงนี่จู่ ๆ เวินจิ่งก็หยุดชะงักลงกะทันหัน แต่จี้หลิงชวนที่อยู่ทางนี้ฟังแล้วก็เม้มริมฝีปากทันที และนิ้วมือที่ถือโทรศัพท์แรงมากเกินไป จนเห็นเส้นเอ็นได้อย่างชัดเจน
เมื่อจี้หลิงชวนได้ยินเวินจิ่งพูดถึงหญิงชาวจีนคนนั้น หัวใจของจี้หลิงชวนก็สั่นระรัว ราวกับว่าหัวใจของเขาหยุดเต้นไปชั่วครู่ ซึ่งทำให้จี้หลิงชวนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
จี้หลิงชวนเข้าใจในสิ่งที่เวินจิ่งจะพูด หากเป็นเพียงผู้หญิงจีนธรรมดาที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจี้หลิงชวนแล้วล่ะก็ เป็นไปไม่ได้ที่เวินจิ่งจะรีบร้อนโทรบอกเขากลางดึกเช่นนี้
จี้หลิงชวนผู้ซึ่งไม่ค่อยสูบบุหรี่มาโดยตลอด เขาถือโทรศัพท์ไว้ในมือข้างหนึ่งอย่างแน่นหนา มืออีกข้างเปิดลิ้นชักแล้วหยิบซองบุหรี่ออกมาจุดไฟ และดูดบุหรี่แรง ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ
ย่าก็ปักใจเชื่อเลย ไม่ตรวจดีเอ็นเอหน่อยล่ะ...
ตรวจดีเอ็นเอก็จบ งง นังพี่เลวยังคิดได้ แต่พระเอกคิดไม่ได้...
เรื่องนี้อ่านจบแล้ว...