ดวงตาของส้มเปรี้ยวเบิกกว้างเล็กน้อย ในแววตามีความไม่เชื่อเจือปนอยู่
ไม่นึกว่าเขาจะยอมรับ
เขาจีบมายมิ้นท์อยู่จริงๆเหรอ?
ไม่ต้องบอกว่าส้มเปรี้ยวตกใจขนาดไหน เกศวดีกับขนมผิงก็ตกใจมากเช่นกัน
เกศวดีมองทามทอยราวกับมองคนโง่เขลา
ทั้งๆที่มาจากตระกูลที่มีอำนาจและอิทธิพลเหมือนกัน แต่ในใจของเกศวดีกลับดูถูกทามทอยมากๆ ไม่นึกว่าจะชอบผู้หญิงที่หย่ามาแล้ว
นี่มันช่างทำให้คนรุ่นหลังของตระกูลที่มีอำนาจและอิทธิพลอย่างพวกเขาเสียเกียรติจริงๆ!
“คุณทามทอย คุณทำอย่างนี้ไม่แย่เกินไปเหรอคะ คุณมายมิ้นท์เธอ......” ส้มเปรี้ยวกำลังกัดริมฝีปากมองมายมิ้นท์ ราวกับมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ยากจะเอ่ยปากออกมา
มายมิ้นท์รู้สึกโมโหจนหัวเราะออกมา “คุณส้มเปรี้ยวคะ พูดต่อสิ ฉันทำไมเหรอ? คุณพูดออกมาครึ่งๆกลางๆ ปกปิดอย่างนี้ เหมือนฉันทำเรื่องอะไรที่มันน่าอับอาย คุณจึงคิดจะบอกทามทอย ความหมายนี้ใช่ไหมคะ?”
ส้มเปรี้ยวประหม่าอยู่ในใจ ยังไงก็คิดไม่ถึงว่ามายมิ้นท์จะพูดจุดประสงค์ของเธอออกมาตรงๆ จู่โจมจนเธอรับมือไม่ทัน
เธอรีบส่ายหน้าอธิบาย “ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนี้ ฉันแค่อยากบอกว่ายังไงคุณมายมิ้นท์ก็เป็นภรรยาเก่าของเปปเปอร์ คุณทามทอยก็เป็นเพื่อนของเปปเปอร์ คุณจีบคุณมายมิ้นท์มันดูไม่ดีเกินไปหรือเปล่าคะ?”
“ไม่นี่ครับ ผมรู้สึกว่าดีออก” ทามทอยยิ้มพูดขึ้น: “ถึงมายมิ้นท์จะเป็นภรรยาเก่าของเปปเปอร์ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้ว ผมจีบเธอมันก็เป็นเรื่องปกติ”
“แต่......” ส้มเปรี้ยวยังคิดจะพูดอะไรอีก
มายมิ้นท์จึงตัดบทเธอ “คุณส้มเปรี้ยวทนเห็นฉันเนื้อหอมไม่ได้ใช่ไหมคะ?”
“ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่ได้......”
“ในเมื่อไม่ใช่ งั้นคุณจะห้ามไม่ให้ทามทอยจีบฉันทำไม ถ้าคุณรู้สึกว่าเพื่อนกับภรรยาเก่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวกัน งั้นฉันกับคุณที่เป็นเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยกันล่ะคะ คุณยุ่งเกี่ยวกับสามีเก่าของฉัน ก็ไม่สมควรหรือเปล่าเอ่ย?” มายมิ้นท์กำลังมองเธอเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
สีหน้าของส้มเปรี้ยวทั้งแดงทั้งซีดไปพร้อมๆกัน ไม่พูดไม่จาแล้ว
เธอจะพูดอะไรได้?
ไม่ว่าจะพูดอะไร สุดท้ายแล้วคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายก็คือเธอ
“ดูท่าคุณส้มเปรี้ยวคงไม่มีอะไรจะพูดแล้ว งั้นเราไปกันเถอะ” มายมิ้นท์พูดกับทามทอย
ทามทอยมองส้มเปรี้ยวเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม แล้วพยักหน้าตอบรับ
เห็นๆอยู่ว่าส้มเปรี้ยวหน้าซื่อใจคด ส่วนเปปเปอร์ก็เหมือนคนไม่รู้หนังสือที่มองอะไรไม่ออกเลย ยังรู้สึกว่าเธอเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์จิตใจดีอีกต่างหาก
ไม่รู้จริงๆว่า เขาไปเอาตัวกรองที่หนาขนาดนี้มาจากไหนกันแน่
ทั้งสองคนเพิ่งจะเดินไป จู่ๆเกศวดีก็เรียกพวกเขาเอาไว้ “รอเดี๋ยว”
มายมิ้นท์หรี่ตาลง “คุณเกศวดีมีเรื่องอะไรอีกเหรอ?”
ส้มเปรี้ยวกับขนมผิงก็กำลังมองเกศวดี
เกศวดีกอดอก พูดขึ้นด้วยท่าทีหยิ่งยโส “นี่คุณมายมิ้นท์จะไม่เตรียมตัวขอโทษส้มเปรี้ยวจริงๆงั้นเหรอ?”
“ขอโทษอะไร?” มายมิ้นท์จ้องไปที่เธอ
เกศวดีคำรามออกมาด้วยเสียงเย็นๆ “คุณให้คนที่มาจีบคุณ ลักพาตัวส้มเปรี้ยว ทำร้ายส้มเปรี้ยวจนเข้าโรงพยาบาล นี่ไม่ควรจะขอโทษงั้นเหรอ?”
“อะไรนะ เธอให้คนไปลักพาตัว?” ทามทอยพูดเสียงดังด้วยความตกใจ
มายมิ้นท์ค้อนขวับใส่เขา “นายคิดว่ามันเป็นไปได้เหรอ?”
“ฉันคิดว่าเป็นไปได้!” ทามทอยพยักหน้าอย่างจริงจัง
มายมิ้นท์ยกมุมปากเล็กน้อย “ไสหัวไป!”
ทามทอยยักไหล่ ไม่แสดงความเห็นแล้ว
มายมิ้นท์ถึงได้มองไปที่ส้มเปรี้ยวกับเกศวดีอีกครั้ง “ใครบอกว่าฉันให้คนลักพาตัวคุณ?”
“ส้มเปรี้ยวบอกว่าได้ยินโจรลักพาตัวเปิดเผยออกมากับหูตนเอง ก็คือเธอที่เป็นคนสั่ง” เกศวดีตอบ
มายมิ้นท์ยิ้ม “คุณเกศวดีก็เลยเชื่อ แล้วออกหน้าเรียกร้องความยุติธรรมแทนคุณส้มเปรี้ยว ให้ธนาคารหลายแห่งหยุดให้บริการเงินกู้กับเทนเดอร์กรุ๊ปสินะคะ?”
เริ่มแรกเธอคิดว่าที่เกศวดีทำอย่างนี้ เป็นเพราะเหตุการณ์ไพ่นกกระจอกคราวก่อน
จนกระทั่งเมื่อกี้ที่ได้เห็นเกศวดีเดินอยู่ข้างกายของส้มเปรี้ยว จึงยับยั้งการคาดเดานี้ แล้วคิดว่าที่เกศวดีทำอย่างนี้ อาจจะเกี่ยวกับเรื่องที่ส้มเปรี้ยวถูกลักพาตัว ตอนนี้ได้ยินเกศวดีพูดขึ้นมาเอง เธอก็แน่ใจสุดๆเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...