ม่านตาของผู้ช่วยเหมันตร์หดตัวลง “ประธานเปปเปอร์!”
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” เวลานี้ตำรวจจราจรที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในละแวกใกล้ๆได้ทราบข่าวแล้ว จึงรีบเข้ามาดูสถานการณ์
ผู้ช่วยเหมันตร์คว้าเขาเอาไว้ พูดขึ้นอย่างรีบร้อน: “เร็วเข้า รีบเตรียมรถ ส่งเจ้านายผมไปโรงพยาบาลที”
“อะไรนะ? มีคนเจ็บเหรอ?” แค่ตำรวจจราจรได้ฟัง ก็รีบเดินไปดูที่รถ เห็นเปปเปอร์ก้มหน้า ไม่ได้สติแล้ว จึงรีบร้อนขึ้นมา “รอก่อนนะครับ ผมจะไปขับรถมา”
พูดจบ ตำรวจจราจรก็รีบวิ่งไปที่ป้อมตำรวจ ที่ตรงนั้นจอดรถส่วนราชการของพวกเขาเอาไว้
เห็นเปปเปอร์ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ผู้ช่วยเหมันตร์ถึงได้คลายกังวลเล็กน้อย แล้วรีบประคองเขาออกมาจากในรถ
ผู้ช่วยเหมันตร์พลางประคอง พลางพูดอย่างเป็นห่วงไปด้วย: “ประธานเปปเปอร์ คุณอดทนไว้นะครับ เรากำลังจะไปโรงพยาบาลกันแล้ว คุณห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด ถ้าคุณเป็นอะไรไป ท่านย่ากับคุณมายมิ้นท์ต้องเสียใจมากแน่ๆ ดังนั้นคุณต้องอดทนไว้นะครับ”
นิ้วมือของเปปเปอร์ขยับเล็กน้อย ราวกับได้ยินคำพูดของเขา
ผู้ช่วยเหมันตร์แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจ “ดีมาก ดีจริงๆ ที่ประธานเปปเปอร์ยังพอรู้สึกตัวบ้าง ไม่ได้หมดสติไปเลย”
เพียงแค่ยังรู้สึกตัวบ้าง ก็หมายความว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ถือว่าแย่เท่าไหร่
“เอ่อ......” จู่ๆ เสียงกล้าๆกลัวๆของผู้หญิงคนหนึ่งก็ลอยมาจากด้านหลังของผู้ช่วยเหมันตร์
ผู้ช่วยเหมันตร์ที่กำลังประคองเปปเปอร์อยู่จึงหันไปมอง เป็นตัวต้นเหตุที่นั่งรถเข็นข้ามทางม้าลาย จนทำให้พวกเขารถชนนั่นเอง
เจอกับตัวต้นเหตุ แน่นอนว่าผู้ช่วยเหมันตร์คงไม่มีสีหน้าดีๆให้หรอก
ฝ่ายหญิงก็ราวกับรู้ตัวว่าตนเองก่อเรื่องใหญ่โตแล้ว จับชายเสื้อไว้แน่น มองเปปเปอร์ที่หมดสติด้วยความกระวนกระวาย พูดขึ้นด้วยสีหน้าซีดเผือด: “ขอโทษนะคะ คุณผู้ชายคนนี้ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ผู้ช่วยเหมันตร์คำรามออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ: “พูดขอโทษตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายผมไม่อยากชนคุณ ถึงได้ให้ผมชนแปลงดอกไม้แทน ตอนนี้เจ้านายผมก็คงไม่เป็นไรหรอก”
ฝ่ายหญิงโดนเขาคำรามใส่จนตัวสั่น สีหน้ายิ่งซีดเผือด น้ำตาเอ่ออยู่เต็มเบ้าตา
“ขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันรีบก็เลย......”
“พอเถอะ คุณไม่ต้องอธิบายอะไรพวกนี้กับผมหรอก ผมไม่อยากฟัง เรื่องที่คุณทำให้พวกผมรถชนน่ะมันไม่จบแน่ ทางที่ดีคุณคาดหวังให้เจ้านายของผมไม่เป็นอะไรเถอะ ไม่งั้นคุณก็รอเข้าไปอยู่ในคุกได้เลย” ผู้ช่วยเหมันตร์ตัดบทเธอด้วยสายตาเย็นชา
ฝ่ายหญิงม่านตาหดตัว ราวกับโดนขู่จนตกอกตกใจ น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงลงมา
ผู้ช่วยเหมันตร์ขี้เกียจจะสนใจเธอ จึงหยิบมือถือออกมาเตรียมโทรไปหามายมิ้นท์ เพื่อบอกเรื่องนี้กับมายมิ้นท์
แต่ทว่าเขายังไม่ทันได้โทรออกไป รถทางราชการของตำรวจจราจรก็ขับเข้ามาแล้ว
หมดหนทาง ผู้ช่วยเหมันตร์จึงทำได้เพียงเก็บมือถือไว้ก่อน แล้วประคองเปปเปอร์ขึ้นรถ ถึงโรงพยาบาลแล้วค่อยโทรหามายมิ้นท์อีกที ถึงยังไงสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ก็คือพาประธานเปปเปอร์ไปหาหมอ
“เดี๋ยวก่อนค่ะ” ก็ตอนที่ผู้ช่วยเหมันตร์ขึ้นรถแล้ว เตรียมจะปิดประตูรถ จู่ๆประตูรถกลับโดนผู้หญิงคนนั้นคว้าเอาไว้
ผู้ช่วยเหมันตร์จึงระเบิดอารมณ์ออกมาทันที ดวงตาแดงก่ำจ้องไปที่เธอ “คุณทำอะไร?”
เขาจะรีบพาประธานเปปเปอร์ไปหาหมอ
แต่ผู้หญิงคนนี้ กลับคว้าประตูรถเอาไว้ไม่ยอมให้พวกเขาไป!
“ผมขอเตือนคุณไว้เลย รีบปล่อยมือออกซะ ถ้าคุณทำให้การรักษาของเจ้านายผมล่าช้า ผมจะทำให้คุณต้องเสียใจ” ผู้ช่วยเหมันตร์พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ถ้าไม่เห็นแก่ที่ผู้หญิงคนนี้เป็นคนพิการ เขาคงยกจับผู้หญิงคนนี้โยนออกไปแล้ว
ฝ่ายหญิงเผชิญหน้ากับสายตาที่เหมือนอยากจะฆ่าคนของผู้ช่วยเหมันตร์ จึงหดคอด้วยความหวาดกลัว แต่มือที่คว้าประตูรถอยู่ กลับดื้อดึงไม่ยอมปล่อย “เอ่อ......ฉันจะไปด้วยค่ะ ฉันเป็นคนทำให้คุณผู้ชายคนนี้เกิดเรื่อง ดังนั้นฉันต้องรับผิดชอบคุณผู้ชายคนนี้ค่ะ”
เดิมทีผู้ช่วยเหมันตร์อยากจะพูดอะไร
แต่ตำรวจจราจรที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับกลับหันมาในทันที “คุณผู้ชาย เท่าที่ฟังพวกคุณคุยกันเมื่อกี้ คุณผู้หญิงคนนี้เป็นผู้รับภาระชดใช้ค่าเสียหายหลักที่ทำให้เกิดรถชนขึ้น งั้นเธอก็ต้องไปโรงพยาบาลด้วยครับ”
ตำรวจจราจรพูดขนาดนี้แล้ว ผู้ช่วยเหมันตร์จะทำอะไรได้อีก จึงทำได้แค่ยอมตาม
ฝ่ายหญิงเห็นว่าผู้ช่วยเหมันตร์ยินยอมให้ตนเองตามไปด้วย จึงยิ้มออกมาราวกับได้รับสิ่งดีๆที่แสนยิ่งใหญ่อย่างนั้น และขึ้นไปนั่งบนที่นั่งข้างคนขับ ด้วยความช่วยเหลือจากตำรวจจราจร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...