รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 739

“สุวรรณนา?”มายมิ้นท์กะพริบตา จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองผู้ชาย “ฉันรู้แล้ว ที่คุณพูดเมื่อกี้ ไม่ใช่ไม่มีตระกูลเฮ แต่ไม่ใช้สกุลเฮ เพราะงั้นตระกูลของคุณแม่คุณ เป็นตระกูลสุวรรณนาใช่รึเปล่า?”

“ฉลาดมากครับ”เปปเปอร์ชื่นชมเธอพูดชมเธอหนึ่งประโยคอย่างเต็มที่

มายมิ้นท์กลับรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “คุณพูดออกมาชัดเจนขนาดนี้แล้ว ถ้าฉันยังเดาไม่ได้ล่ะก็ แบบนั้นจึงจะ……นี่ไม่สำคัญ”

เธอโบกมือ แล้วพูดต่อ: “แต่ว่าสกุลสุวรรณนาที่ใหญ่โตภายในประเทศมีอยู่มากมาย ตระกูลคุณตาของคุณ เป็นตระกูลสุวรรณนาไหนล่ะ?”

“ตระกูลสุวรรณนาเมืองปักษาครับ” เปปเปอร์ตอบกลับ

“เมืองปักษา……”มายมิ้นท์คิดไปสักพัก ลืมตาโตนึกนึกอะไรขึ้นมาได้“ใช่ตระกูลสุวรรณนาที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลคหบวรที่เมืองปักษารึเปล่าคะ?”

“ใช่แล้วครับ”เปปเปอร์พยักหน้าตอบกลับ

ดังนั้นคุณแม่ของเขาถึงได้รักกันกับเกรียงไกร

“แท้จริงแล้วตระกูลสุวรรณนาเมืองปักษา ก็คือบ้านของคุณตาคุณนี่เองหรือคะ”

“อื้อ แม้ว่าจะใช้สกุลของตระกูลสุวรรณนา แต่คนที่กุมอำนาจเป็นตระกูลเฮ เพราะฉะงั้นคนที่อยู่ในวงการในเมืองปักษา จะเรียกกันโดยตรงว่าตระกูลเฮ”เปปเปอร์ได้อธิบาย

มายมิ้นท์พยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ เพราะว่าอยู่ในเมืองปักษา ดังนั้นฉันไม่รู้ว่าตระกูลสุวรรณนาก็คือตระกูลเฮก็ปกติอย่างมากเลย จะว่าไปแล้วฉันได้ยินมาว่า บริษัทตระกูลนวบดินทร์กับสุวรรณนากรุ๊ปในเมืองปักษามีเรื่องขัดแย้งกัน เป็นความจริงหรือเปล่าคะ?”

“เป็นความจริงครับ”เปปเปอร์หรี่ตาลง ก็ไม่ได้ปิดบังอะไร และได้ยอมรับออกมาตรงๆ

บนใบหน้าของมายมิ้นท์เต็มไปด้วยความตกตะลึง “เป็นเรื่องจริงจริงๆด้วย นี่มันเรื่องอะไรกันแน่คะ ตระกูลสุวรรณนาในเมืองปักษา ไม่ใช่บ้านของคุณตาคุณหรือคะ? ขัดแย้งกับตระกูลนวบดินทร์ได้ยังไง?”

“เพราะคนกุมอำนาจในตอนนี้ ไม่ใช่คุณตาของผมครับ”เปปเปอร์ลูบผมของเธออย่างอ่อนโยน แต่บนหน้าไม่แสดงสีหน้าใดๆเลย กลับมีความเยือกเย็นอยู่

มายมิ้นท์พอจะดูออก ว่าเขาไม่ค่อยโอเคสักเท่าไหร่

“ตาทวดของผมมีลูกชายอยู่สองคน ลูกคนโตก็คือคุณตาของผม คุณตาของผมสืบทอดกิจการของตระกูลสุวรรณนา แต่ว่าคุณตาของผมกำเนิดลูกสาวคนเดียวนั้นก็คือคุณแม่ของผม จากเดิมหลังจากที่คุณตาและคุณยายของผมได้จากไปแล้ว กิจการของตระกูลสุวรรณนาจะสืบทอดให้กับผมทั้งหมด แต่หลังจากที่ผมสืบทอดมาได้ส่วนหนึ่ง ลูกหลานของคุณตาเล็กของผมก็โผล่ออกมา แย่งไปส่วนหนึ่ง”เสียงของเปปเปอร์เย็นชาขึ้นเรื่อยๆ “ช่วงเวลานั้น คุณตาของผมพึ่งจะจากไป เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องน่าอับอายระหว่างงานศพของคุณตา และเพื่อให้คุณตาได้จากไปอย่างสงบ ทรัพย์สินส่วนนั้นที่ถูกแย่งไป ผมไม่ได้ไปตามคืนมา จึงได้ให้กับคนพวกนั้นไป”

“คุณพอใจไหมคะ?”มายมิ้นท์มองไปที่เขาแล้วถาม

เปปเปอร์ออกเสียงเหอะออกมาหนึ่งที “ไม่มีอะไรไม่พอใจหรอกครับ ที่พวกเขาแย่งไป ก็เป็นเพียงกิจการที่จะถูกคัดทิ้งไปตามยุคสมัยที่กำลังพัฒนาทั้งนั้นแหละครับ เพียงแค่ตอนนั้นมูลค่าสูงเท่านั้น คิดว่าคุณก็เคยได้ยินแล้ว ช่วงนี้บริษัทตระกูลสุวรรณนาในเมืองปักษาเกิดปัญหาด้านการเงินขึ้น”

“ได้ยินมาแน่นอนอยู่แล้วค่ะ” มายมิ้นท์ที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาจัดท่านั่งเล็กน้อย “ฉันดูข่าวการเงินอยู่เสมอ ในช่วงอาทิตย์ที่แล้ว ฉันก็ได้เห็นในข่าวมีการวิเคราะห์สุวรรณนากรุ๊ป บอกว่ากิจการของพวกเขากำลังจะเข้าสู่ช่วงตกต่ำ แบบนี้ต่อไป ถ้าหากไม่เปลี่ยนยุคให้ทันสมัยละก็ การถูกคัดทิ้งนั้นเป็นเรื่องแน่นอน ฉันตอนนั้นยังรู้สึกเสียดายตระกูลสุวรรณนา กิจการนานร้อยปีกลับตกลงมาถึงจุดที่กิจการจะล้มละลาย ยังพูดออกมาว่าคนตระกูลสุวรรณนาไม่รู้จักพัฒนาไปตามยุคสมัย ยังเป็นการจัดการแบบดั้งเดิม การผลิตแบบดั้งเดิม ตอนนี้คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นญาติโจรของคุณตาคุณนี่เอง เพราะงั้นตอนนี้ฉันไม่รู้สึกเสียดายเลยแม้แต่นิดเดียว”

เธอพอจะดูออก ว่าเขารู้สึกรังเกียจตระกูลสุวรรณนาในตอนนี้มาก เพราะงั้นจึงไม่กลัวที่จะพูดคำพวกนี้ ที่จะทำให้เขาโกรธ

เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เมื่อเปปเปอร์ได้ยินคำที่เธอพูดแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่โกรธ แต่กลับหัวเราะออกมาซะงั้น

“คุณพูดถูกแล้วครับ ตระกูลสุวรรณนาในตอนนี้ ไม่มีอะไรให้รู้สึกเสียดายอีกแล้ว พวกเขาคิดว่าตัวเองได้แย่งชิงทรัพย์สินที่ล้ำค่าไป แต่ไม่รู้ว่า พวกนั้นก็เป็นเพียงกิจการที่ผมไม่ได้มีไว้ในสายตา เดิมทีถ้าพวกเขาไม่แย่ง ผมก็จะแบ่งให้พวกเขาครึ่งหนึ่ง และยังจะพาพวกเขาพัฒนาไปด้วยกันด้วยซ้ำ เพราะว่าก่อนที่คุณตาจะจากไป เคยพูดไว้ว่าทำดีกับน้องชายตัวเองน้อยเกินไป เพราะงั้นผมตั้งใจไว้แต่แรกแล้ว ก็คิดว่าอยากจะแบ่งทรัพย์สินของตระกูลสุวรรณนาครึ่งหนึ่งให้กับพวกเขา แต่……”เปปเปอร์หรี่ตาลง

