“ไม่เป็นไร!” เปปเปอร์ตอบออกมาอย่างแผ่วเบา เขาวางที่คีบลงแล้วเตรียมจะออกไปพร้อมกับจานในมือ
เมื่อเห็นดังนั้นลาเต้ก็หยุดเขาขึ้นว่า “เดี๋ยวครับ ประธานเปปเปอร์”
เปปเปอร์หยุดและมองไปทางเขาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “คุณมีเรื่องอะไรอีก?”
“เมื่อตอนกลางวันคุณบอกว่าจะให้คำอธิบายกับเรา ประธานเปปเปอร์ลืมไปแล้วเหรอครับ? ตอนนี้คุณส้มเปรี้ยวก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว คุณน่าจะทำตามสัญญาได้แล้วนะ”
ลาเต้กอดอกและพูดกึ่งยิ้ม “เราไม่ต้องการอะไรมาก แค่ขอให้คุณส้มเปรี้ยวเข้ามาคุกเข่าแล้วก้มหัวขอโทษที่รักของผมก็พอ มันไม่ได้มากเกินไปใช่ไหม?”
หากไม่ใช่เพราะไม่มีหลักฐานที่เป็นรูปธรรม เขาคงไม่ปล่อยให้ส้มเปรี้ยวขอโทษง่ายๆ แค่นี้แล้วจบแน่
เขาจะเรียกตำรวจและส่งส้มเปรี้ยวเข้าคุกแทน
เปปเปอร์ขมวดคิ้ว “คุกเข่าก้มหัวขอโทษ?”
“ครับ” ลาเต้พูด
เปปเปอร์หัวเราะหึๆ แล้วมองไปที่มายมิ้นท์ “คุณเองก็ต้องการให้ส้มเปรี้ยวคุกเข่าก้มหัวขอโทษด้วยเหรอ?”
มายมิ้นท์วางน้ำผลไม้ในมือของเธอลง ริมฝีปากของเธอเผยอขึ้นเล็กน้อย “คุณส้มเปรี้ยวทำร้ายฉันก่อนนี่คะ ฉันไม่คิดว่าทำแบบนี้จะแปลกตรงไหน”
อย่าว่าแต่ให้ส้มเปรี้ยวก้มหัวขอโทษเลย
ต่อให้ลาเต้สั่งให้ส้มเปรี้ยวตัดแขนหรือตัดขาสักข้าง เธอก็ยังรู้สึกว่าสมควรแล้ว ส้มเปรี้ยวทำร้ายเธอมากี่ครั้งกี่ครา และทุกครั้งที่ทำล้วนต้องการให้เธอถึงแก่ชีวิต การที่เธอไม่ได้ร้องขอให้ฆ่าส้มเปรี้ยวทิ้ง นับว่าใจดีมากเหลือเกินแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงมายมิ้นท์แม้แต่ ทามทอย ชาหวาน และปีโป้ก็รู้สึกว่ามันสมควรแล้ว
ดวงตาของเปปเปอร์มืดมนลง “จะให้ส้มเปรี้ยวคุกเข่าก้มหัวขอโทษมายมิ้นท์ก็ได้ แต่มายมิ้นท์ คุณก็ควรขอโทษส้มเปรี้ยวด้วย”
“อะไรนะ?” ลาเต้ตกตะลึง
ทามทอยคนที่เหลือก็งุนงง
มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว “ให้ฉันขอโทษส้มเปรี้ยว? ทำไม!?”
“นั่นสิ เอาอะไรมาอ้าง? ทำไมที่รักของผมต้องไปขอโทษส้มเปรี้ยวด้วย? นี่มันหลักการของที่ไหนครับ” ลาเต้จ้องตาเขม็ง “เปปเปอร์ เรื่องแค่นี้คุณยังเลือกปฏิบัติ ผมละสงสัยจริงๆ ว่าคุณจัดการบริษัทตระกูลนวบดินทร์ที่มีขนาดใหญ่อย่างนั้นได้ยังไง?”
หากมีเจ้านายที่ไม่สามารถแยกแยะอะไรผิดถูกได้แบบนี้ การที่บริษัทตระกูลนวบดินทร์ไม่ล้มละลายนับว่าเป็นความอัศจรรย์มากแล้ว
เปปเปอร์เพิกเฉยต่อท่าทางของลาเต้ เขาเพียงมองไปที่มายมิ้นท์และพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณรู้ดีว่าส้มเปรี้ยวป่วยอยู่ แต่คุณยังจงใจพูดเรื่องแบบนั้นเพื่อกระตุ้นเธอ ทำให้บุคลิกที่สองของเธอปรากฏขึ้น เธอจึงได้ใช้งูมาทำร้ายคุณ เรื่องนี้คุณไม่ควรขอโทษเธอหน่อยเหรอ?”
“ฉันเนี่ยนะไปพูดจากระตุ้นเธอ?” มายมิ้นท์ชี้มาที่ตัวเองแล้วยิ้มขึ้นด้วยความโมโห
เธอไปพูดกระตุ้นส้มเปรี้ยวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ตอนที่เธออยู่ริมลำธาร เธอไม่ได้พูดอะไรกับส้มเปรี้ยวเลยสักคำนี่?
เปปเปอร์พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ดังนั้นผมหวังว่าตอนที่ส้มเปรี้ยวขอโทษคุณ คุณก็จะขอโทษส้มเปรี้ยวด้วย”
พูดจบเขาก็ออกจากร้านอาหารไป
มายมิ้นท์มองไปที่ยังร่างของเขาที่จากไป ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
“ที่รัก” ลาเต้ตบไหล่เธอ “คุณพูดอะไรกับส้มเปรี้ยวเป็นการกระตุ้นเธอจริงเหรอ?”
“คุณคิดว่าฉันจะทำแบบนั้นไหม? ฉันไม่ได้สนใจเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วฉันจะไปคุยกับเธอได้ยังไง” มายมิ้นท์มองเขาด้วยความโกรธ
มุมปากของทามทอยเผยถึงความเยาะเย้ย “ดูเหมือนว่าคุณส้มเปรี้ยวผู้ร้ายกาจนั่นจะบอกเปปเปอร์ว่า คุณไปกระตุ้นเธอก่อน ดังนั้นเธอจึงคิดจะฆ่าคุณ”
“ที่ตลกไปกว่านั้นคือ เปปเปอร์เชื่อจริงๆ นะสิ เขาไม่มีสมองหรือไง?” ลาเต้ขำจนเกือบจะน้ำตาไหล
ดวงตาของมายมิ้นท์เย็นลง “ทำไมถึงไม่เชื่อล่ะคะ ส้มเปรี้ยวเป็นคนรักของเขานี่ ถ้าไม่เชื่อแม้แต่คนรักแล้วจะไปเชื่อใคร?”
“ถึงยังไงส้มเปรี้ยวผู้หญิงคนนี้ก็ไร้ยางอายจริงๆ” ลาเต้ตบโต๊ะ
ชาหวานพยักหน้า
ส้มเปรี้ยวเป็นผู้หญิงที่แปลกที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา
ผู้หญิงจากตระกูลอัคคเดชโภคินในเมืองหลวงยังไม่แปลกขนาดนี้เลย
ปีโป้ก้มหน้าด้วยความอับอายและไม่พูดอะไร
เพราะในตอนแรกเขาคิดว่าส้มเปรี้ยวเป็นคนดีมาก ดีกว่าพี่มายมิ้นท์เสียอีก
ด้วยเหตุผลนี้ เขาจึงรังแกพี่มายมิ้นท์อยู่เป็นเวลาถึงหกปี เพราะเขารู้สึกว่าพี่มายมิ้นท์แย่งตำแหน่งส้มเปรี้ยวไป ตอนนี้เมื่อคิดดูแล้วเขาพูดไม่ออกจริงๆ
“เฮ้ๆๆ ทำอะไรน่ะ?” จู่ๆ ลาเต้ก็เห็นทามทอยเดินไปตรงตำแหน่งของส้มเปรี้ยว หยิบแก้วที่ส้มเปรี้ยวเคยใช้แล้วใส่ลงในถุง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...