“หลานชายของทามทอย ครอบครัวของพวกเขามีธุระนิดหน่อย ก็เลยไหว้วานให้ฉันช่วยดูแลสองวัน”มายมิ้นท์คลึงมือน้อยๆของไมโลพลางพูดขึ้น
พูดได้ว่า มือของเด็กน้อยนั้นน่าบีบ เต็มไปด้วยเนื้อ เนื้อสัมผัสสบายมาก
อดไม่ได้ มายมิ้นท์จึงบีบไปสองที
ทันใดนั้นการันต์เงยคางขึ้นพลางพูดขึ้นว่า“โอเคครับ คุณไปหาเปปเปอร์เถอะ ผมยังต้องไปตรวจคนไข้คนนี้ต่อ ขอตัวก่อนนะครับ”
“อึม คุณไปทำงานเถอะ”มายมิ้นท์พยักหน้า จูงมือไมโลเดินไปยังห้องพักผู้ป่วยที่ตนเคยพักรักษาตัว
ขณะที่เดินมาถึงยังประตูห้องพักผู้ป่วย ประตูห้องพักผู้ป่วยก็เปิดออก
พิศมัยออกมาจากข้างใน เมื่อเห็นมายมิ้นท์ก็ตะลึงงันครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้น “ทำไมเป็นคุณล่ะ?”
มายมิ้นท์ก็คิดไม่ถึงว่าจะพบกันอดีตแม่สามี เลิกคิ้วพลางพูดขึ้นว่า:“แล้วทำไมจะเป็นฉันไม่ได้คะ?”
พิศมัย ฮึ อย่างเย็นชา“ที่นี่เป็นห้องพักผู้ป่วยของเปปเปอร์ คุณมาที่นี่ คงไม่ได้ต้องการมาคืนดีกับเปปเปอร์หรอกนะ?”
มายมิ้นท์ยิ้ม“คืนดี?ทำไมฉันต้องคืนดีกับเขาด้วย? เขาเนื้อหอมงั้นเหรอ?แม้ว่าจะใช่ แต่ถ้ามีแม่สามีที่คอยสร้างความวุ่นวายไม่ให้ครอบครัวสงบสุขอย่างคุณ ฉันก็ไม่คืนดีกับเขาหรอก”
“คุณกล้าด่าฉันเหรอ?”พิศมัยโกรธจนตาจ้องเขม็ง
มายมิ้นท์เม้มริมฝีปาก“ฉันไม่ได้ด่าคุณนะคะ ก็แค่พูดออกไปตามความจริง คุณดูสิ พอคุณแต่งงานเข้าตระกูลนวบดินทร์ก็ทำให้ สามีของตนเองถูกลงโทษด้วยกฎของครอบครัว ถ้าคุณไม่ใช่คนที่สร้างความวุ่นวายแล้วจะเป็นอะไร?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของพิศมัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆก็ก้มลงและจิตใจเริ่มหดหู่
การเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้มายมิ้นท์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ
เดิมทีเธอคิดว่าการพูดเช่นนี้จะทำให้พิศมัยโมโหเป็นอย่างมาก
แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ พิศมัยกลับเงียบลง
อีกทั้งท่าทางของพิศมัยก็ดูเหมือนจะเสียใจเป็นอย่างมาก
เสียใจที่สามีของตนถูกลงโทษด้วยกฎของครอบครัว หรือว่าเสียใจที่สามีของตนเสียชีวิต?
คาดว่าน่าจะทั้งสองอย่าง แต่ว่านี้ไม่ใช่สิ่งที่มายมิ้นท์ประหลาดใจที่สุด
สิ่งที่เธอประหลาดใจที่สุดก็คือ ทำไมพิศมัยถึงได้ดีกับเปปเปอร์ขนาดนี้
เพราะถึงยังไงพิศมัยคนนี้ ดูยังไงก็เหมือนกับแม่เลี้ยงใจร้าย แต่หล่อนกับเป็นแม่เลี้ยงที่ดี หากไม่ได้เป็นเพราะท่านย่าเปิดเผยออกมาเธอก็จะไม่สงสัยเลยแม่แต่น้อยว่าเปปเปอร์คือลูกของพิศมัย
เพราะว่าพิศมัยปฏิบัติต่อเปปเปอร์ไม่แตกต่างกับที่ปฏิบัติต่อปีโป้เลย
อย่าว่าแต่พิศมัยเป็นชาวบ้านธรรมดาเลย ต่อให้เป็นคุณหนูที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี ก็ไม่แน่ว่าจะเลี้ยงลูกของภรรยาเก่าเหมือนลูกของตัวเอง แต่ว่าพิศมัยปฏิบัติต่อเปปเปอร์ราวกับเขาเป็นลูกแท้ๆของตน นี่น่าจะเป็นเพราะสาเหตุอะไรบางอย่าง
แต่ว่าไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ ต่อให้สงสัยเธอก็คงไม่เอ่ยปากถาม
เมื่อคิดถึงจุดนี้ มายมิ้นท์คลึงที่หว่างคิ้วพลางเอ่ยปากถามขึ้นว่า“พอเถอะคุณนายพิศมัย อย่าเสียเวลาอีกเลย ที่ฉันมาที่นี่ก็แค่ต้องการคืนของให้กับเปปเปอร์ รบกวนคุณช่วยแจ้งเขาหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ”
พิศมัยได้สติออกมาจากความโศกเศร้านั้น ก้มศีรษะเหลือบมองถุงที่ประณีตที่อยู่ในมือของมายมิ้นท์ และกลับไปสู่ท่าทีที่แปลกๆทำให้คนคาดเดาไม่ได้พลางพูดขึ้นว่า:“อุ๊ย แพ็กเกจดีขนาดนี้ จะต้องเป็นของขวัญที่มอบให้กับเปปเปอร์แน่ๆ แล้วคุณยังจะมาพูดอีกว่าไม่ได้ต้องการมาคืนดีกับเปปเปอร์”
มายมิ้นท์กลอกตาขาว
ช่างเถอะ พูดจากับคนที่อยู่แต่ในโลกความคิดของตัวเอง พูดอะไรไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ
“ถ้างั้นแบบนี้แล้วกัน ฉันไม่เข้าไปแล้ว ของสิ่งนี้คุณก็มอบให้เขาแล้วกันนะคะ”ขณะที่พูด มายมิ้นท์ก็ยัดถุงใส่ที่อกของพิศมัย จากนั้นก็จูงมือไมโลแล้วเดินจากไป
พิศมัยมองดูเงาร่างใหญ่ของคนหนึ่งคนและเงาร่างเล็กของคนหนึ่งคนเดินจากไปพลางเบ้ปาก“เพ้ย!ฉันไม่มีทางให้เปปเปอร์หรอก รอฉันดูเสร็จฉันก็จะโยนมันทิ้ง!”
ยังคิดที่อยากจะมอบของขวัญให้กับเปปเปอร์ หวังที่จะคืนดีกับเปปเปอร์
ไม่มีทางหรอก!
พิศมัยเปิดถุงออกมาอย่างรุนแรง และหยิบกล่องที่อยู่ข้างในออกมา
กล่องก็เป็นเช่นเดียวกับถุงที่ประณีตงดงาม อีกทั้งพิศมัยเหลือบมองครู่เดียวก็รู้ว่า นี่คือกล่องของเครื่องประดับ
นั้นก็หมายความว่า ข้างในต้องเป็นเครื่องประดับแน่ล่ะ?
แววตาของพิศมัยรู้สึกสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมมายมิ้นท์ต้องมอบเครื่องประดับให้กับเปปเปอร์ เครื่องประดับเป็นของที่ผู้ชายต้องมอบให้กับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...