มายมิ้นท์มองดูเขาด้วยความเอ็นดู “พวกเขาทำให้คุณผิดหวังแล้ว”

เปปเปอร์นวดหว่างคิ้วของตัวเอง “ใช่แล้วล่ะครับ ทำให้ผมผิดหวังมาก ที่จริงการตกต่ำของบริษัทตระกูลสุวรรณนา เกิดขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้ว สี่ปีก่อน คนของตระกูลสุวรรณนามาหาผม หวังให้ผมลงมือช่วยเหลือตระกูลสุวรรณนาสักหน่อย แต่ผมปฏิเสธไป คนแบบผมก็เป็นแบบนี้แหละ สิ่งที่ผมให้คุณ แน่นอนว่าผมจะรับผิดชอบเรื่องภายหลัง แต่ถ้าหากว่าเป็นสิ่งที่คุณแย่งไปจากผม จะตายจะรอดนั้นมันก็ไม่เกี่ยวกับผมแล้ว เพราะงั้นผมถึงไม่ได้ช่วยตระกูลสุวรรณนา หลังจากที่ตระกูลสุวรรณนากลับไป ได้ใส่ร้ายให้กับตระกูลนวบดินทร์อย่างหนัก ดังนั้นที่คุณได้ยินว่าตระกูลนวบดินทร์กับตระกูลสุวรรณนาไม่ถูกกัน ก็มาจากนี้นี่เองครับ”

“ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง”มายมิ้นท์ได้ยิ้มมุมปากเล็กน้อย“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ แต่ว่าไม่ถูกก็ไม่ถูกเถอะ เพราะยังไงก็ไม่ใช่ลูกหลานที่แท้จริงของคุณตาของคุณเลย”

“นั่นสิครับ ดังนั้นสำหรับการดิ้นรนของตระกูลสุวรรณนา ที่ผ่านมาตลอดนั้นผมก็ไม่เคยใส่ใจอะไรเลย”เปปเปอร์ยิ้มเล็กน้อย“แต่ว่าความสัมพันธ์ของผมกับครอบครัวรองของตระกูลสุวรรณนายังโอเค”

มายมิ้นท์ยืดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ครอบครัวรอง?”

“อื้อ น้องชายของผู้กุมอำนาจคนปัจจุบันของตระกูลสุวรรณนา น้าชายคนรองของผม เขารู้ว่ายังไงตัวเองก็ไม่มีสิทธิ์ได้สืบทอดกิจการทุกอย่างของตระกูลสุวรรณนา ดังนั้นช่วงเวลานั้นไม่ได้ลงมือ ขนาดที่ว่าตอนยังเด็กๆ เคยปกป้องแม่ของผมไว้ ความสัมพันธ์นี้ถึงไม่ได้ตัดขาด และก็เป็นช่องทางการติดต่อเดียวของผมกับตระกูลสุวรรณนา”เปปเปอร์จัดระเบียบให้กับเสื้อที่ยุ่งไปของเธอหลังจากที่เธอยืดตัว

มายมิ้นท์ม้วนตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา “แบบนี้นี่เอง”

“จะว่าไปแล้ว คุณยังเคยเจอกับลูกสาวของน้าชายคนรองของผมเลย ก็คือพี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของผม”เปปเปอร์อยู่ๆก็นึกถึงอะไรขึ้นมา ก้มศีรษะมองไปที่เธอ

บนใบหน้าของมายมิ้นท์เต็มไปด้วยความมึนงง “พี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้อง? ฉันไปเจอกับพี่สาวลูกพี่ลูกน้องคุณตอนไหนคะ”

“งานเต้นรำครั้งก่อน คนที่เต้นรำกับผม”เปปเปอร์บอกใบ้ให้กับเธอ

มายมิ้นท์นึกคิดขึ้นมา

ไม่กี่วินาทีให้หลัง เธอก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรงขึ้นมาจากอ้อมอกของเขา “ที่แท้นั้นก็เป็นพี่สาวลูกพี่ลูกน้องคุณเองหรือคะ”

การเต้นรำครั้งนั้น เธอร่วมกับทามทอย ส่วนเปปเปอร์อยู่กับผู้หญิงคนอื่น

ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้สวยมาก แต่ส่วนสูงและความรู้สึกดีมาก เหมือนเป็นนางแบบ

ตอนนั้นเปปเปอร์ก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนานกับผู้หญิงคนนั้น ชนแก้วเอย เต้นรำเอย

เธอยังคิดว่า ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นลูกสาวคนใหญ่คนโตของใครในวงการ ทำให้เขามีความรู้สึกดีๆด้วย

คิดไม่ถึงเลย ว่าจะเป็นพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของเขา

มายมิ้นท์ที่รู้ว่าเข้าใจผิด ณ ตอนนั้นหน้าก็แดงจนไม่รู้ว่าเหมือนอะไร คนทั้งคนก็รู้สึกเขินอายไปหมด

เปปเปอร์เห็นเธอที่อยู่ๆก็เขินอายแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะยกคิ้วสงสัย “เป็นอะไรไปหรือครับ?”

“เปล่าค่ะ ก็แค่ฉันเข้าใจพี่สาวลูกพี่ลูกน้องคุณผิดไป”มายมิ้นท์ก้มศีรษะลง ตอบด้วยความละอาย

เปปเปอร์หรี่ตา ลง“หืม?เข้าใจผิดหรือ?เข้าใจผิดแบบไหนหรือครับ?”

“พอได้แล้ว คุณไม่ต้องถามแล้ว น่าอับอายจริงๆเลย!”มายมิ้นท์นำมือปิดหน้า

เปปเปอร์เห็นเธอที่เป็นแบบนี้ เหมือนว่าจะเข้าใจอะไรแล้ว หัวเราะออกมาด้วยเสียงต่ำๆทันที

ได้ยินเสียงหัวเราะของผู้ชาย มายมิ้นท์ก็ยิ่งรู้สึกอับอายเข้าไปอีก “อย่าหัวเราะ!”

เธอลืมตาข้างหนึ่งขึ้นแล้วจ้องไปที่ผู้ชาย

แม้ว่าเธอจะเข้าใจผิดถึงตัวตนของพี่สาวลูกพี่ลูกน้องของเขาจริงก็เถอะ

แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย ใครบอกให้เขาตอนนั้นสนิทใกล้ชิดกับพี่สาวลูกพี่ลูกน้องขนาดนั้นล่ะ

เป็นเพราะเขาทำให้เธอเข้าใจผิด ตอนนี้ยังมีหน้ามาหัวเราะอีกเปปเปอร์รู้ถึงความเขินอายของมายมิ้นท์ ออกเสียงแหม๋มาหนึ่งที “โอเค ผมไม่หัวเราะแล้วครับ เอามือลงเถอะ อย่าเอาไปปิดหน้าเลย จะหายใจได้คล่องไหมหรือครับ?”

มายมิ้นท์ไม่ขยับใดๆ

เปปเปอร์ไม่มีวิธีอื่น ได้แค่ลงมือด้วนตัวเอง ได้นำมือของเธอลงจากบนใบหน้านั้น

มองเห็นใบหน้าที่ยังคงแดงอยู่ของเธอ เปปเปอร์ยื่นมือเข้าไปบีบแก้มเล็กน้อย

“คุณทำอะไรน่ะ?”มายมิ้นท์รีบขยับถอยหลังทันที

เปปเปอร์มองเธอด้วยหน้าที่เหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ไม่มีอะไรครับ ก็แค่เห็นว่าหน้าคุณแดงเกินไป มาลดอุณหภูมิให้คุณ”

“ไม่เป็นไร”มายมิ้นท์ถึงกับบิดไปมาสักนิดถึงพูด

เปปเปอร์รู้ว่าเธอเขินอายง่ายมาตลอดจึงไม่ได้ล้อเธอต่อ ถึงกับพูดเปลี่ยนเรื่อง “จะว่าไปแล้ว ยังไม่ได้ถามคุณเลย ช่วงบ่ายคุณไปไหนมาหรือครับ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว