การันต์สังเกตเห็นอาการนั้น นัยน์ตาชายหนุ่มเริ่มหม่นแสงลง
ดูท่าเปปเปอร์จะใส่ใจมายมิ้นท์มากกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก งั้นส้มเปรี้ยวล่ะ?
ความรู้สึกที่เขามีต่อส้มเปรี้ยว ยังเหลืออยู่เท่าไร?
“ร่างกายเธอไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก พักสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว เอาล่ะ ฉันยังมีงานต้องทำต่อ อีกเดี๋ยวมายมิ้นท์ก็จะถูกย้ายไปห้องผู้ป่วยทั่วไป ไว้เธอฟื้นเมื่อไรก็ออกจากโรงพยาบาลได้เลย” พูดจบ การันต์ก็เดินจากไป
ชายหนุ่มเพิ่งก้าวออกไปไม่นาน นางพยาบาลก็เข็นเตียงของมายมิ้นท์ออกมาพอดี
ลาเต้กับทามทอยรีบพุ่งเข้าไปตรวจดูหญิงสาวทันที แล้วก็เป็นอย่างที่การันต์ว่า เธอยังไม่ได้ถูกผ่าตัด แก้มนวลยังคงเป็นสีแดงระเรื่อ
พอเห็นกับตาแล้วว่าการันต์ไม่ได้ทำอะไรกับมายมิ้นท์จริง ๆ ชายหนุ่มทั้งสองก็ค่อย ๆ วางใจลง
ด้านเปปเปอร์ที่แม้จะไม่ได้พุ่งเข้าไป แต่จากที่นั่งอยู่บนรถเข็นตรงนี้ เขาก็สามารถมองเห็นร่างบางบนเตียงได้อย่างชัดเจน
เมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยดี หัวใจที่กำลังบีบรัดของเขาก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง
ไม่นาน มายมิ้นท์ก็ถูกเข็นเข้ามาในห้องผู้ป่วยทั่วไป
เมื่อนางพยาบาลจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ทามทอยกับลาเต้ก็รีบเข้าไปในห้องทันที
แต่เปปเปอร์ไม่ได้เข้าไปด้วย ชายหนุ่มเพียงแค่หยุดรถเข็นไว้ที่หน้าประตู และมองพวกเขาทั้งหมดอยู่ห่าง ๆ
พอเห็นทามทอยและเปปเปอร์แสดงท่าทีเป็นห่วงและร้อนรนกับมายมิ้นท์ เขาก็แอบรู้สึกอิจฉาอยู่ลึก ๆ ในใจ อิจฉาที่พวกเขาสามารถแสดงความเป็นห่วงและร้อนรนต่อเธอได้อย่างเปิดเผย
นอกจากนี้ ยังแอบรู้สึกรำคาญและอึดอัดใจอีกด้วย อึดอัดที่พวกเขาเอาแต่ห้อมล้อมอยู่ข้าง ๆ มายมิ้นท์แบบนั้น
เมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีความกดดันที่แผ่ออกมาจากประธานเปปเปอร์ ไม่ต้องบอกผู้ช่วยเหมันตร์ก็รู้ว่าเพราะอะไร เขายกมือลูบจมูกเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ประธานเปปเปอร์ครับ งั้นพวกเราเข้าไปไหมครับ?”
“ไม่ล่ะ” เปปเปอร์หลุบตาลง
รอบตัวเธอมีชายหนุ่มคอยอยู่เคียงข้างตั้งมากมาย เขายังจำเป็นที่ไหนล่ะ?
“ไปกันเถอะ กลับได้แล้ว” ริมฝีปากบางเอ่ยขึ้น น้ำเสียงที่เปล่งออกมาไม่สามารถปิดบังความรู้สึกหึงหวงเอาไว้ได้
“ครับ” ผู้ช่วยเหมันตร์จับรถเข็นหันไปอีกทาง ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่ลิฟต์
ประธานเปปเปอร์เอย ท่านรีบเข้าใจสักทีเถอะว่าจริง ๆ แล้วคนที่ท่านรักคือใครกันแน่
ไม่อย่างนั้นถ้ามัวแต่รอจนคุณมายมิ้นท์ไปหลงรักคนอื่นแล้วล่ะก็ ทุกอย่างคงจะสายเกินไป
หางตาของทามทอยสังเกตเห็นเปปเปอร์เดินจากไปพอดี แต่เขากลับไม่ได้รั้งไว้ แถมยังไม่ทักท้วงอีกด้วย
ล้อกันเล่นรึไง แม้พวกเขาจะเป็นเพื่อนกัน แต่ก็ถือว่าเป็นศัตรูหัวใจกันด้วย จะให้เก็บศัตรูหัวใจไว้ทำไม ไว้เพิ่มความรำคาญใจให้ตัวเองเหรอ?
นี่ก็ไม่ใช่ว่าเปปเปอร์โดนเขาและลาเต้ทำให้รำคาญใจจนต้องหนีไปก่อนแล้วรึไง?
หลังจากนั้นประมาณสิบนาที เมื่อยาสลบในตัวมายมิ้นท์หมดฤทธิ์ เธอก็ค่อย ๆ ฟื้น
หญิงสาวยกมือขึ้นนวดขมับเบา ๆ พร้อมกับลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นก็คือเพดานสีขาว ก่อนจะเลื่อนลงมาเป็นผ้าห่มที่อยู่บนตัว จากนั้นเธอก็เข้าใจโดยอัตโนมัติว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
“ที่รัก ตื่นแล้วเหรอ” เมื่อเห็นเปลือกตาของมายมิ้นท์กะพริบเบา ๆ ลาเต้ก็รีบวางกาน้ำร้อนในมือ ก่อนจะพุ่งเข้ามาหาเธอทันที
มายมิ้นท์หันไปมองเขาช้า ๆ “ฉันออกมาจากห้องผ่าตัดตั้งแต่เมื่อไร?”
“ประมาณสิบนาทีก่อนมั้ง” ลาเต้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไป
สีหน้ามายมิ้นท์เต็มไปด้วยความงุนงง “สิบนาทีก่อน?”
ในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงเท่านี้เธอสามารถฟื้นขึ้นมาได้แล้วเหรอ
นี่มันไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เลยนะ
“เป็นอะไรเหรอที่รัก?” ลาเต้มองไปที่มายมิ้นท์
หญิงสาวจึงเก็บซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบา ๆ “ฉันไม่เป็นไร แค่แปลกใจนิดหน่อยที่ตัวเองฟื้นขึ้นมาไวขนาดนี้ โอ้ใช่ การผ่าตัดของฉัน.....”
พูดยังไม่ทันจบ เธอก็เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ หญิงสาวยกมือลูบท้องตัวเองเบา ๆ
ไม่เจ็บ!
มิน่าล่ะเธอถึงรู้สึกเหมือนตัวเองมองข้ามอะไรไป ความรู้สึกเจ็บปวดที่ท้องนั่นเอง
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
หรือว่าเป็นยาชาเฉพาะจุด? เธอถึงได้ตื่นไวขนาดนี้?
แต่ก็ไม่น่าใช่ ถ้าเป็นยาชาเฉพาะจุด ตัวเธอเองจะต้องไม่สลบไปสิ
มายมิ้นท์ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ เธอรีบเลิกผ้าห่มขึ้นพร้อมกับเปิดเสื้อดูท้องตัวเองทันที
พอเห็นว่าท้องตัวเองไม่มีปากแผลเลยสักนิด ยิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้นไปอีก “จริง ๆ แล้วฉันได้รับการผ่าตัดรึเปล่า?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...