รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 631

โทรศัพท์ถูกกดรับอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเสียงหอบเหนื่อยของผู้หญิงดังขึ้นมาตามสาย “ประธานมายมิ้นท์”

“ชาหวาน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” มายมิ้นท์ถูหน้า นวดกล้ามเนื้อบนแก้ม พร้อมกับแย้มรอยยิ้ม

ชาหวานเองก็ยิ้มออกมาเช่นเดียวกัน “นั่นสิ ไม่ได้ติดต่อกันนานเลย ประธานมายมิ้นท์ ช่วงนี้สบายดีไหม?”

“สบายดี ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะเลย”มายมิ้นท์นึกถึงเปปเปอร์ แล้วตอบกลับยิ้มๆ

ชาหวานไม่อยู่เป็นเวลาหนึ่งเดือน ซึ่งหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ เธอยังสาบานอยู่เลยว่าจะไม่ชอบเปปเปอร์ และจะไม่คบกับเขา

กลับกลายเป็นว่าหนึ่งเดือนต่อมา เธอดันตบหน้าตัวเองซะงั้น

แบบนี้ยังไม่เรียกว่าเปลี่ยนไปเยอะอีกเหรอ

“แล้วเธอล่ะชาหวาน?” มายมิ้นท์เก็บความคิดกลับมาแล้วเอ่ยถาม “เธอเป็นยังไงบ้าง? ฟังจากเสียงแล้วเธอดูเหนื่อยๆนะ เธอกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?”

ปลายสาย ชาหวานหลุบหน้าลงเล็กน้อย เงียบอยู่ชั่วครู่ ถึงได้ตอบกลับไปว่า “ฉันมาต่อยมวยที่สนามมวยน่ะ พอดีไม่มีอะไรทำก็เลยมาต่อยมวยฆ่าเวลา”

“อย่างนี้นี่เอง” มายมิ้นท์พยักหน้า ไม่รู้สึกว่ามีอะไรแปลกตรงไหน

ชาหวานหนีบโทรศัพท์ไว้กับไหล่ เดินออกจากสังเวียนไปพร้อมๆกับถอดนวมออก“ว่าแต่ประธานมายมิ้นท์ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

มายมิ้นท์ตอบอืม สีหน้าเริ่มจริงจังขึ้นมา “เมื่อกี้ ฉันเพิ่งได้รับสายจากธิติ เรื่องที่เขากำจัดองอาจ…..เธอรู้หรือยัง?”

เธอไม่กล้าบรรยายสภาพน่าอนาถขององอาจ เพราะเธอพูดไม่ออกจริงๆ

มันนองเลือดมากเกินไป

“เรื่องนี้ฉันพอได้ยินมาบ้าง” ชาหวานโยนนวมลงบนโซฟาในโซนพักผ่อน นั่งลงพร้อมกับตอบกลับ

มายมิ้นท์เอียงหัวอย่างไม่เข้าใจ “ได้ยินมา? เธอเป็นคนดูแลความปลอดภัยของเขาโดยเฉพาะไม่ใช่เหรอ ทำไมบอกว่าได้ยินมาล่ะ?”

หลังจากที่ชาหวานรู้ว่าราเม็งคือธิติ ก็ตามติดเป็นบอดี้การ์ดอยู่ข้างกายราเม็งไม่ห่าง ชนิดที่ว่าคอยคุ้มกันไม่ห่างสายตา

ในเมื่อติดตามไม่ห่างสายตาขนาดนี้แล้ว เรื่องที่ธิติทรมานองอาจ ชาหวานก็น่าจะรู้เองสิถึงจะถูก ไม่ใช่ไปได้ยินใครพูดมา

เพราะงั้นจุดนี้ จึงดูทะแม่งแปลกๆ

เมื่อปลายสายได้ยินน้ำเสียงสงสัยของมายมิ้นท์ ชาหวานก็ถอนหายใจออกมาพร้อมด้วยแววตาที่หม่นแสงลง “ประธานมายมิ้นท์ ฉันไม่ได้เป็นบอดี้การ์ดของเขาแล้ว”

“อะไรนะ?” มายมิ้นท์อ้าปากกว้างอย่างตกใจ “ไม่ได้เป็นบอดี้การ์ดของเขาแล้ว?”

“อืม” ชาหวานพยักหน้า

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?”

ชาหวานหยิบเครื่องดื่มชูกำลังบนโต๊ะขึ้นมาดื่ม “เพราะเขาไม่เชื่อใจฉัน เขาคิดว่าคนที่ฉันจงรักภักดีไม่ใช่เขา แต่เป็นราเม็ง ดังนั้นเขาเลยย้ายฉันออก ตอนนี้ฉันได้กลายเป็นคนว่างแบบว่างมากๆ งานในแต่ละวัน นอกจากเฝ้ายามที่คฤหาสน์ ก็ไม่มีอะไรทำแล้ว”

“อย่างนี้นี่เอง” มายมิ้นท์พยักหน้า “เขานีคิดเยอะจริงๆ”

“อันที่จริงที่เขาพูดมาก็ถูกนะ คนที่ฉันจงรักภักดีไม่ใช่ธิติแต่เป็นราเม็งจริงๆนั่นแหละ เขาเองก็ดูออก ถึงได้ย้ายฉันออกหลังจากที่คุณกลับมาที่ตระกูลอัคคเดชโภคิน เพื่อไม่ให้ฉันสอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องของเขา”ชาหวานยักไหล่ เอ่ยพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สา

มายมิ้นท์ถอนหายใจออกมา “ถ้าเป็นแบบนี้ หลังจากนี้เธอก็จะไม่รู้น่ะสิว่าเขาจะไปทำอะไรบ้าง?”

“ก็ไม่เสมอไปหรอก ถึงยังไงฉันก็เป็นพี่ใหญ่ในบรรดาบอดี้การ์ดของตระกูลอัคคเดชโภคิน พวกรุ่นน้องต้องมีส่งข่าวมาให้ฉันรู้บ้างอยู่แล้ว เรื่องขององอาจ ก็ได้พวกเขานี่แหละบอกมา ได้ยินมาว่าธิติทรมานเขาไม่เบามือเลยนี่”ชาหวานวางเครื่องดื่มลง

มายมิ้นท์ตอบอืม “น่าอนาถมาก เมื่อกี้เขาเพิ่งส่งรูปมาให้ฉันดู ฉันตกใจแรงมาก แต่มันก็ทำให้ฉันเข้าใจอย่างถ่องแท้เลยล่ะ ว่าเขาคือปีศาจที่ไร้ซึ่งความประนีประณอมดีๆนี่เอง ปีศาจอย่างเขา จะให้มีตัวตนอยู่ต่อไปไม่ได้ ดังนั้นฉันเลยอยากถามเธอว่า พอจะมีวิธีปลุกราเม็งให้กลับมาควบคุมร่างกายได้หรือเปล่า? แต่ว่าดูจากตอนนี้แล้ว เหมือนเธอจะทำไม่ได้เลย”

ในตอนที่ชาหวานไปจากเมืองเดอะซี เธอกำชับชาหวานเอาไว้แล้วว่า ให้ชาหวานจับตาดูธิติเอาไว้ตลอดเวลา และหาจังหวะปลุกราเม็งกลับมาให้ได้

แต่ว่าตอนนี้ชาหวานไม่ได้ติดตามธิติแล้ว แน่นอนว่าคงไม่มีวิธีปลุกราเม็งขึ้นมา

เหมือนชาหวานรู้ว่ามายมิ้นท์กำลังคิดอะไรอยู่ จึงเอนหลังพิงโซฟา เอ่ยพูดอย่างเกียจคร้าน “ประธานมายมิ้นท์ คุณอย่ากังวลไปเลย ใช่ว่าจะไม่มีวิธีเสมอไป ถึงช่วงนี้ฉันจะไม่ได้ติดตามเขา แต่ว่าฉันก็สืบข้อมูลหาทางเรียกบุคลิกหลักของเขากลับมาอยู่ตลอด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว